EP 5/6 คำเตือนของฆาตกร

973 Words
มณีนุชหน้าเสีย พริ้มเพราทำอะไรไม่ถูก มือเธอสั่นระริก ไม่รู้จะทำอย่างไรก็วิ่งออกไปในตอนนั้น เธอยังไม่รู้จักใครมากนักที่บริษัทนี้ แต่ก็ยังมีอยู่ตั้งคนหนึ่งนี่นา ศรุตรีบวิ่งออกมาเมื่อเลขาของท่านประธานวิ่งหน้าตั้งไปพบ ในห้องยังกรุ่นไปด้วยกลิ่นเลือด มาร์คินนั่งอยู่บนโซฟา หายใจเร็วแรง หน้าซีดเผือดและกำหมัดแน่นหนึบ “แกะมือเขาออกคุณนุช แกะมือออก!” ศรุตร้องบอก เขาเข้าไปหามาร์คิน พยายามแกะมือที่กำกันไว้ ทั้งตบเนื้อตบตัวอีกฝ่ายให้ได้สติ มาร์คินตั้งใจทำแบบนี้ มันขึ้นอยู่ที่ใจของเขาเอง ไม่มีใครปลดล็อกมันได้ ต้องพาเขาออกมาจากความทุกข์ที่กำลังเผชิญ “มาร์! มาร์คิน!” ผลัวะ! หนึ่งหมัดจากศรุตปะทะเข้าที่ใบหน้าของมาร์คิน พริ้มเพราสะดุ้งโหยง ขนาดแค่ได้ยินเสียงยังรู้ว่าหมัดหนัก แล้วมาร์คินล่ะ เขาจะเจ็บแค่ไหน คนถูกต่อยกะพริบตาถี่ๆ แลไปยังจุดอื่นที่ไม่ใช่ตรงนั้น การหายใจเริ่มลดความเร็วลงมา ฝ่ามือที่กำแน่นเริ่มคลายออก แน่นอนว่ารู้สึกเจ็บที่แก้มซ้ายและมุมปาก “ให้ตายเถอะ! นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย!” ศรุตลุกจากโซฟาตัวนั้น เหงื่อเขาแตกพลั่กๆ มือข้างขวาสลัดยิกๆ หลังมือยังเป็นรอยแดงปื้นใหญ่ เขาไม่ใช่บุรุษที่นิยมการเตะต่อย แค่หมัดเดียวเลยทำเอาเจ็บร้าวไปทั่วหลังมือ “มาร์...มาร์ได้ยินอาไหม มาร์!?” มาร์คินพยักหน้าให้อาสาว กวาดตามองไปรอบๆ จึงเห็นว่าไม่ได้อยู่ลำพัง มณีนุช พริ้มเพรา รวมถึงศรุตก็อยู่ด้วย “มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่!” ศรุตถามเสียงดัง พริ้มเพรากุมมือสั่นๆ ของตัวเองไว้ รวบรวบความกล้าแล้วกล่าวออกไป “มะ...มี มีบางอย่างถูกส่งมาให้บอสค่ะ ฉันเก็บมันออกไปข้างนอกแล้ว” ศรุตเดินออกไปดู ได้ยินเสียงเขาสบถหยาบๆ อยู่หลายคำ ก่อนจะโผล่หน้าเข้ามาอีกครั้ง เขาส่ายหัวให้กับคนที่นอนสิ้นแรงอยู่บนโซฟา สองมือของผู้บริหารใหญ่ค้ำไว้ที่สะเอว หายใจเร็วแรงมากกว่าปกติ พริ้มเพรามองศรุตอย่างพิจารณา เขาหน้าตาดีเชียวล่ะ ผิวขาวจัด อายุน่าจะห่างจากเธอหลายปี เขาน่าจะสามสิบแปดเป็นอย่างต่ำ แต่โดยรวมแล้วยังไม่แก่หรอกนะ เขาเป็นคนรูปร่างดีไม่น้อย ถ้าเจอกันในผับมืดๆ สักหน่อย คงเดาไม่ได้ว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่ ตอนนี้เธอมองไม่ออกว่าเขาแค่โกรธ ไม่พอใจ หรือว่าจะ...สมน้ำหน้า “เก่งซะทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องนี้เหรอ เฮอะ!” เสียง เฮอะ นั้นเยาะหยันคนที่จ้องอยู่ มาร์คินขยับนั่งตัวตรง สูบลมหายใจเข้าลึกแล้วจ้องมาที่ศรุตตาขวาง “เพราะอย่างนี้ไง นายถึงได้ส่งเจ้านั่นมา” “หา!?” ศรุตร้องลั่น หน้าตาแสดงถึงความไม่พอใจ พริ้มเพราตาเบิกโต นั่นหมายความว่าอย่างไร มาร์คินคิดว่าศรุตเป็นคนทำหรือ ไม่ใช่กระมัง เธอเองที่ไปตามเขามานะ ศรุตเป็นคนช่วยให้บอสของเธอได้สติมิใช่หรือ “ไม่ได้อยากปรักปรำหรอกนะ แต่อดไม่ได้ ไม่มีใครรู้ซะหน่อยว่าผมกลัวอะไร” “แล้วมีแค่ฉันหรือไงล่ะ คนในบ้านก็รู้นี่!” ศรุตเถียง มาร์คินเถียงไม่ออกในข้อนี้ ประเด็นก็คือ มันคงดีถ้าศรุตเป็นคนทำ เขาไม่รู้ว่าจะโทษใครในบ้านได้อีกนอกจากผู้ชายคนนี้ “คุณมันบ้าได้มากกว่าใคร ผมไม่สงสัยคนอื่น” “หึๆๆ ไปหาหมอโรคประสาทซะมาร์คิน จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นบ้า เลิกจ่อมจมอยู่กับเรื่องนั้นแล้วก้าวออกมาจากหลุมดำของนายซะทีเถอะ อย่าให้คนรอบข้างต้องเป็นเดือดเป็นร้อนเพราะนายเลย” “นี่!?” “พอ! พอแล้วทั้งสองคน” มณีนุชปราม ลุกยืนอย่างอดไม่ไหว “แยกย้ายกลับไปทำงานเถอะค่ะ ฉันขอร้อง” ศรุตหน้าบึ้งตึง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณมณีนุชผู้เจ้าระเบียบสั่งการ มีหรือเขาจะยอมถอย “อ้อ...คุณศรุต ช่วยกลับไปกินข้าวที่บ้านสักมื้อนะคะ เดือนนี้คุณยังไม่ได้ร่วมโต๊ะกับครอบครัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว” ศรุตพ่นลมหายใจแรงๆ ครอบครัวหรือ มีใครที่นั่นคิดว่าเขาเป็นคนในครอบครัวด้วยหรือ “นะโมบ่นคิดถึงน่ะ” มณีนุชแจ้งแก่บุรุษที่อายุน้อยกว่าตนหลายปี ปีนี้เธอสี่สิบสองแล้ว ศรุตน่าจะสามสิบแปดในขณะที่มาร์คินแค่สามสิบสอง การมีคนหลายช่วงอายุอยู่ในบ้าน มันเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการปะทะคารม และมาร์คินกับศรุตก็เป็นคู่เอกของบ้านก็ว่าได้ มันเริ่มขึ้นตอนไหนนะ เริ่มตั้งแต่ที่พี่สะใภ้ของเธอพาศรุตเข้ามาบ้านในฐานะสามีใหม่ใช่ไหม สามี...ที่อายุห่างจากลูกชายตัวเองแค่หกปีเท่านั้นเอง “ผมไม่ค่อยว่างเลย เอาไว้วันเสาร์จะเข้าไปก็แล้วกัน” “ขอบคุณค่ะ” ศรุตมองรอยยิ้มบางๆ ของมณีนุช นานๆ ทีถึงจะได้เห็นหรอกนะ รอยยิ้มของม่ายสาวหุ่นอวบอัดที่ไม่เคยเปิดใจให้ชายใดตั้งแต่เลิกรากับสามี พริ้มเพรามองคนโน้นทีคนนี้ที อะไรยังไง เธองงไปหมดแล้ว “พริ้มเพรา” “คะอานุช” “เรียกแม่บ้านมาทำความสะอาด หาชาหอมๆ มาให้บอสด้วย” “ค่ะๆ ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD