ตอนที่ 7 100%

3115 Words
ตอนที่ 7          หนึ่งเดือนผ่านไป… ภาคีนัยและจันจิราต่างใช้ชีวิตอย่างความสุข โดยชายหนุ่มรับหน้าที่ดูแลไร่ให้เพื่อนแบบไม่เกี่ยงงอน ตรวจเช็คมาตรฐานของฟาร์ม ดูแลความเรียบร้อยอีกหลายๆด้าน โดยมีหญิงสาวเคียงข้างไปทุกที่ จนคนงานบางคนที่คุ้นเคยกับเขาแซวอยู่บ่อยครั้ง คนปากหนักหึงหวงที่สุด เมื่อเห็นมีคนงานผู้ชายเข้ามาหาผู้หญิงของเขา คนตัวใหญ่ไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตาไปไหน ไปที่ใดมีอันต้องหนีบติดกายไปด้วยตลอด ความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สองหนุ่มสาวคุยกันมากขึ้นฝ่ายหญิง กล้าคุยกล้าแสดงออก แต่เธอก็ยังคงขี้อายเหมือนเดิม          ความสัมพันธ์ทางจิตใจผูกพัน หารู้ไหมว่าช่วงเวลาไม่กี่เดือนหัวใจดวงน้อยของจันจิรา ได้หลงรักผู้ชายแสนร้ายกาจนามว่าภาคีนัยเข้าเสียแล้ว แต่ฝ่ายชายหนุ่มนั้นยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่เป็นอยู่ เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมเวลาอยู่ใกล้เธอแล้วรู้สึกว่าต้องการเธอไม่เคยขาด เห็นเธอร้องไห้หัวใจแกร่งเจ็บแปลบราวกับถูกของมีคมเสียบแทง เข้าไปตรงกลางหัวใจเห็นเธอเจ็บเขาก็เจ็บไม่ต่างกัน ความสัมพันธ์ทางร่างกายหนุ่มสาวต่างปรนเปรอให้กันไม่มีหยุดหย่อน หรือขาดตกบกพร่องประการใดทั้งสองคนคอยเติมเต็มให้กันและกันตลอดเวลา          แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดหน้าต่างใบเล็กเข้ามา สองร่างเปลือยเปล่านอนกกกอดอย่างอบอุ่น แสนมีความสุข กว่าที่จันจิรากับภาคีนัยจะมอดดับไฟรักเสร็จสิ้น กินเวลาไปเกือบรุ่งสางของวันใหม่ ทำให้ทั้งสองหมดเรี่ยวแรงไปมาก ใบหน้านวลเนียนซุกเข้าหาแผงอกกว้าง ไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ฟากชายหนุ่มกอดกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นกว่าเก่า          ตอนสายของวันชายหนุ่มต้องไปในเมือง เพื่อทำธุระส่วนตัว โดยต้องเข้าไปในตัวเมืองเท่านั้น และหญิงสาวขออนุญาตชายหนุ่มว่าไม่ไปด้วย เพราะเธอเหนื่อยไม่อยากไปเดินที่ไหนอีก คนตัวน้อยบอกกับเขาว่า จะพักและนอนรอเขาอยู่ที่บ้าน   ใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้ห้องประชุมขนาดกว้างของโรงแรมดำรงอนุสรณ์ พนักงานน้อยใหญ่ทุกคนต่างมีสีหน้าตึงเครียดไม่ต่างกัน เพราะจู่ๆคุณหญิงมาศผกามารดาของผู้บริหารหนุ่มกลับมาจากต่างประเทศ พร้อมรีบตรงดิ่งมาโรงแรมเพื่อตรวจพฤติกรรมของลูกชายอย่างไม่บอกไม่กล่าว พอลงเครื่องปุ๊บร่างโฉบเฉี่ยวสวยสาวสมวัยห้าสิบปลายที่หน้าไม่ต่างจากวัยสามสิบกว่าๆ ตรงมาหาบุตรชายสุดรักเพียงคนเดียวที่โรงแรมทันที แต่พอมาถึงหน้าห้องทำงานของภาคีนัย เลขาส่วนตัวของผู้บริหารนหุ่มเลยบอกว่าเจ้านายของตนไปดูงานต่างประเทศ คุณหญิงมาศผกาเลยคิดว่ามันจะจริงเหรอ แปลกไปนะ ที่คนเบื่อเมืองนอกอย่างภาคีนัยจะไปดูงานที่นั่น ‘สวัสดีค่ะนายแม่’ เลขาสาวหน้าห้องกล่าวทักอย่างมีมารยาท ทุกคนต่างรู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร เพราะพนักงานทุกคนต่างเกรงในอำนาจของคุณผู้หญิงดำรงอนุสรณ์ เป็นที่สุดโดยไม่มีใครกล้าขัดสักคน ‘สวัสดี ว่าแต่คุณภาคีนัยอยู่ไหม’ น้ำเสียงของเธอนั้นออกจะห้วน และถือตัวอีกนิด เพราะเธอก็เป็นถึงนายหญิงแห่ง ดำรงอนุสรณ์ ทำให้คุณหญิงเป็นบุคคลประเภทไม่สนใจใคร หรือทำตัวสนิทชิดเชื้อกับคนอื่น เธอแสนถือตัว จะมีเพื่อนในหมู่เฉพาะผู้ดีไฮโซแค่นั้น ‘เอ่อ คือ เออ’ เลขาสาวไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เธอจำคำสั่งบอสได้ดีว่าให้ปฎิบัติอย่างไร แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็คือแม่ของบอสเช่นกัน และเป็นบอสใหญ่หัวใจหลักอีกด้วย ‘อ้ำๆอึ้งๆอยู่นั่นแหละรีบตอบมา’ คุณหญิงมาศผกาเร่งรัดเอาคำตอบ กับเลขาสาวหน้าห้อง เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกมาให้เห็นนั้นเหมือนกับคนมีพิรุธหรือมีเรื่องปกปิด ‘เอ่อคือ เจ้านายไปดูงานที่ต่างประเทศค่ะ’ เลขาสาวจำใจต้องโป้ปดแบบเลี่ยงไม่ได้ แต่มีหรือที่คนชอบจับผิดอย่างคุณหญิงมาศผกาจะยอม เพราะเธอดูน้ำเสียงบวกกับท่าทางเลขาสาว แสดงออกมานั้น น่าจะไม่เป็นความจริงมากกว่า ‘อย่าโกหก ตอบความจริงมา ถ้าฉันรู้ว่าเธอโกหกล่ะก็ โดนไล่ออกจากงานแน่’ คุณหญิงมาศผกาขู่สำทับลงไป อีกจนร่างกายเลขาสาวสั่นเทิ่มทั้งตั วด้วยความหวาดกลัว ‘จะ จริงค่ะ’ ‘เธอยังมีหน้ามาโกหกฉันต่ออีก ไป๊ ออกไป ไปตามพนักงานทุกคนในโรงแรม มาประชุมให้หมดทุกคน ถ้าใครปฎิเสธ คัดค้านหรือไม่ยอม บอกว่าฉันจะตัดเงินเดือนครึ่งหนึ่ง’ พอเลขาสาวรับฟังคำสั่งเสร็จ เธอรีบไปนัดพนักงานทุกคนให้มาประชุมภายในเวลานี้เป็นการเร่งด่วน ห้านาทีต่อมาพนักงานทุกคนประชุมพร้อมเพรียง ส่งผลให้ห้องประชุมทั้งห้องเงียบกริบ แม้กระทั่งเสียงไอ จามก็ไม่มี ได้ยินเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้นที่ดังทำลายความเงียบ ดวงตาหลายคู่จ้องกันไปมา มองหน้ากัน บรรยากาศตึงเครียดจนคุณหญิงมาศผกาเกิดอาการรำคาญ ที่มาพร้อมกับความโกรธอีกระลอก          “เงียบกันทำไม ตอบมาสิว่า คุณภาคีนัยเจ้านายของพวกคุณ หายหัวไปไหน ถึงได้ทิ้งบริษัทไว้อย่างนี้” คุณหญิงมาศผกาโกรธมากที่บุตรชายของตน ไม่สนใจไยดีบริษัทของต้นตระกูลรักษามาไว้ให้          “ตอบมาสิจะเงียบกันทำไม” น้ำเสียงน่ากลัวเอ่ยย้ำอีก          จนแล้วจนเล่า ก็ไม่มีใครตอบอีก คุณหญิงมาศผกาโกรธมากกว่าเก่า พร้อมกับตัดสินใจเด็ดขาดเป็นเอกฉันท์ในที่ประชุมว่า          “เดือนนี้พวกคุณทุกคนโดนหักเงินเดือนคนละครึ่ง ห้ามขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้นเพราะพวกคุณเป็นพนักงานที่นี่แท้ๆแต่กลับไม่รู้ว่าเจ้านายไปไหน แสดงว่าพวกคุณขาดความรับผิดชอบมาก ปิดประชุมเชิญทุกคนออกจากห้องได้” ร่างสวยงามสมวัยของคุณหญิงมาศผกา เดินออกจากห้องประชุมทันที เท้าเรียวสวมก้าวไปยังรถส่วนตัวที่คนขับรถมารอรับ อารมณ์ฉุนเฉียว โกรธ โมโห ไม่หาย ที่บุตรชายทิ้งบริษัทไว้ แล้วหนีหายไปดูงาน เหตุผลดูไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไร เธอไม่เชื่อเป็นอันขาดว่าประธานหนุ่มจะไปเมืองนอก          พอถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ ร่างของคุณหญิงมาศผการีบไปยังห้องนอนของบุตรชายทันที ตู้ส่วนตัวสำหรับเก็บเอกสารถูกค้นหาหลักฐานการไปเมืองนอก แต่ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นพาสปอร์ตของบุตรชาย สิ่งนี้ย้ำชัดว่าภาคีนัยไม่ได้ไปต่างประเทศเหมือนที่คาดการณ์ไว้จริงๆ เขาจะไปอยู่ที่ใดล่ะ ปกตินิสัยของบุตรชายตนนั้น ไม่ชอบไปไหนไกลจะมีเที่ยวบ้างตามประสาผู้ชาย ถึงดึกดื่นเที่ยงคืนฝนจะตกไฟจะดับอย่างไร แต่เขากลับมานอนบ้านเสมอ นี่เป็นความผิดร้ายแรงมาก แปลกที่สุดภาคีนัยกล้าทิ้งงานไปเป็นแรมเดือน ปล่อยให้แค่เลขาอย่างชุติมนและเกษมทำงาน          สถานกาณณ์แบบนี้ นิ่งนอนใจไม่ได้คุณหญิงมาศผกาต้องลงมือจัดการด้วยตัวเองซะแล้ว อยากรู้เหลือเกินว่าอะไรทำให้ลูกชายของเธอหนีงานไปอย่างนี้ และฉุกคิดขึ้นมาว่าตนยังไม่ได้โทรถามบุตรชาย ว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้นเป็นมาอย่างไร มืออวบอิ่มของคนวัยห้าสิบต้นๆคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อกดเบอร์โทรหาบุตรชาย แต่พอโทรไปได้สักพักปลายสายตอบกลับมาว่า ฝากหมายเลขโทรกลับ แสดงว่าติดต่อไม่ได้ ได้อยากลองดีกับแม่นักเดี๋ยว จะได้รู้กันว่าแม่โหดร้ายเพียงไหน คุณหญิงได้แต่คิดอย่างหมายมั่นไว้ในใจ           “บริษัทนักสืบใช่ไหมค่ะ”           “ครับ ใช่ครับมีเรื่องอะไรให้เรารับใช้ครับ”          “พอดีฉันมีเรื่อง อยากให้คุณสืบหาคนให้น่ะค่ะ” น้ำเสียงราบเรียบเย็นชา          “ครับ ว่าแต่เขามีลักษณะอย่างไรบ้างครับ” คนเตรียมตัวรับงานเริ่มสอบถามข้อมูลเบื้องต้น          เมื่อเห็นเช่นนั้นคุณหญิงคนสวย เลยนัดพ่อนักสืบมา “เอาเป็นว่าคุณมาที่บ้าน ดำรงอนุสรณ์นะ เดี๋ยวฉันเอาข้อมูลให้เอง”          “ครับ อีกสักครู่ผมจะถึงครับ ไม่เกินสามสิบนาทีครับ” พอปลายสายพูดจบคุณหญิงมาศผกา กดวางทันที           สามสิบนาทีผ่านไป…          “นี่คือข้อมูลทั้งหมด ฉันต้องการทราบภายในวันนี้” ซองเอกสารที่เกี่ยวกับลูกชายตน ยื่นต่อหน้าบุรุษผู้หนึ่งที่เธอเรียกเขาว่า นักสืบ          “มันเร็วไปไหมครับ นี่ก็มืดแล้วด้วย” ตามวิสัยของผู้ทำงานด้านนี้ต้องเล่นตัว          “ค่าจ้างไม่ต้องเกี่ยง ฉันให้เพิ่มแน่นอน ตกลงไหม”          เมื่อได้ยินประโยคนั้น ผู้ที่ทำงานและต้องการเงินจำนวนไม่น้อยคลายยิ้มรวดเร็ว “ตกลงครับ” พอรับปากตกลงเสร็จ เขาก็เดินออกไปและไม่ลืมหยิบข้อมูลในซองสีน้ำตาลติดมือมาด้วย          บนถนนกว้างใหญ่กลางเมืองโคราช มือหนาบังคับพวงมาลัยอย่างใช้สติ เพราะขากลับรถติดเสียเหลือเกิน เล่นเอาซะเกือบทุ่ม เบนซ์สปอร์ตคันงามถึงได้มาจอดหน้ารีสอร์ท ชายหนุ่มนั้นห่วงแสนห่วงคนตัวน้อยที่นอนอยู่บ้านเหลือเกิน เขาพะวักหน้าพะวงหลังไปทั่ว พอลงจากเรือร่างสูงใหญ่รีบเคลื่อนกายแกร่งของตน มุ่งตรงไปบ้านพักอย่างรวดเร็ว ด้วยความเป็นห่วงและใจถวิลหาทั้งวัน          “ลูกจันครับ ลูกจันอยู่ไหน ผมกลับมาแล้วนะ” เสียงตะโกนเรียกหญิงสาวดังทั่วหน้าบ้าน เนื่องจากเห็นประตูปิดเงียบเขาเลยสงสัยว่า สาวสวยร่างบางที่ใจแกร่งถวิลหาทั้งวันหายไปไหน ทำไมเขาเรียกแล้วเธอไม่ขาน          “ลูกจัน เปิดประตูให้ผมด้วย” มีแต่ความเงียบตอบกลับมา ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนร่างบางโผล่พ้น ชายหนุ่มแปลกใจเกรงว่าหญิงสาวจะหนีหาย หรือไม่ก็เกิดเรื่องไม่ดีไม่ร้ายขึ้นแน่นอน          เขาไม่รอช้ามือหนากระชากประตูเปิดออก พุ่งร่างของตนเข้าไปอย่างรวดเร็ว เท้าแกร่งวิ่งหาหญิงสาวทั่วบ้าน ทั้งห้องนอนห้องครัวห้องน้ำ แต่ไม่เจอยิ่งตอนนี้ลมพัดแรง เป็นสัญญาณเตือนว่าพายุกำลังจะมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววเลยบรรยากาศวิเวกวังเวงน่ากลัว คนตัวใหญ่ใจร้อนเป็นห่วงจันจิรามากถึงมากที่สุด ไม่รู้ว่าคนตัวน้อยหายไปทางไหน เท้าแกร่งไม่ลดละความเร็ว เขาก้าวฉับๆเดินทั่วบ้าน แต่ก็ไม่พบ ฝนเม็ดน้อยเริ่มปอยลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผ่านไปไม่กี่นาที หยาดน้ำฟ้าสาดกระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง          “ลูกจัน คุณอยู่ไหน ลูกจัน ” ชายหนุ่มตะโกนอย่างเป็นห่วงคนตัวน้อย แข่งกับเสียงฝนที่ซาซัดกระหน่ำลงพื้นดิน ไม่มีหยุดหย่อน มือข้างหนึ่งสาดส่องแสงไฟไปตามเส้นทางที่คาดว่าเธอจะไป แต่ก็ไม่เห็นเงา ชายหนุ่มจึงจะเดินเปลี่ยนไปเส้นทางใหม่ แต่แล้วเสียงกรี๊ดร้องอย่างเจ็บปวด ร้องโหยหวนขึ้นไม่ไกลจากตรงเข้ายืนอยู่นัก          “กรี๊ดดด!!!” ใจแกร่งกลัวที่สุด หัวใจอ่อนยวบไปกองไว้ตาตุ่ม เสียงกรี๊ดร้องโหยหวนชวนปวดร้าวจับใจ เสียงของจันจิราชัวร์ ชายหนุ่มมั่นใจซะยิ่งกว่ามั่นใจอีก ท่อนขาแข็งแรงวิ่งแทบขาจะพันกันไปที่ต้นเสียง และก็พบเจอเธอจริงๆ          พุ่มไม้เล็กไม่ไกลจากบริเวณบ้านพัก มือน้อยกุมขาไว้แบบเจ็บปวด “ลูกจัน ลูกจัน” ข้างกาย เธอ ชามอาหารหล่นกระจายเต็มพื้น เปลือกตาบางกึ่งหลับกึ่งตื่นจวนจะลืมไม่ขึ้น แวบหนึ่งตาคมหันไปมองต้นขาที่มือน้อยกุมไว้ เขาจับมือบางออกพบว่ามีรอยเขี้ยวเล็กๆฝังอยู่ ชายหนุ่มจัดการฉีกแขนเสื้อของตัวเองรัดเหนือรอยเขี้ยวขึ้นไป ปากหนาทำในสิ่งไม่คาดฝันเขาก้มลงดูดพิษออกให้ ไม่นึกว่าจะเป็นอันตรายต่อตนเอง          ร่างกายของจันจิราอ่อนแรงหนื่อยล้าลงทุกที เปลือกตาที่พยายามลืมไว้หนักอึ้งทุกขณะ เรียวขาเสลาปวดร้าวอย่างทรมาน ส่วนคนตัวใหญ่ดูดพิษแบบไม่ห่วงชีวิต          “ลูกจัน คุณอย่าหลับนะ คุณทำใจดีๆไว้เดี๋ยวผมพาไปส่งโรงพยาบาล”          “หือ ไม่ไหวแล้ว ลูกจันง่วง” ปากเรียวบางจากที่เคย สวยอมชมพูอ่อนระเรื่อได้รูป บัดนี้ซีดยิ่งกว่ากระดาษขาว “อดทน ลูกจัน อดทนไว้ห้ามหลับตานะ” เขาเพียรพยายามร้องบอกหญิงสาว วงแขนอันอบอุ่นช้อนร่างบางขึ้นมาแนบลำตัว เขารีบวิ่งไปที่ท่าเรือเร็วไว เรือลำเล็กพุ่งทะยานออกไปโดยมีภาคีนัยเป็นคนขับ แม้จะไม่ชำนาญแต่เขาก็ทำได้ เพราะตอนนี้ผู้หญิงที่เขาหวงกำลังจะจากไป ถ้าเขาไม่รีบพาไปโรงพยาบาล ชายหนุ่มทำสถิติพาร่างบางมาถึงโรงพยาบาลในเวลาสามสิบนาที รีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลใกล้ที่สุด          “หมอครับ หมอต้องช่วยเธอนะครับ” ภาคีนัยรีบวิ่งเข้าไปหาหมอทันที ที่ส่งร่างบางขึ้นรถเข็นผู้ป่วยเรียบร้อย เขาวิ่งตามด้วยความเป็นห่วง หัวใจกระวนกระวายเกรงว่าหญิงสาวจะไม่รอดและไม่ปลอดภัย          “ญาติผู้ป่วยรอข้างนอกค่ะ” พยาบาลสาวสวยบอก พร้อมกับปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน          ร่างสูงใหญ่ของภาคีนัยนั่งกุมขมับบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงอาการเป็นอยู่เศร้าที่สุด คนตัวน้อยหายเข้าไปนาน จิตใจชายหนุ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นห่วงเธอเหลือเกิน ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร หัวใจแกร่งแทบจะขาดเป็นรอนๆ เมื่อเห็นดวงหน้านวลขาวซีดไร้สีเลือด จิตใจชายหนุ่มเฝ้าภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธ์ให้ช่วยคุ้มครองเธอ ให้รอดนายแพทย์คนรับผิดชอบหน้าที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน          “คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ นับว่ายังโชคดีมาก ที่คุณพาเธอมาทันเวลาถ้าเกิดมาช้ากว่านี้อีก 5 นาที มีหวังเธอไม่รอดแน่ๆครับ เพราะว่าพิษร้ายจากงูจะวิ่งไปตามกระแสเลือด กระจายไปตามร่างกายแบบรวดเร็ว แต่ถึงอย่างไรหมอต้องเฝ้าดูอาการสักสองสามวันก่อนนะครับ”          “ครับขอบคุณ คุณหมอ ขอบคุณมากๆครับ” จากนั้นคุณหมอเดินออกไป ส่วนภาคีนัยรีบวิ่งเข้าไปหาคนตัวน้อยในห้องพักฟื้นผู้ป่วยอย่างรีบเร่ง                    สายของวันถัดมาร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงยังไม่ตื่น จนกระทั่งถึงตอนเย็นบรรยากาศมือครึ้ม แผ่ปกคลุมคนป่วยจึงเริ่มงัวเงีย          “น้ำ ขอน้ำหน่อย” เสียงแหบแห้งร้องขอน้ำ หลังจากที่นอนหลับไปหนึ่งคืนหนึ่งวันเต็มๆ ร่างกายเธอต้องการน้ำมากที่สุดในเวลานี้ เพราะลำคอแห้งผาก พูดออกมาแทบไม่มีเสียงบวกกับอาการที่รุมเร้าตอนนี้ ร่างกายเธอบอบบางที่สุด เมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งร้องขอน้ำ คนที่นั่งเฝ้าอยู่รีบประเคนให้ถึงที่ ไม่ยอมให้คนป่วยกินเอง เขาป้อนเธอกับมือ “ครับๆน้ำ ครับ เดี๋ยวผมป้อน” คนกระหายรีบดื่มกินโดยไม่มีข้อขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น มือหนาอีกข้างประคองร่างบางไว้ ส่วนอีกข้างคอยป้อนน้ำใส่ปากคนป่วย          “ไม่ต้องรีบก็ได้ที่รัก ค่อยๆกิน เดี๋ยวมันจะสำลักเอา” ชายหนุ่มรีบปรามคนป่วย เพราะหญิงสาวนั้นดื่มอย่างกระหายหิวทั้งยังเร่งชายหนุ่ม โดยการเอามือของตนไปช้อนไว้หลังมือแกร่ง แล้วจัดการประคองแก้วให้น้ำไหลลงรวดเร็ว           กรุงเทพฯ ณ คฤหาสน์ดำรงอนุสรณ์ ภายใต้ห้องโถงที่แสนโอ้อ่า เครื่องเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนแต่ราคาแพงลิบลิ่ว ภายใต้การจัดตกแต่งเป็นอย่างดี โซฟาตัวหรูมีร่างแสนลงตัวของคุณหญิงประจำบ้านนั่งอยู่ โดยคนรับใช้นั่งข้างกายและมีชายตนหนึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม เขาเป็นนักสืบที่เธอจ้างวานนั้นเอง วันนี้เขามารับค่าจ้าง พร้อมกับเอาข้อมูลที่หามาได้ทั้งหมด มาแลกกับเงินจากคุณหญิงมาศผกา          “นี่ครับ ข้อมูลทั้งหมดที่คุณหญิงต้องการ” บุรุษนิรนามผู้เป็นนักสืบ ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลวางลงต่อหน้า มืออวบอิ่มคว้าเอกสารในนั้นคลี่ดู พร้อมกับอ่านข้อมูลที่หามาได้ทั้งหมด รูปถ่ายยืนยันอีกนับสิบแผ่น ที่ประจักษ์แก่สายตา เมื่อความจริงทั้งหมดปรากฏเธอปรี๊ดปรอทแตกในบันดล หลังจากได้อ่านแล้วรู้ว่าลูกชายของตนหนีงานไปเพียงเพราะเรื่องผู้หญิง แถมยังมีภาพมายืนยันด้วยว่าเป็นของจริง ซึ่งเป็นภาพชายหนุ่มกำลังอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนเขาที่ใดสักแห่งและยัง มีภาพที่ชายหนุ่มนั่งเฝ้าหญิงสาวคนเดิมอยู่โรงพยาบาลอีก และนักสืบคนเก่งหาข้อมูลของสาวงามในภาพมาพร้อม พอเธออ่านรายละเอียดแล้ว แทบอยากจะบ้าตาย ลูกชายของตนช่างตาต่ำเหลือเกิน ไปคว้าเอาพนักงานต้อนรับของโรงแรมตนเองมาแนบกาย ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้ ไม่มีแม้กระทั่งหัวนอนปลายเท้า          พอคุณหญิงมาศผกาทราบข้อมูลทุกอย่างแล้ว เธอไม่คิดจะเบี้ยวแต่การใด ค่าจ้างจำนวนไม่น้อยส่งให้ตามสัญญาและจ่ายให้ค่าจ้างพิเศษที่ทำงานได้รวดเร็วแถมแม่นยำอีก มืออวบอิ่มสมวัยเขียนเช็คเงินสดให้อยู่วงเงินสูงพอควร พร้อมกับเอ่ยชมอีกว่า          “นายทำงานได้ดี ไว้โอกาสหน้าฉันจะว่าจ้างบริษัทนายอีก” พูดจบก็ยื่นเช็คเงินสดให้          “ครับ ยินดีรับใช้ครับ” พอทุกอย่างเรียบร้อย เขาเดินจากคฤหาสน์ดำรงอนุสรณ์ออกไปโดยเร็ว          คุณหญิงมาศผกาพอรู้ว่าบุตรชายของตนไปอยู่แห่งใด เธอจัดการบอกคนขับรถให้ไปส่งที่สนามบินทันที เพราะเธอจะตีตั๋วขึ้นเครื่องไปวันนี้ เวลานี้และเดี๋ยวนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD