[ ซายูริ ]
ร่างกายฉันเพลียกว่าที่คิด ลืมตาตื่นอีกทีก็พบว่าล่วงบ่ายสองเข้าไปแล้ว เรื่องไปมหาลัยไม่ต้องคิดเลยตอนนี้ฉันควรตั้งสติให้ได้ก่อน เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วฉันควรแก้ปัญหาต่อจากนี้ยังไง
ความรู้สึกเจ็บลึกในท้องน้อยย้ำเตือนความทรงจำที่ชวนให้หดหู่ใจ ใบหน้าของตัวต้นเหตุทอวาบเข้ามาในหัว ฉันกำหมัดแน่น ทุบลงบนเตียงด้วยเจ็บใจจนอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือ
คาวะ ...ไอ้เลว!
ก๊อกๆ
“ท่านซายูริ... ตื่นแล้วเหรอคะ”
หัวหน้าแม่บ้านเยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องได้จังหวะพอดี รอยยิ้มอบอุ่นนั่นเห็นแล้วพลอยทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลง ฉันสูดหายใจเข้าลึกก่อนระบายออกมายาวเหยียด
“อืม ระหว่างที่หลับมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“มีคนของแก๊งเรามาเยี่ยมคุณหนูเยอะเลยค่ะ และก็คุณทาโร่แวะเอาตารางงานมาให้คุณหนูด้วยค่ะ”
ทาโร่เสมือนเลขาของซูซาคุกรุปส์ เป็นทั้งคลังข้อมูล คนจัดระเบียบ และตัวประสานงาน ถ้าเปรียบแล้วก็เหมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงซูซาคุนั่นแหละ มีอิทธิพลรองลงมาจากดาไซ จะเรียกว่าเป็นมือซ้ายของคุณพ่อก็ได้
“ทาโร่กลับไปแล้วเหรอ”
“กลับไปแล้วค่ะ เห็นว่าที่บริษัทกำลังยุ่ง”
“อืม” ฉันพยักหน้า กวาดตามองไปรอบๆ ห้องอย่างใช้ความคิดครู่หนึ่งก่อนจะกลั้นใจลุกขึ้นอาบน้ำ สมองยังรู้สึกเอื่อยไม่หาย เช่นเดียวกับความรู้สึกระบมด้านใน ย้ำเตือนให้ฉันนึกถึงใบหน้าของตัวต้นเหตุ
คาวะ ไอ้คนสารเลว!
“จะให้ป้าตั้งโต๊ะ หรือให้คนเอาอาหารขึ้นมาทานบนห้องคะท่านซายูริ”
แม่บ้านที่ยังยืนรออยู่ที่เดิมเอ่ยถามหลังจากฉันออกมาจากห้องน้ำ
“ให้คนยกไปรอที่ห้องนั่งเล่นติดกับสวน”
“ได้ค่ะ”
แม่บ้านค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนหมุนตัวเดินออกไป ฉันเบือนหน้ากลับมาจ้องตัวเองในกระจก เส้นผมสีเงินถูกมัดรวบไว้ข้างบนกันเปียก นัยน์ตากลมใสสะท้อนภาพตัวเองอยู่ข้างใน ฉันหลับตาลงก่อนจะถูกความเศร้าซึมกลืนกิน พยายามไม่นึกถึงเรื่องบาดจิตเมื่อคืน รีบเดินมาเลือกเสื้อผ้าใส่แล้วลงไปข้างล่าง สั่งให้คนเอาตารางงานมาให้ที่ห้องนั่งเล่นระหว่างทานข้าวมื้อแรกของวัน
ปกติจินจะเป็นคนอ่านและแจ้งฉันอีกที แต่ตอนนี้ไม่มีจินฉันไม่มีทางเลือกนอกจากอ่านเอง ระหว่างที่กำลังคิดถึงจินอยู่นั้น แฟ้มในมือก็ถูกฉวยไปอย่างถือวิสาสะ
ฉันตวัดสายตาขึ้นมองอย่างไม่พอใจ เพราะปกติไม่เคยมีใครกล้าแย่งของจากมือมาก่อน นึกว่าเป็นลูกน้องกำลังจะต่อว่าแต่เสียงฉันกลับเลือนหายไปทันทีที่ปะทะสายตาเข้ากับคาวะ
“นาย...”
“เย็นวันพรุ่งนี้มีร่วมงานเลี้ยงวันเกิดสส. วันศุกร์ประชุมที่ซูซาคุกรุปส์ วันอาทิตย์ต้องไปกินข้าวกับคู่ค้า วันจันทร์เข้าไปเคลียร์งานในบริษัท...”
คาวะก้มลงอ่านตารางงานอันยาวเหยียดโดยไม่สนใจสายตาทิ่มแทงของฉัน ความรู้สึกรังเกียจพวยพุ่งออกมาจนอยากจะพุ่งเข้าไปหักคอเมื่อนึกถึงเรื่องบัดสีเมื่อคืน
แค่คิดว่ามันเกือบจะ... ฉันก็ขยะแขยงขึ้นมาทันที เชิดหน้าไปอีกทางอย่างไม่อยากฟัง
แต่หมอนั่นก็อ่านต่อจนจบ แล้ววางแฟ้มลง
“หน้าที่ผมมีอะไรบ้างครับท่านซายูริ”
น้ำเสียงสุภาพเอ่ยขึ้น ฉันอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามอง ใบหน้าของคาวะที่ยื่นเข้ามาใกล้ๆ ในระดับไหล่ทำฉันผวาเฮือก ลนลานถอยกรูดออกมาหัวใจสั่น
หมอนั่นยิ้มยะเยือก ฉันรู้ทันทีว่าโดนกลั่นแกล้ง เม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเจ็บใจ เหลือบมองไปรอบๆ ด้วยกลัวว่าจะมีใครเห็น แต่โชคดีที่แถวนี้ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย
“อย่าทำแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”
“แล้วแบบไหนที่ท่านซายูริชอบ หืม?”
ไอ้เวรนั่นเอามือจับขอบโซฟาโน้มลำตัวยาวๆ เข้ามาคร่อมร่างฉันเอาไว้
“บ้า! ออกไปนะ” ฉันดันแผ่นอกที่น่าขยะแขยงออก สายตาเลื่อนลงมองเป้ากางเกงอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัวแล้วก็โดนจับได้ รอยยิ้มเยาะผุดขึ้นบนใบหน้ากวนๆ
“หืม... คิดอะไรอยู่เหรอ”
แก้มฉันร้อนวูบ มองสบสายตาลามกของคาวะอย่างเดือดดาล
“ไม่ได้คิด! ถอยไปนะเดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก”
“กลัวอะไร นี่มันบ้านของท่านซายูริไม่ใช่เหรอ จะทำอะไรก็ได้ไม่มีใครว่า”
“ฉันบอกให้ออกไป” ฉันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยกมือทั้งสองข้างขึ้นดันแผ่นอกคาวะออกห่างแต่เขากลับดื้อด้านไม่ยอมถอยออก หนำซ้ำยังจับต้นขาฉันลูบไล้อย่างไม่ยำเกรง ฉันรู้สึกโกรธจนควันออกหู ไม่รู้จะทำยังไงกับไอ้สารเลวจิตหื่นตรงหน้าดี จะร้องให้คนช่วยก็ไม่ได้ ความร้อนรนที่กดทับอยู่ในอกบีบให้ฉันเอ่ยขอร้องเขาด้วยเสียงอ่อนไหว
“อย่าทำแบบนี้คาวะ ขอร้อง ออกไปก่อน... เอ๊ะ!”
ใบหูรู้สึกร้อนวูบ ฉันสะดุ้งเฮือก หัวใจสั่นระรัวเมื่อฝ่ามือหนาล้วงลึกเข้าใต้กระโปรง เอื้อมลงไปจับท่อนแขนกำยำเอาไว้แน่น มองอีกฝ่ายด้วยสายตากระวนกระวาย ทำไมกัน... ทั้งที่ฉันอุตส่าห์ขอร้องแล้วแท้ๆ
“คาวะหยุด...”
“หือ ...แฉะอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“อึก”
“อะไรกัน หรือว่าเห็นหน้าแล้วมีอารมณ์”
ฉันเม้มปากแน่นด้วยความอับอาย ทุบแขนกำยำของคาวะรัวๆ พลางจ้องเขาด้วยสายตาดุกร้าว
“ปล่อยนะ! บอกให้ปล่อย... อือ อย่าย้า”
“ชู่ว!~ เสียงดังไปเดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก”
“อึก หยุด...”
นิ้วของคาวะกดเน้นย้ำ สะกิดหยอกเย้าอย่างมีชั้นเชิง มันไม่ทำให้รู้สึกเจ็บแต่...ความวาบหวามที่ได้รับทำให้ฉันหนีบขาแน่น นั่งบิดเบี้ยวอยู่ไม่สุข ลมหายใจหอบกระชั้นถี่แทบจะลงไปนอนดิ้นแต่ต้องฝืนใจเอาไว้
“พอ... แล้ว อ๊ะ~”
ฉันรู้สึกเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้ แม้จะรู้เต็มอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีแต่อารมณ์ที่แผดเผาอยู่ข้างในกลับร้อนรุ่มเกินระงับ
ฉันหลับตาลงแน่นซึมซับเอาความเสียวซ่านราวกับโดนมอมเมา ลมหายใจหอบกระเส่าขณะที่ริมฝีปากรู้สึกแห้งผาก สัมผัสได้ถึงปลายนิ้วที่แทรกผ่านขอบแพนตี้เข้ามาดุนดันตรงช่องทางเข้าอันอุ่นชื้น ค่อยๆ ชำแรกเคลื่อนลึกเข้าไปเรื่อยๆ กระดกขึ้นลงราวกับจะหยอกล้อ
ฉันขมวดคิ้วร่างกายเกร็งอย่างรู้สึกเจ็บ ช่องทางรักบีบรัดนิ้วคาวะแน่น กัดริมฝีปากอย่างอดกลั้นแต่ก็ยังมีหลุดครางออกมาอย่างหวิวไหว สายตาคมกริบที่จ้องมองลงมาราวกับบันทึกภาพทำผิวกายฉันร้อนจัด รู้สึกเร้าใจจนอยากร้องไห้ออกมา ฉันรู้สึกหดหู่ใจอย่างถึงที่สุด
“อ๊ะ... อื้อ!~ คา... อ๊ะ”
นิ้วหมอนั่นรูดรั้งเข้าออกเร็วและรัวขึ้น ฉันดิ้นพรวดพราด อ้าขาออกอย่างไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มือคว้าท่อนแขนที่ขยับไปมาของเขาไว้แน่น ได้ยินเสียงดังเฉอะแฉะยามนิ้วขยับใส่ ร่างกายเหยียดเกร็งเมื่อพายุอารมณ์พุ่งถึงขีดสุด แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความสุขสมแต่ยังพอมีสติ ทำให้เสียงร้องดังสะท้อนเบาๆ ในลำคอ
ฉันนอนหายใจเหนื่อยหอบบนโซฟา ดวงตาเหม่อลอย คาวะถอนนิ้วออกแล้วเช็ดลงที่แก้มฉัน หัวใจฉันกระตุกวูบ แววตาลุกวาวด้วยความโกรธ เด้งผึงขึ้นมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างเดือดๆ
“หยุดนะ!”
ฉันจับแก้มที่โดนเช็ดอย่างเลือดขึ้นหน้า คราบเหนียวๆ ที่ติดอยู่ยิ่งทำให้ฉันแทบคลั่งเมื่อรู้ว่ามันคือร่องรอยของความสุขสมที่น่าสะอิดสะเอียน
“รังเกียจของตัวเองทำไม ออกจะน่ารักและหวานขนาดนี้”
คาวะยิ้มเยาะก่อนไล้เลียนิ้วตัวเอง สายตาคมกริบจับจ้องฉันนิ่ง ใบหน้าฉันร้อนวาบ มองการกระทำเสื่อมทรามของคาวะอย่างอึ้งๆ แทนที่จะโกรธจนเนื้อตัวสั่นกลับรู้สึกถึงความเย้ายวนน่าประหลาด
อึก! แล้วนี่ฉันจะมายืนมองหมอนั่นทำแบบนั้นทำไม
“ไปให้พ้น ไอ้บ้า!”
อยู่ดีๆ ก็สติแตกขึ้นมา คว้าหมอนขึ้นฟาดคาวะเป็นบ้าเป็นหลัง
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
“เฮ้ หยุด!”
คาวะคว้าหมอนเอาไว้อย่างรำคาญเพราะของแค่นี้ไม่ระคายผิวเขาหรอก
“จะโวยวายทำไม เมื่อกี้ก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ”
กรี๊ด! ฉันแทบจะชักดิ้นชักงอลงตรงนี้ คาวะ ไอ้หมอนั่นแสยะยิ้มหยัน แววตาคมกริบไหวระริกอย่างคนที่กำลังถากถางฉันอยู่
“หุบยิ้มเดี๋ยวนี้นะ”
“หึ”
“ไอ้...”
“ท่านซายูริคะ”
ฉันกำลังจะพุ่งเข้าไปข่วนหน้าคาวะแต่สาวใช้ดันโผล่เข้ามาซะก่อน ทำเอาเสียอารมณ์หมด ฉันหันไปจ้องสาวใช้ตาขวาง เธอสะดุ้งรีบก้มหน้างุดลงอย่างตกใจ ละล่ำละลักบอกธุระของตนเสียงสั่น เป็นสาวใช้ที่ขวัญอ่อนอะไรอย่างนี้
“คะคือ หัวหน้าแม่บ้านฝากมาถามเรื่องชุดที่จะไปงานเลี้ยง ...ท่านซายูริจะเลือกชุดใหม่หรือใช้ชุดเดิมที่มีอยู่แล้วคะ”
งานเลี้ยง... จริงสิ พรุ่งนี้นี่นา ลืมไปเลย เพราะไอ้โรคจิตข้างๆ นี่คนเดียวทำฉันหัวหมุนไปหมด
“อืม ชุดเดิม”
“แล้ว... เอ่อหัวหน้าแม่บ้านให้มาถามด้วยว่าจะให้เตรียมชุดสำหรับคุณหนูอัยย์ด้วยไหม”
ทันทีที่ได้ยินชื่ออัยย์ สีหน้าคาวะก็สะท้อนความสงสัยออกมา
“ทำไมต้องมีชุดให้อัยย์” เขาถาม
“ก็ เผื่อท่านซายูริจะอยากพาไป...ด้วย”
สาวใช้รีบก้มหน้างุดเมื่อสบสายตาบาดลึกของคาวะ
“ไม่ต้อง!”
“เตรียมชุดให้อัยย์ด้วย!”
ฉันกับคาวะเอ่ยขึ้นแทบจะพร้อมกัน สาวใช้เงยหน้าขึ้นอย่างสับสนไม่รู้จะฟังคำใคร ระหว่างเจ้านายอย่างฉันหรือพี่ชายของอัยย์
“อัยย์ไม่มีเหตุผลต้องออกงาน เพราะงั้นชุดก็ไม่จำเป็น” คาวะเหมือนพูดกับสาวใช้แต่สายตาจับจ้องฉันเขม็ง ฉันรับรู้ได้ถึงความกังวลในน้ำเสียงของเขา พลันในใจฉันก็บังเกิดความต้องการที่จะเอาชนะ
คนมีชนักปักหลังอย่างคาวะ คงไม่อยากให้น้องสาวโดนคนอื่นจับจ้อง ฉันแค่อยากเห็นสีหน้าทุกข์ร้อนของคาวะไม่ได้มีเจตนาคิดร้ายต่ออัยย์เลย หันไปบอกสาวใช้เสียงเฉียบขาด
“บอกแม่บ้านให้เตรียมชุดเผื่ออัยย์ด้วย อัยย์จะไปกับฉันในฐานะเพื่อนคนสนิท”
ฉันเน้นย้ำคำว่า ‘สนิท’ เป็นพิเศษ มองสบสายตาลุกวาวของคาวะอย่างไม่หวั่นไหว
ไกด์ไลน์ ทาโร่ : เลขาของกลุ่ม มือซ้าย คอยจัดระเบียบต่างๆ ในซูซาคุ ส่วนมากจะขลุกตัวอยู่ที่บริษัท หัวหน้าคนงาน มีข้อมูลลูกน้องทุกคน ช่วงอายุ 35-40