วังหลิวหยวน
“ข้ามีสุราดีเพิ่งได้รับพระราชทานมาจากเสด็จพ่อ เลยอยากชวนเจ้ามาร่วมดื่มด้วย มาเร็วดื่มเป็นเพื่อนข้า” ทันทีที่อ๋องสามเห็นหน้าสหายสนิทก็ตบบ่าพาไปนั่งอย่างไม่ถือตัว
หยางต้าหลงค้อมศีรษะ พลางกล่าว “ขอบคุณท่านอ๋องสาม”
“เราเป็นสหายกันไยต้องมากพิธี” อ๋องสามกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว”
“ได้ยินมาว่าเจ้าบาดเจ็บ อาการเป็นอย่างไรบ้าง หลี่อ้ายหลิงเป็นหลานรักของฮองเฮาเลยทำให้เจ้าต้องทำงานหนักต้องไปคุ้มกันด้วยตัวเอง”
หยางต้าหลงยิ้มรับ “ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ท่านอ๋องสามต้องเป็นห่วงแล้ว ส่วนเรื่องคุณหนูหลี่ข้าต้องดูแลพานางไปส่งถึงจวนท่านอัครเสนาบดีให้ได้นั่นเป็นหน้าที่ของข้า ว่าแต่ที่ท่านอ๋องสามเกริ่นมามีเรื่องใดอยากจะบอกกับข้าหรือไม่”
ท่านอ๋องสามหรี่ดวงตาเฉียบคมลงมองสหายรักที่เอ่ยถามอย่างรู้ทัน “สองวันมานี้เจ้าบาดเจ็บคงรักษาตัวอยู่แต่ในสำนักคุ้มภัย คงไม่รู้ข่าวที่โจษจันกันไปทั้งเมืองว่าหลี่อ้ายหลิงไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงาน”
หยางต้าหลงเลิกคิ้วกระบี่ขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ แต่เพียงวูบเดียวก็กลับมามีสีหน้าราบเรียบดังเดิม “เรื่องคุณหนูหลี่ไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน ข้าไม่รู้ข่าวเลยจริงๆ ข้าเองก็ทำหน้าที่คุ้มภัยพานางไปส่งยังบ้านเจ้าบ่าวเสร็จ เรื่องต่อจากนั้นข้าก็ไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอีก”
“เจ้าพูดถูกต้าหลง เรื่องนี้ให้บ้านสกุลหลี่จัดการกันเอง ข้าแค่เล่าให้เจ้าฟังเท่านั้น แล้วเจ้าล่ะ เมื่อไรจะแต่งงานเสียที หากยังไม่เจอหญิงงาม ข้าจะทูลเสด็จพ่อให้ประทานท่านหญิงราชนิกุลให้เจ้าสักคนดีหรือไม่ เจ้าพึงใจท่านหญิงคนไหนบ้างไหมบอกข้าได้ ข้ายินดีเป็นธุระขอสมรสพระราชทานให้เจ้า” อ๋องสามรักสหายคนนี้ยิ่งนัก จึงอยากช่วยหาฮูหยินที่ดีให้
หยางต้าหลงค้อมศรีษะลงน้อยๆ ด้วยท่าทางเคารพ แล้วกล่าวอย่างราบเรียบ “ท่านหญิงที่ท่านอ๋องสามจะหามาให้ข้า จะให้นางมาเป็นฮูหยินหรือจะส่งนางมาตายกันแน่ ในสถานที่อันตรายอย่างเช่นสำนักคุ้มภัยพวกนางจะอยู่ได้อย่างไร ข้าไม่อยากต้องคอยปลอบประโลมพวกนาง ให้พวกนางอยู่ในวังมีบ่าวไพร่ห้อมล้อมคอยดูแลอย่างเดิมดีแล้ว” หยางต้าหลงตัดบทอย่างหมดจดไม่เหลือโอกาสให้อ๋องสามได้พูดต่อ
“หืม หมายความว่าฮูหยินที่เจ้าต้องการเป็นแบบใดกัน หากไม่ชอบหญิงงาม บอบบาง น่าทนุถนอมเหล่านั้น ล้วนทั้งกลัวว่าแต่งพวกนางมาแล้วจะเป็นอันตราย เช่นนั้นเจ้าต้องหาฮูหยินที่มาจากสำนักยุทธ์แล้วกระมัง เจ้าชอบหรือสตรีจากสำนักยุทธ์ พวกนางชอบนอนกอดกระบี่”
หยางต้าหลงไม่ได้หาคำตอบให้อ๋องสาม เขาเองก็นึกไม่ออกว่าจะหาสตรีที่มีคุณสมบัติอย่างที่ต้องการได้อย่างไร ไม่ต้องงดงามนักก็ได้อย่างไรเสียเขาคงใช้งานแค่ชั่วคราว
“หรือว่าเจ้าพึงใจเพ่ยเพ่ยแห่งหอคณิกาเพ่ยจู”
“นางไม่ใช่สตรีที่ข้าพึงใจท่านก็รู้ดี” หยางต้าหลงรีบตัดบท
“จริงสิข้าลืมไปเจ้าไม่ชอบซื้อหญิงคณิกา ทั้งเกาซานเขารู้หมดว่า เพ่ยเพ่ยยอดคณิกาต้องเอาตำลึงทองมากองเพื่อขอหลับนอนกับเจ้า แต่ก็ถูกเจ้าไล่ไป”
เขาไม่ได้รังเกียจหญิงคณิกา แต่เหตุใดต้องเอาตัวลงไปเกลือกกลั้ว อ๋องหนุ่มคนนี้ก็แปลกคิดแต่จะหาเมียให้เพื่อนดูไปแล้วช่างน่ารำคาญนัก
อ๋องสามถอนใจยาวเหตุใดหยางต้าหลงถึงมองเขาด้วยสายตาประหลาด แล้วยังท่าทางหยิ่งผยอง อาจจะเป็นเพราะไม่ยอมมีสตรีเอาไว้อุ่นเตียงถึงได้แลดูเคร่งเครียดนัก แล้วยังดวงตานั่นที่จ้องเขากลับราวกับกำลังอ่านใจ
“เจ้าสบายดีหรือเปล่า”
“ข้าน้อยสบายดี เหตุใดท่านอ๋องคิดว่าข้าป่วย”
“ช่างเถอะเจ้าคงทำงานหนักเกินไป ได้ยินว่าเศรษฐีแคว้นลู่จ้างเจ้าคุมขบวนสินค้าแล้วจ่ายงามไม่ใช่หรือ เห็นทีเจ้าคงทำงานหนักเกินไป เรื่องแต่งงานจ้าพูดมาเช่นนี้ทำให้ข้าอยากรู้แล้วว่าคนเลือกมากอย่างเจ้าจะแต่งใครมาเป็นฮูหยิน งามล่มเมืองก็ไม่ชอบ เอาอกเอาใจเก่งก็ไม่ชอบ ช่วยบอกข้าที ชอบแบบไหนกัน”
หยางต้าหลงยิ้มเย็นชา ดวงตาแฝงความนัยน์ “เดี๋ยวท่านก็เห็นเอง”
อ๋องสามมองสหายรักด้วยแววตาค้นหา คิ้วเข้มขมวดมุ่นแต่กลับไม่เอ่ยคำใดต่อ
จวนอัครเสนาบดี
ขณะที่ฮูหยินใหญ่กำลังเอนกายลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว หลังจากเกณฑ์สาวใช้เกือบทั้งจวนช่วยกันตามหาต่างหูหยกทรงน้ำเต้าหุ้มทองคู่โปรด เมื่อเช้าหลังล้างหน้านางจึงพบว่าต่างหูคู่โปรดข้างหนึ่งหลุดหายไป นางร้อนใจเพราะเป็นสิ่งที่สามีมอบให้ ด้วยรู้สึกเสียดายยิ่งนักตั้งแต่ยามจื่อ(23.00 น.-24.59 น.) จนกินเวลาล่วงเลยถึงยามเหม่า(05.00 น.-06.59 น.)แต่ก็ยังหาไม่พบ นางสั่งให้บ่าวรับใช้ค้นหาทั่วทั้งจวนแต่ก็หาไม่พบ
“ข้าปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมดแต่กลับยังหาไม่เจอ ถึงจะทำหล่นหาย ก็ต้องตกอยู่ภายในจวนในเมื่อสองสามวันนี้ข้ายังไม่ได้ก้าวเท้าออกนอกประตูจวนสกุลกุ้ย หากข้ารู้ว่าใครเก็บได้แล้วไม่นำมาคืน ข้าจะโบยมันให้ตายคามือ”
ข้างเก้าอี้หวายมีหลิ่งอี้คอยพัดโบกวันนี้ฮูหยินใหญ่เลือกสวมชุดกระโปรงสีแดงเข้มขับเน้นเรือนร่างอวบอิ่มดูผุดผ่องตัวเสื้อปักลายโบตั๋น คลุมด้วยเสื้อไข่มุกถักเป็นตาข่ายแม้มุกจะไม่ได้น้ำงามราวกับเหล่าสนมในวังสวมใส่แต่สำหรับฮูหยินของอัครเสนาบดีกุ้ยไป๋เทียนนับว่าสมหน้าสมตา ส่วนสาวใช้อีกคนกำลังคอยบีบนวดนางอย่างเอาใจ
“วันซวยอะไรของข้าปวดท้องยังไม่หาย ต้องมาปวดขาเพราะเดินตามหาต่างหูไปทั่วจวน”
“เหตุใดฮูหยินใหญ่จึงปวดท้องเจ้าคะ บ่าวไม่เคยเห็นท่านเจ็บป่วย หรือว่ากินสิ่งใดผิดสำแดงเข้าไป”
“เหตุใดกันข้าจึงท้องเสียขับถ่ายไม่หยุด ช่างน่าคิดนัก พวกเจ้าคอยสอดส่องนังตัวดีเวลามันเข้าครัวปรุงอาหารบ้างหรือไม่ บางทีมันอาจคิดกลั่นแกล้งข้าแอบใส่อะไรลงไปในอาหาร” ที่จริงแล้วนางไม่ไว้ใจฮุ่ยชิงเท่าใดนัก เพียงแต่ฝีมือปรุงอาหารของเด็กสาวทำให้นางติดอกติดใจ
หลิ่งอี้เริ่มกังวลด้วยพวกนางเกียจคร้านหากตามเข้าไปเฝ้าคุณหนูรองทำอาหารในครัวอาจถูกใช้ให้หั่นผัก หั่นเนื้อ อย่างไรแล้วพวกนางก็เป็นเพียงทาสถึงคุณหนูรองไม่ได้รับการยอมรับเฉกเช่นคุณหนูใหญ่อย่างไรก็ยังเป็นธิดาของท่านอัครเสนาดี ต่อหน้าสาวใช้คนอื่นๆ ในจวนหากคุณหนูรองใช้งานแล้วนางไม่ทำย่อมเป็นที่ติฉินนินทาต่อสาวใช้คนอื่นในจวน พวกนางจึงมักยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้องครัวไม่เข้าไปวุ่นวาย ทำหน้าที่แค่คอยสอดส่องไม่ให้พวกสาวใช้ในครัวเอาอาหารดีๆ หลุดไปถึงเรือนฮูหยินรอง