“อร่อยไหมคะ”
เกศรินออกมาต้อนรับสิงหราชเหมือนอย่างเคยตรงสนามหญ้าหน้าบ้านที่แสนร่มรื่นและที่เลือกตรงนี้เพราะต้องการหลีกเลี่ยงให้เขานั้นไม่ต้องเข้าไปนั่งในบ้านนานๆ
เธอมาพร้อมชาร้อนๆและคุกกี้หวานน้อยแบบที่สิงหราชชอบ แต่มีอย่างหนึ่งที่ผิดไปจากทุกๆครั้งก็คือวันนี้เป็นคุกกี้ฝีมือลูกศิษย์ของเธอไม่ใช่ฝีมือของเธอ
“อร่อย แต่เหมือนไม่ใช่เธอทำ”
มือใหญ่ยังคงถือคุกกี้อีกครึ่งชิ้นเอาไว้ หมุนมันไปมาในมือ นอกจากรสชาติจะผิดไปจากที่เคยกินแล้วหน้าตามันยังเปลี่ยนไปด้วย
“กินเยอะๆนะคะ”
เกศรินได้แต่ยิ้มภูมิใจในผลงานการสอนลูกศิษย์ของเธอที่ทำออกมาได้ดีจนคนกินขนมยากอย่างสิงหราชยังเอ่ยปากชม และก็ดีใจด้วยที่เขานั้นจำรสมือของเธอได้แม้จะถูกหลอกว่าเป็นฝีมือของเธอก็ยังแยกออก
“ฉันก็ยังคงอยากให้เธอกลับบ้าน”
เขาวางคุกกี้ลงในจานของมันตามเดิมไม่ได้กินต่อถึงแม้มันจะอร่อยถูกปาก แล้วนึกถึงอดีตในวันที่เกศรินมาอยู่ที่นี่เป็นวันแรก วันที่เธอทิ้งอนาคตมาเป็นแค่แม่บ้านอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้
“รินจะอยู่ที่นี่ รินจะคอยดูแลคุณ อย่าไล่รินเลยนะ”
ร่างอวบอั๋นที่นั่งอยู่ข้างๆเขาเอนตัวไปเอาใบหน้าไปซบเขา กอดเกี่ยวแขนเขา แล้วยิ้มออกมาถึงจะรู้ว่าเขานั้นไม่ได้ยิ้มตามเธอ ถึงเธอจะมีอนาคตไกลแค่ไหนแต่เธอก็ขอเลือกอยู่กับเขาตรงนี้ดีกว่าเพราะมันมีความสุขที่สุดในชีวิต
“เกศริน เธอควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ไม่ใช่เป็นแค่แม่บ้าน”
“รินเต็มใจเป็นแค่นี้”
เกศรินหยุดซบเขาแล้วกลับไปนั่งในท่าสบายๆแบบเดิม พร้อมกับออกอาการงอนนิดหน่อยพองามเพราะอยากได้ยินเขาเปลี่ยนสถานะให้เธอบ้าง ไม่ใช่กี่ครั้งๆก็เป็นแค่แม่บ้าน
“แต่ฉันไม่เคยเต็มใจ จำเอาไว้ว่าฉันจะดีใจที่สุดเมื่อเธอกลับไปมีชีวิตแบบเดิม”
“รินรักคุณ”
สิงหราชส่ายหน้าแล้วลุกเดินจากไป คนอย่างเขาไม่เคยรักใครและไม่เคยคิดเรื่องนี้ด้วย แม้แต่กับเกศรินเองเขาก็ไม่เคยคิดไม่ว่าเธอจะดีกับเขามากเป็นพิเศษแค่ไหน เขามีให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนกับเธอเท่านั้น
“จะรักตลอดไปจนกว่าคุณจะใจอ่อน”
หญิงสาวมองตามร่างใหญ่ที่ลุกหนีเธอไปด้วยความไม่พอใจที่เธอยังคงไม่ฟังคำพูดของเขาในเรื่องนี้ และยิ้มอย่างมีความสุข เพราะเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ไม่ใช่คนในครอบครัวของเขาที่ได้ใกล้ชิดเขามากที่สุด และนานหลายปีและจะยาวนานต่อไปจนกว่าความรักของเธอจะทำให้เขาหันกลับมารักเธอตอบ
“ออกมาได้แล้วกระต่าย”
มือบางของเกศรินเคาะที่ประตูห้องนอนของชมจันทร์สองสามครั้งเพื่อเรียกให้คนด้านในเปิดประตูออกมาสูดอากาศภายนอกได้แล้ว หลังจากที่ต้องอยู่แต่ภายในห้องแคบๆมาตั้งแต่บ่ายยันดึกดื่น
“ค่ะ คุณริน”
ชมจันทร์รีบเปิดประตูออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของเกศริน ด้วยอยากจะออกมาตั้งนานแล้วเพราะอยากจะมาช่วยเกศรินทำงานครัวและก็งานบ้านเหมือนทุกๆวัน
“หิวหรือเปล่า ฉันทำสเต๊กเอาไว้ให้ กำลังร้อนๆเลย สเต๊กไก่ของโปรดกระต่ายเลยนะ"
“นิดหน่อยค่ะพอทนได้ กระต่ายไปเก็บล้างในครัวก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวค่อยกินก็ได้ค่ะ”
ร่างบางรีบเดินนำหน้าเกศรินมาที่ห้องครัวทันที กวาดสายตามองหางานที่จะต้องลงมือทำ แต่มันวางเปล่าไม่มีอะไรให้ต้องทำ มีเพียงจานสเต๊กวางอยู่บนโต๊ะใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้องครัวเท่านั้น
“ไม่มีอะไรต้องล้างหรอก วันนี้คุณสิงห์ไม่ได้กินข้าวที่บ้าน ออกไปกินกับเพื่อนๆของเขาที่ในเมือง ไปกินสเต๊กได้แล้วเราน่ะเดี๋ยวก็ปวดท้องอีก”
เกศรินเห็นท่าทางขยันขันแข็งของชมจันทร์ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างชื่นชม ไม่มีวันหรือเวลาไหนเลยที่จะทำให้เธอนั้นรู้สึกเสียใจที่พาชมจันทร์มาอยู่ด้วย เพราะเด็กคนนี้ตอบแทนเธอด้วยความขยันช่วยงานทุกอย่างจนเธอนั้นแทบจะไม่ต้องทำอะไรและก็เป็นเด็กดีเวลาพาไปไหนมาไหนด้วยก็มีแต่คนเอ่ยชมไม่ขาดปาก
“นายจะกลับมานอนค้างที่นีี่ไหมคะ”
“คงไม่นะ”
ใบหน้าหวานเศร้าลงเล็กน้อยเพราะคาดหวังเอาไว้มากว่าสิงหราชจะค้างคืนที่นี่เพราะเธอนั้นถามเลขาของเขาแล้วว่าเขานั้นหยุดงานกี่วันและก็ได้คำตอบว่าเขานั้นหยุดงานตั้งสามวัน แต่เขากลับออกไปตั้งแต่ตะวันตกดินและบอกจะกลับกรุงเทพเลยด้วย
“กระต่ายขอไปนอนอ่านหนังสือที่เรือนนับดาวนะคะ”
ชมจันทร์ที่พอรู้ว่าเจ้าของบ้านไม่อยู่แล้วเธอก็รีบขอในสิ่งที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ทันที เพราะเรือนนับดาวอนุญาตให้คนงานอย่างเธอเข้าได้ก็แค่ตอนทำความสะอาดเท่านั้น แต่ที่เธออยากไปอ่านหนังสือที่นั่นก็เพราะที่เรือนนับดาวมองเห็นดวงดาวได้สวยที่สุดมันทำให้เธอรู้สึกว่าลุงใบ้กำลังมองดูเธออยู่
“ตามใจจ้ะ”
แต่เธอก็ยิ้มออกอีกครั้งเพราะความน่ารักของชมจันทร์ ที่นอกจากจะขยันเรื่องงานบ้านแล้วเรื่องเรียนที่ชมจันทร์ไม่ถนัดเด็กสาวก็พยายามพากเพียรแบบสุดๆเลยเหมือนกันเพื่อจะเข้าเรียนในมหาลัยให้ได้
“ขอบคุณค่ะ”
ชมจันทร์ยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อมตามกิริยามารยาทที่คนตรงหน้าเธอนั่นแหละสอนมา
“งั้นฉันไปนอนก่อนนะ”
เกศรินอดไม่ได้ที่จะเอามือลูบศีรษะของชมจันทร์ด้วยความรักความเอ็นดู และก็ชื่นชม ดูสิสอนอะไรไปก็ได้ดั่งใจหมดทุกอย่าง กิริยามารยาทงดงามสมดั่งใจของเธอเสียจริงๆ
“ฝันดีนะคะคุณริน”
“จ๊ะ”
ชมจันทร์เดินไปส่งเกศรินที่ประตูของห้องครัวส่วนที่เชื่อมต่อกับตัวบ้าน มองตามหลังของผู้มีบุญคุณจนลับสุดสายตาแล้วถึงกลับมานั่งกินอาหารเที่ยงรวมกับอาหารเย็นที่ในครัวก่อนจะไปอ่านหนังสืออย่างที่ตั้งใจเอาไว้
“อ้าว ไอ้ตัวเล็กจะไปไหนดึกดื่นแบบนี้”
อาซานกำลังเดินตรวจตราดูรอบๆไร่ก่อนจะเข้าไปทำงานที่บ่อน เจอเข้ากับร่างเล็กที่มือข้างหนึ่งถือหมอนใบใหญ่และอีกข้างถือหนังสือหอบใหญ่เข้าพอดี อดไม่ได้ที่จะร้องเรียกแต่ไกลเพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะออกมาเดินเล่น
“ไปนอนอ่านหนังสือที่เรือนนับดาวจ้ะ”
ชมจันทร์เดินมาหาคนที่โตกว่า พร้อมกับยิ้มแย้มอย่างสดใสทักทายมาแต่ไกล ด้วยเธอนั้นสนิทกับอาซานมากพอๆกับเกศริน นับถือเป็นพี่ชายคนหนึ่งเลย
“ไปนอนหลับมากกว่ามั้ง ถือหมอนมาพร้อมขนาดนี้”
“ไม่หลับแน่นอนจ๊ะ เพราะกระต่ายตั้งใจเอาไว้แล้วว่าปีนี้กระต่ายจะสอบเข้ามหาลัยให้ได้”
“งั้นก็รีบไปอ่าน พี่ไปทำงานก่อนนะ”
อาซานเห็นความตั้งใจของอีกคนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ และก็คงจะไม่ขัดขวางถึงแม้ว่าเรือนนับดาวจะเป็นสถานที่ที่ไม่ควรไปนอนอ่านหนังสือเพราะมันเป็นที่นอนพักผ่อนของเจ้านายแต่วันนี้เจ้านายกลับไปแล้วปล่อยเด็กสาวเข้าไปอ่านหนังสือในนั้นสักคืนคงไม่เป็นไร
“จ๊ะ”
ชมจันทร์ออกเดินต่อไปอีกทางแยกกับอาซานทันที เพราะอีกหลายสิบก้าวเดินเหมือนกันกว่าจะถึงเรือนนับดาวที่ตั้งอยู่กลางไร่ฉายตะวัน
“เฮ้อ”
อาซานถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามหลังเด็กสาว ชมจันทร์เธอน่ารักและเป็นที่รักของทุกๆคน ถ้าเกิดวันใดที่เจ้านายเขาจับได้ขึ้นมาว่าเธอแอบเข้ามาอยู่ที่นี่ เขาเองไม่รู้จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงเลย จะให้ชมจันทร์ไปอยู่ที่ไหนและจะไปอยู่กับใคร
“ขออนุญาตนะคะ”
ชมจันทร์รีบเปิดประตูเรือนนับดาวแล้วรีบก้าวเข้าบ้านทันทีก่อนจะปิดประตูลงเพื่อไม่ให้คนอื่นมาเห็น ถึงไม่มีใครว่าเพราะเธอนั้นมีเกศรินกับอาซานคอยปกป้องแต่ก็อย่าทำอะไรให้คนทั้งสองเดือดร้อนจะดีกว่า
ร่างบางเดินแทบย่องเบาผ่านชั้นแรกของบ้านที่เป็นห้องนั่งเล่นบวกกับห้องรับแขก ตกแต่งสไตล์เรียบๆแต่ดูแล้วหรูหราขึ้นบันไดผ่านไปยังชั้นสองที่เป็นห้องนอนใหญ่ที่ทั้งห้องมีผนังเป็นกระจกใส ปิดไม่ให้ใครมองเห็นด้วยผ้าม่านที่สั่งทำมาจากฝรั่งเศส และขึ้นบันไดไปยังชั้นสามของบ้านชั้นสุดท้าย ที่มีหลังคาเป็นกระจกใสทรงจั่วมองเห็นดวงดาวนับพันบนท้องฟ้าและที่พิเศษกว่าชั้นอื่นๆคือชั้นนี้ไม่มีกำแพงทำให้ได้รับลมเย็นจากธรรมชาติได้อย่างเต็มๆ
"อ่านเล่มไหมก่อนดีนะ"
ชมจันทร์รีบวางหมอนลงพร้อมกับหนังสือหลายเล่มแล้วล้มตัวลงนอนตาม หลับตาลงเอามือจิ้มเลือกหนังสือขึ้นมาหนึ่งเล่มจากจำนวนหลายๆเล่มที่อาซานและเกศรินพาเธอเข้าเมืองไปซื้อมา
สองแขนตั้งฉากกับพื้นสะอาดๆที่เธอนั้นมาเช็ดถูเกือบทุกวัน ชูหนังสือขึ้นเหนือใบหน้า ลงมืออ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ
เวลาเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนดึกดื่นเที่ยงคืน แต่ทว่าชมจันทร์ยังอ่านหนังสือไปได้แค่ไม่กี่หน้า เพราะได้หน้าก็ลืมหลังพอกลับมาทบทวนข้างหลังก็ต้องเริ่มข้างหน้าใหม่ วนอยู่อย่างนี้
"โอ๊ยง่วงซะแล้ว ตาปิดหมดแล้ว ฝันดีนะดวงดาว"
แต่ชมจันทร์ก็ไม่หมดความพยายามจนเวลาล่วงเลยข้ามวันใหม่ไปถึงสองชั่วโมง สาวน้อยไม่อาจฝืนดวงตาที่อ่อนล้าไปได้ เธอจำต้องวางหนังสือลง แล้วเข้าสู่ห้วงนิทราอยู่ตรงนั้นทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง
"นายมา"
ดวงตากลมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจพร้อมกับลุกขึ้นรวบข้าวของของตัวเองขึ้นมาจากพื้น เมื่อเธอนั้นฝันร้าย ฝันถึงเจ้าของเรือนนับดาวมาทวงบ้านพักของเขาคืน
"นายมาจริงๆด้วยไม่ได้ฝันไป"
ดวงตากลมโตขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาใกล้ๆ หนึ่งในเสียงนั้นเธอจำได้ดีว่าคือเสียงของนายใหญ่ผู้เป็นเจ้าของที่นี่
ชมจันทร์รีบมองหาที่หลบ แต่บนชั้นนี้มันโล่งไม่มีอะไรพอให้หลบซ่อนได้เลย สองเท้าเล็กรีบก้าวลงบันไดเพื่อจะไปที่ชั้นล่างของบ้านที่นั่นมีห้องเก็บของเล็กๆที่พอจะซ่อนตัวได้ เพราะไม่รู้ใจเจ้าของบ้านว่าเขานั้นจะเข้ามาในนี้ไหม
"อย่าให้เกศรินมาวุ่นวาย"
สิงหราชที่วันนี้เมามากไปหน่อยหันไปสั่งภัทรลูกน้องคนสนิทที่เดินมาส่งเขาที่เรือนนับดาวเพราะเขานั้นอยากพักหลับให้สนิทจริงๆไม่อยากต้องมาคอยหักห้ามใจกับเพื่อนอย่างเกศรินที่มักจะมายั่วเขาเวลาที่ควบคุมตัวเองแทบไม่ได้แบบนี้ ก่อนจะเปิดประตูก้าวเดินเข้าบ้านพักไป
"ครับนาย"
ภัทรรับปากอย่างแน่นหนักและปิดประตูบ้านพักให้กับคนเป็นเจ้านายก่อนจะเดินกลับออกไป และไปคอยดักเกศรินไม่ให้มาที่นี่ได้ตามคำสั่งของเจ้านาย ไม่ใช่หวงเจ้านายหรอกนะเพราะเขาเองมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้วแต่ที่ทำและยอมอดหลับอดนอนเพราะเขาไม่อยากมีเจ้านายอีกคนเป็นเกศริน