มาร์คินใช้เวลากว่าชั่วโมงในการมาส่งพริ้มเพรา รถของเขาจอดสนิทที่หน้าตึกหลังหนึ่งแถวลาซาล ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้านัก พากันลงจากรถได้ไม่ถึงนาทีดี รถอีกคันก็แล่นเข้ามาจอด คนบนรถคันนั้นรีบก้าวลงมา เลขาสาวแนะนำว่าเป็นเพื่อนสนิท ชื่อกุ้งกับกิ๊บ เขาก้มหัวทักทายตามมารยาท แนะนำตัวกันพอเป็นพิธี เพื่อนหล่อนคนที่เป็นชายใจหญิงเอาแต่จ้องเขาไม่หยุด
“หล่ออ่า...นังพริ้ม แกไปเจอได้ยังไงวะ”
“ผับเมื่อกี้ไง มันมืด คว้าได้ก็คว้า ติดมือมาก็เลยต้องจำใจกิน”
มาร์คินหรี่ตามองคนปากดี หล่อนคงยอมเขาเฉพาะตอนอยู่บริษัทกระมัง
บอสใหญ่กลับเข้าไปในรถ ได้ปากกามาหนึ่งด้ามพร้อมกับนามบัตร เขาเขียนบางอย่างที่ด้านหลังของนามบัตรทั้งสองใบ ก่อนจะยื่นมันให้กับเพื่อนๆ ของหล่อน
“ไปกับผู้ชายแบบนั้นอันตรายนะครับ ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป เผื่อพริ้มทำแบบนั้นอีก ช่วยแจ้งผมด้วย เบอร์โทรตามนั้นนะครับ เบอร์ข้างหลังเป็นเบอร์ส่วนตัว”
ชะนีกับกะเทยมองหน้ากัน ต่างทำตาปริบๆ แล้วเป็นกมลศักดิ์ที่ไม่ยอมเหนื่อยฟรี
“แหม...มัวแต่ทำแบบนั้นก็เสียเวลาทำมาหากินพอดี ฉันกับนังกุ้งก็ต้องกินต้องใช้นะคะบอสขา”
“นับกิ๊บซี่!” พริ้มเพราปราม ความเขี้ยวของนางไม่มีใครเกินจริงๆ
“อยากได้อะไรบอกมาเลยครับ”
สองสาวตาลุกวาว
“อ่า...ก็...เช็คของขวัญนิดๆ หน่อยๆ เป็นค่าโทรศัพท์ค่ะบอส” กุ้งนางเอ่ยก่อน
“ได้ครับ”
“ตั๋วเครื่องบินในประเทศบ้างอะไรบ้าง” กมลศักดิ์เอ่ยอีก ได้คืบแล้วต้องได้อีกสักสามสี่วา เอาให้คุ้ม นานๆ จะมีผู้ชายสายเปย์หลงมา
“ก็ได้ครับ ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง”
พริ้มเพราเบ้ปากใส่คนที่ทำตัวโอเว่อร์ เขาไม่ได้คิดว่านั่นมันเกินไปหรือ ใช่สินะ เขารวยนี่นา
“แล้วถ้าเป็น...ผู้ชายล่ะ ผู้ชาย!” กมลศักดิ์เอ่ยสิ่งที่ต้องการมากที่สุดในตอนนี้
มาร์คินมุ่นคิ้วนิดๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ “ก็...น่าจะพอจัดการให้ได้นะ”
“อ๊าย! จริงหรือคะบอสขา กะเทยยอมมอบกายถวายหัวแล้วค่า” กมลศักดิ์ดี๊ด๊า ถึงเนื้อถึงตัวบอสใหญ่ มือไม้อยู่ไม่สุข แตะโน่นแตะนี่ บอสก็ได้แต่เอียงร่างหลบไปมา สุดท้ายก็ขยับไปยืนซ้อนหลังพริ้มเพรา
“แกเพี้ยนเหรอนังกิ๊บ แกเมาไง เขาเลยล้อเล่นกับแก” พริ้มเพราแก้ไขสถานการณ์ มันจะดูจริงจังเกินไปแล้ว
“ใครบอกว่าล้อเล่น ผมจริงจังนะ”
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นด้วยคะ เอาจริงเหรอ”
“ก็ไม่เคยล้อเล่นนะ...เอาทีไรก็จริงจังทุกที”
คำตอบช่วงท้ายถูกกระซิบเข้าที่ข้างหูพริ้มเพรา ให้หญิงสาวได้ยินเพียงลำพัง ก่อนที่บอสหนุ่มจะตีหน้ามึนหนีไปขึ้นรถ โดยมีหนึ่งชะนีกับหนึ่งกะเทยโบกมือลาหย็อยๆ ราวกับอีกฝ่ายคือญาติสนิทมิตรสหาย
“นังกุ้งนังกิ๊บ! พวกแกไม่คิดจะรายงานบอสจริงๆ ใช่ไหม”
กมลศักดิ์มองหน้ากุ้งนางแล้วชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง
“แกก็พูดไป แกเป็นเพื่อนฉันนะ ใช่ไหมนังกุ้ง”
“เออๆ พวกฉันจะเห็นแก่เงินทองได้ยังไง” กุ้งนางสำทับ แต่ดวงตาหลุกหลิกไม่หยุดนิ่ง
พริ้มเพราเห็นท่าทีเพื่อนแล้วเชื่อไม่ลง “สรุปว่าพวกแกอยู่ข้างฉันหรือข้างผู้ชาย”
เพื่อนรักพยักหน้าให้กัน ก่อนจะตอบพร้อมกันดังๆ
“ผู้ชาย!!”
“อ๊าย! อีเพื่อนเลว! มานี่นะ พวกแกจะแปรพักตร์เหรอ มาให้ฉันฆ่าซะดีๆ นี่แน่ะ!” แล้วพริ้มเพราก็เอากระเป๋าไล่ตีเพื่อน กมลศักดิ์กับกุ้งนางพากันวิ่งหนีจ้าละหวั่น คนเดินผ่านไปผ่านมาเห็นเข้าก็สรุปเอาเองว่านังพวกนี้ เมาแล้ว!
เช้าวันทำงานที่แสนสดใส พริ้มเพราในชุดสาวออฟฟิศแบบกางเกง มาถึงที่ทำงานแต่เช้า ทว่ายังไม่เช้าเท่าผู้บริหารท่านหนึ่งที่เดินเข้าลิฟต์ก่อนเธอ รู้ว่าเขามีตำแหน่งสูงเพราะว่าลิฟต์บริษัทจะแยกลิฟต์ผู้บริหารเอาไว้ เลขาและผู้ช่วยเลขาอย่างเธอสามารถใช้ลิฟต์ตัวนี้ได้ แน่นอนว่าเมื่อโดยสารลิฟต์ตัวเดียวกันกับผู้บริหาร จะเป็นพวกเธอที่มีหน้าที่คอยกดลิฟต์
เธอยืนเกรงๆ อยู่หน้าลิฟต์ จ้องมองคนในนั้นชั่วครู่ เพราะเขาเองก็คล้ายว่ากำลังคุยโทรศัพท์เรื่องสำคัญอยู่ แต่พอเห็นเธอเข้าก็รีบกดวางสาย
“เข้ามาครับเข้ามา ไม่ต้องเกรงใจครับ”
พริ้มเพราก้าวเข้าไปอย่างเกร็งๆ ไม่ใช่เพราะตำแหน่งหรืออะไร แต่เพราะรอยยิ้มนั่นต่างหาก ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอน่าจะอายุมากกว่ามาร์คินไม่กี่ปี เขาหน้าตาดีแต่ออกจะกรุ้มกริ่ม มีรอยยิ้มบางๆ ติดมุมปากมากไปหน่อย เหมือนเป็นคนเจ้าชู้อะไรแบบนั้น รู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังถูกลวนลามด้วยสายตาเลยล่ะ
คนที่อยู่ข้างหลังมองสตรีตรงหน้าด้วยดวงตาของบุรุษ หล่อนรูปร่างดี หน้าตาดี มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ยิ่งใส่ชุดสูทกับกางเกงก็ยิ่งเห็นช่วงขาเพรียวยาว น่าสนใจ...ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ
“เอ่อ...ชั้นไหนคะ”
“ชั้นเดียวกับคุณนั่นแหละครับ”
พริ้มเพรากดลิฟต์ชั้นสูงสุดแล้วหลบมายืนชิดผนังด้านหนึ่ง ด้านที่สามารถมองเห็นเขาได้ เขายังส่งยิ้มมา ยิ้มหวานประหลาดที่ทำเอาเธอขนลุก
“เพิ่งมาทำงานสินะ ได้ข่าวว่าท่านประธานเพิ่งรับเลขาคนใหม่”
“อ่า...ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยเลขาค่ะ”