ตอนที่7 พื้นที่อันตราย
น้ำค้างนอนกอดเขาที่นั่งแผ่นหลังพิงหัวเตียงไว้หลวม ๆ เธอผล็อยหลับลงเพราะความอ่อนเพลียอีกเช่นเคย ถึงจะเป็นคนขึ้โรคแต่ก็เกลียดการเข้าโรงพยาบาลสุดใจ และที่เขารู้ก็เพราะเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน
“เรย์...”
“นอนเถอะ”
“จะไปไหน” หญิงสาวรั้งไว้เมื่อเขากำลังผละออกจากเธอ
“นัดพวกไอ้เจษไว้”
“จะกลับมานอนด้วยกันมั้ย”
“ฉันไม่อยากกวนเธอ”
“ไม่กวนหรอก กลับมานะ” รัชชานนท์มองหญิงสาวแววตาอ่อนโยนกว่าแววตาที่ใช้มองใคร ก่อนจะพยักหน้ารับ
“อืม”
ใบหน้าคมเข้มมองดูเหมือนคนมีเรื่องวิตกตลอดเวลา เรียวคิ้วหนาขมวดมุ่นแต่เจ้าตัวนั้นไม่รู้เลยว่าสีหน้าแสดงออกไปมากขนาดไหน
“มึงน่าจะอยู่กับเมีย ถ้ามาแล้วจะหน้าหงิกขนาดนี้”
“น้ำค้างไม่ได้เป็นอะไรมาก ก็เหมือนทุกที”
“สงสารน้ำค้าง ไม่ค่อยแข็งแรงแล้วยังมีผัวหื่นอย่างมึงอีก” รัชชานนท์ปรายตามองเพื่อนเล็กน้อย ในสายตาของพวกมันคงมองเขาป่าเถื่อนขั้นสุดที่คิดว่าเขาจะทำทั้งที่เธอป่วย
“นั่งด้วยได้มั้ยคะ พอดีว่าเพื่อนยังมาไม่ถึง” เจษฎากับตะวันมองหน้าคนถูกถามอย่างลุ้นคำตอบ และคำตอบของเขาก็คือขยับให้เหลือพื้นที่ว่างข้าง ๆ ให้เธอ
“กูล่ะอยากให้น้ำค้างมาเห็น”
“เห็นแล้วทำอะไรได้”
“เออว่ะ”
ดวงตาดุดันราวสัตว์นักล่ามองเหยื่อที่เอาตัวเองมาติดกับแววตาแววระยับ แม้เขาและเธอจะไม่ได้พูดอะไรกันแต่ก็รู้ในความต้องการของอีกฝ่ายดี
.....
หญิงสาวที่นอนซมคนเดียวในห้องคอนโดสุดหรูน้ำตาไหลเอ่อ แฟนหนุ่มของเธอสัญญาว่าจะกลับมานอนด้วยแต่นี่ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว หากกลับมาใกล้เช้าจะเรียกว่านอนด้วยกันได้อยู่เหรอ
ตืดด ตืดด
“ฮัลโหล” ปากบางคลี่ยิ้มเล็กน้อยที่ไม่ว่าเขาจะยุ่งหรือหลับก็ไม่เคยไม่รับสาย
“เรย์อยู่ไหนเหรอ”
“ผับ”
“ผับปิดแล้วใช่มั้ยเงียบมากเลย”
“เดี๋ยวกลับ” เขาเอ่ยทิ้งท้ายแล้ววางสายไปก่อนจะถูกซักไซร้ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเกือบจะไร้สีเลือดฝาดหยัดตัวลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะไปนั่งรอรับเขาที่โซฟาหน้าห้องนอน
.....
“มาเจอกันอีกได้นะคะ”
“เรื่องนี้ห้ามใครรู้ เธอรู้ใช่มั้ยว่ามีแฟนแล้ว”
“รู้ค่ะ”
“อย่าอยากมีตัวตน”
“สรุปว่าเรายังจะมาเจอกันอีกนะคะ”
“เจอก็ได้เจอ แต่ห้ามติดต่อมา” รัชชานนท์เดินติดกระดุมเสื้อออกมาจากห้อง ๆ หนึ่งในโรงแรมหรู เขากดลิฟต์ลงมายังชั้นล่างและเมื่อก้าวเดินไปยังลานจอดรถเขาก็เจอกับคนที่ไม่น่าจะเจอเท่าไร
“ไอ้เรย์ แกมาทำอะไรที่นี่” คนตัวสูงปรายตามองคนที่เอ่ยทักเขาก่อนเล็กน้อย แต่ก็เมินเฉยต่อคำถามของบิดาและเดินไปที่รถของตัวเอง
“จองหองนักนะแก”
“คุณกวินมีอะไรจะพูดเหรอครับ” คนที่เปิดประตูรถแต่ยังไม่ขึ้นถามกลับหน้าตายียวน
“อย่ามากวนประสาทฉันนะ!”
“จะเอายังไงล่ะ ไม่คุยด้วยก็ว่าจองหองอีก”
“บ้านช่องไม่กลับเที่ยวเตร่แต่ปากเอาแต่พูดว่ารักแม่ รักแล้วแกไม่อยู่ดูแลล่ะถ้าแม่แกตายคนเดียวที่บ้านจะมาโทษว่าฉันเป็นคนทำอีก”
“แล้วผัวแม่ผมเขามัวไปทำอะไรอยู่ ปล่อยให้เมียตายคนเดียวจะไม่ดูเลวเหรอ”
“ไอ้เรย์!” กวินตวาดเสียงดังลั่นโรงจอดรถ และเพราะเวลานี้ไร้เสียงรบกวนอื่น ๆ มันจึงก้องกังวาลทั่วบริเวณ
“แน่จริงก็ไปพูดให้แม่แกยอมหย่าซะสิ”
“ทำไม อยากเปิดตัวเมียน้อยจะแย่?”
“ทุกวันนี้ฉันก็ไม่ได้ปิด แม่แกมันดึงดันก็ให้นอนน้ำตานองทะเบียนสมรสอยู่แบบนั้นแหละ” รัชชานนท์ขบกรามแน่นมองตามแผ่นหลังของบิดาด้วยความแค้นเคือง สงสัยว่าผู้ชายที่ชื่อกวินเคยรักแม่ของเขาบ้างไหม เคยรักลูกที่เกิดจากเขาทั้งสองคนบ้างไหม
กวินขับรถไปยังบ้านที่เขาเป็นคนซื้อให้พิมล ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนเธอก็เต็มใจตื่นมารอรับเขาเสมอ และเธอก็ปล่อยให้เขานอนพักผ่อนไปจนกว่าจะพอ
“พี่พิมทำอะไรเยอะแยะคะ”
“พี่กวินมา” พระพายมองออกไปที่บ้านก็เจอรถของกวินจอดอยู่จริง ๆ และมันพาลให้เธอนึกถึงลูกชายเขากับเรื่องที่ทำกับเธอ
“พี่พิม”
“ว่าไง”
“จะมีวันที่พี่ไปจากลุงกวินมั้ยคะ” พิมลเหลือบมองน้องสาวแววตาผิดกับก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
“แกมีปัญหาอะไรอีกพระพาย”
“พายถูกลูกชายลุงกวินรังแกค่ะ”
“กว่าฉันจะมาอยู่ตรงนี้ได้ก็ไม่ได้สุขสบาย” พิมลมองหน้าน้องสาวที่เธอต้องเลี้ยงมาโดยลำพังนานกว่าสี่ปี พ่อแม่ล้มละลายพากันตายหนีทิ้งสองพี่น้องไว้ด้วยกันอย่างน่าสมเพส
“ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่พิมต้องลำบาก”
พระพายเดินหน้าเศร้ากลับขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเองที่ถ้าไม่ใช่เพราะเงินของกวินก็คงได้นอนเบียดกันในห้องเช่าแคบ ๆ เธออยู่ได้แต่ก็สงสารพี่สาวที่ต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาด
บรื้นนน
พระพายเดินไปมองที่หน้าต่างเห็นรถของกวินขับออกไปก็โล่งอก ถ้ารู้ว่าเขาอยู่ที่นี่เธอต้องหวาดระแวงแม้กระทั่งเสียงของตกเบา ๆ ยังทำให้ขวัญหาย
แอดด
“ลุง!” พระพายดีดตัวลุกขึ้นยืนอัตโนมัติเมื่อคนที่เปิดประตูเข้ามาคือคนที่เธอระแวง
“กลัวลุงเหรอ”
“ลุงเข้ามาในห้องพายทำไม!” พระพายถอยกรูดแต่พยายามไม่ทำให้ตัวเองจนมุมแบบที่ลูกชายเขาต้อน ดวงตากลมโตกลิ้งไปมาหาอาวุธหากว่าวันนี้สิ่งที่เธอระแวงมันจะเกิดขึ้นจริง ๆ
“พระพาย... หนูอยากสบายมั้ย”
“ไม่ค่ะ ลุงกวินออกไปจากห้องด้วยไม่งั้นพายจะร้องให้คนช่วย”
“ไม่มีใครอยู่หรอก พิมเอารถไปล้างนานเลลลยกว่าจะกลับ” เรียวปากของหญิงสาวสั่นริก พลางมองระเบียงห้องไว้อย่างไม่ลังเล หากเขาเข้ามาเธอจะโดดลงไป
“พิม อยู่หรือเปล่าเอ่ยพี่เอากล้วยบวชชีมาฝาก” พระพายผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อกวินรีบออกไปจากห้องของเธอทันทีที่รู้ว่ามีคนอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย หญิงสาวรีบหนีจากพื้นที่อันตรายอยากจะก้มกราบแทบเท้าเพื่อนบ้านที่เข้ามาได้อย่างตรงจังหวะ
“น้ามด!”
“อะไรน้าตกใจหมดเรียกซะเสียงดังเลย” พระพายวิ่งไปกอดเพื่อนบ้านอย่างแรงจนกล้วยบวชชีในถ้วยเกือบหก แม้จะถูกมองด้วยสายตาสงสัยแต่เธอก็ปริปากพูดในสิ่งที่เพิ่งเจอมาเพราะกวินเป็นคนที่ดูน่านับถือกลัวจะถูกมองว่ากรุเรื่องขึ้นมา
“ขอบคุณนะคะน้ามดที่เอาขนมมาให้ ฮืออ”
“เอ้าแล้วร้องไห้ทำไมยัยเด็กนี่”