EP 3/6 ปมพิศวาส

1282 Words
“ขอโทษที่รบกวนนะคะอานุช” พริ้มเพรายกมือไหว้แล้วก้มลงหยิบรองเท้า มณีนุชจ้องมาร์คินที่กำลังจ้องพริ้มเพราอยู่ หล่อนสวมชุดของปาลิดาได้พอดี ดูไปดูมาก็คล้ายปาลิดาไม่น้อย “ทำไมสวมชุดนี้ล่ะ อยากเปลี่ยนไหม ชุดที่ห้องฉันก็มี เมื่อก่อนไม่ได้เจ้าเนื้อ ชุดตัวเล็กๆ ยังพอมีเหลือบ้าง” มณีนุชเอ่ย “ใส่เถอะครับ เก็บไว้ในตู้ก็เปล่าประโยชน์” มาร์คินบอกแล้วปลีกตัวกลับเข้าไป มณีนุชประหลาดใจยิ่งนัก นั่นเขาทำใจได้แล้วหรือ น่ายินดีหรือน่าหวั่นใจกันล่ะ พริ้มเพราไม่ได้สนใจมาร์คิน เธอเดินตรงไปที่ประตู สวนกับสาวใช้นางหนึ่งก็เห็นมองมาหน้าตาตื่น เธอดูแย่หรือ ก็อาบน้ำน้ำแต่งตัวใหม่แล้วนี่นา “รอก่อนสิ ฉันจะไปส่งที่บ้าน” มณีนุชอาสา ยังประหลาดใจในคำพูดของหลานรัก “แต่ว่าฉัน...” “ไปเถอะ เผื่อมีเรื่องต้องคุยกัน ฉันไปบอกลูกก่อน เธอไปรอที่หน้าบ้านก็แล้วกัน” พริ้มเพรามิอาจปฏิเสธ เธอเดินออกมาเงียบๆ มีรถคันหนึ่งจอดรออยู่ ดูที่นี่สิ บ้านหรือวังกันล่ะ ใหญ่โตมโหฬารซะ แค่รั้วบ้านนะ ถ้าเธอเดินออกไปคงได้เมื่อยตุ้ม น่าจะห้าร้อยเมตรได้กว่าจะถึงประตูใหญ่ สนามหญ้าเอย สวนดอกไม้เอย คฤหาสน์หลังใหญ่ ตึกเล็กตึกน้อย มาร์คินคงรวยมาก รวยมากๆ เลยล่ะ “ขึ้นรถเถอะ” เสียงมณีนุชดังขึ้นที่ด้านหลัง มณีนุชมาแล้ว สีหน้าของอีกฝ่ายเรียบเฉยจนพริ้มเพราไม่อาจคาดเดาว่าคิดอะไรอยู่ “บ้านอยู่ที่ไหน” “แถวๆ ลาซาลค่ะ” “ไกลเชียว” มณีนุชว่า พริ้มเพราได้แต่ยิ้มอย่างขออภัย เธอเช่าอะพาร์ตเมนต์อยู่แถวที่ทำงานเก่ากับเพื่อนๆ แต่พอได้งานทำที่บริษัทของมาร์คินก็ยังไม่ได้หาที่อยู่ใหม่ เงินเดือนเธอเยอะขึ้น แล้วรายจ่ายก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง เลยคิดว่าจะไม่ย้าย ห่วงเพื่อนด้วยล่ะ ไม่มีเพื่อนเธอคงอยู่ไม่ได้หรอก หญิงสาวก้าวขึ้นรถเมื่อมณีนุชเข้าประจำตำแหน่งคนขับ รถคนรวยหอมกรุ่น เบาะหนังมันวับ เธอเกร็งจนนั่งหลังตรงไม่ติดเบาะ “ไม่ต้องเกร็ง คิดซะว่าฉันไม่ใช่อาของมาร์คิน แต่เป็นรุ่นพี่ที่ที่ทำงาน” ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่พริ้มเพราก็อดประหม่าไม่ได้ ยังจำสายตาของมณีนุชได้ดีตอนเห็นเธอเดินลงจากชั้นสองในชุดเสื้อเชิ้ตของมาร์คิน “ทำไมถึงได้มองฉันแปลกๆ ละคะ” มณีนุชหันมายิ้มน้อยๆ เป็นยิ้มที่พริ้มเพรายังอึ้ง หล่อนเป็นคนสวยนะถึงแม้จะเจ้าเนื้อและอายุมากแล้ว อานุชไม่ค่อยยิ้มเลย ถ้ายิ้มบ่อยๆ ก็คงดี “เธอสวมชุดของปาลิดา” “คะ? อ้อ...ใช่คนที่อยู่ในรูปของบอส...” “ใช่ รูปตรงหัวเตียงมีสองรูป คนที่ผมทองคือพี่สะใภ้ของฉัน ส่วนอีกคนคือปาลิดา ภรรยาของมาร์” “คะ!?” พริ้มเพราตาแทบถลน อะไรยังไง นี่เธอดันยุ่งกับคนที่แต่งงานแล้วเหรอ “แล้วเธอ...อยู่ไหนคะ ได้อยู่ด้วยกันหรือเปล่า” เธอถามต่อ มณีนุชส่ายหน้า “เลิกกันหรือคะ” อีกฝ่ายส่ายหน้าอีกครั้ง พริ้มเพรางงหนัก “แล้วเธอไปไหนคะ” “เธอเสียแล้ว” “หา!?” พริ้มเพราขนลุกซู่ ก้มมองชุดที่สวมแล้วชาไปทั้งร่าง มือเธอเริ่มสั่น ฝ่ามือเย็นเฉียบ “เธอเสียพร้อมกับพี่สะใภ้ฉัน” คนฟังอยากบอกเหลือเกินว่าพอแล้ว ให้ตายเถอะ! นี่เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง อานุชจะฆ่าเธออีกคนหรือ ทำไมต้องเล่าเรื่องนี้ด้วย “แม่ของบอส...ก็เสียแล้วหรือคะ” “อืม...เปิดลิ้นชักสิ” พริ้มเพราเปิดลิ้นชักด้วยมือสั่นๆ ในนั้นมีกรอบรูปเล็กๆ อยู่ด้วย มีอานุชแล้วก็ผู้หญิงอีกสองคนในชุดราตรีสีฟ้าเหมือนจะไปงานอะไรสักอย่าง “นั่นสีโปรดของมาร์ สีฟ้าคราม พวกเราสั่งตัดชุดนี้จากผ้าไหมของเราเอง เพื่อใส่ในวันฉลองวันเกิดของมาร์ เราจัดกันที่บ้านพักตากอากาศทางใต้ แต่แล้วก็มีเหตุเกิดขึ้น พวกเธอถูกฆาตกรรม สิ้นใจอยู่ที่ก้นเหว มีริ้วผ้าไหมปิดตาปิดปาก มัดมือมัดเท้า ตายคาที่!” “อุ้บ!” พริ้มเพรายกมือปิดปาก พอแล้ว พอได้ไหม ทำไมต้องเล่าด้วย! “เธอคงโกรธที่ฉันเล่า” ปากบอกอย่างนั้นแต่มีรอยยิ้มเยือกเย็น หมุนพวงมาลัยอย่างมั่นคงให้รถวิ่งไปตามถนนที่ทอดยาว ทว่าสองมือที่จับพวงมาลัยนั้น กลับจับแน่นกว่าทุกคราว ราวกับว่าได้ฝากความเจ็บปวดทั้งหลายไว้กับพวงมาลัยที่กำลังหมุนวน “เอ่อ...แฮ่กๆ” พริ้มเพราพยายามไม่อาเจียนออกมา เธอรีบเสือกไสกรอบรูปอันนั้นเข้าไว้ในลิ้นชัก “ทำไมต้องเล่าอะไรแบบนี้ให้ฉันฟังด้วยคะ” “เพราะเธอไม่เหมือนใคร” “หมายถึง?” ถามกลับหน้าตื่น เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายที่ข้างขมับ “นับตั้งแต่ปาลิดาจากไป มาร์ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยพาผู้หญิงมาที่บ้าน เขาอาจเจ้าชู้ แต่เขาจะจบเรื่องทุกอย่างไว้นอกรั้วบ้านเสมอ ที่สำคัญก็คือ เขาไม่เคยให้ใครแตะต้องของของปาลิดา ไม่ว่าจะเป็นของใช้หรือเสื้อผ้า เขาเก็บมันไว้อย่างดี เฝ้ามองมันราวกับว่าสักวันหนึ่งปาลิดาจะกลับมา ฉันยังอดประหลาดใจไม่ได้ที่เขาบอกว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นเก็บไว้ก็เปล่าประโยชน์ บางทีมาร์อาจปลงได้บ้างแล้ว เรื่องมันผ่านมาสองปีแล้วนี่นา และฉันเชื่อนิดๆ ว่าเธอเองก็มีส่วน” “ฉันหรือคะ” “ใช่...เอ่อ...ตรงไปทางนี้ใช่ไหม” “ค่ะๆ ตรงไปก่อนค่ะ” เธอบอกทางให้สารถีจำเป็น “ฉันไม่ได้สำคัญอะไรหรอกค่ะ ตอนนี้พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก ทุกอย่างมันเป็นแค่อุบัติเหตุ” มณีนุชหันมายิ้มให้อย่างรู้ทันบางอย่าง “มาร์พูดอย่างนั้นเหรอ” “ค่ะ เราจะเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้อง” มณีนุชยิ้มอีก “มาร์ไม่ปล่อยเธอหรอก ถึงจะพูดว่าไม่ต้องยุ่งกัน แต่มาร์คินไม่ใช่ เขาคงมีความรู้สึกบางอย่างกับเธอเข้าแล้ว สักวันมันคงชัดเจนพอให้เขาเข้าใจ และมัน...จะอันตรายมากๆ” “อันตรายสำหรับเขาหรือคะ” “ไม่ สำหรับเธอต่างหาก” “คะ?” “ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างปกติ ก็อย่าพูดเรื่องนี้ เรื่องที่เคยอยู่บนเตียงของมาร์ ความอ่อนโยน ความห่วงใย ความเอื้ออาทรใดๆ ที่เขามีให้เธอ จงเก็บเป็นความลับ ให้รู้เฉพาะเราสามคน เข้าใจไหม” พริ้มเพราเคืองนิดๆ ที่ถูกสั่งอย่างนั้น ถ้ามาร์คินจะตกหลุมรักเลขาอย่างเธอแล้วมันน่ารังเกียจนักหรือ “อย่าคิดเป็นอื่น เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง” “ทำไมคะ ทำไมฟังดูน่ากลัวจัง” “เพราะเรายังหาตัวฆาตกรไม่ได้ คนที่ทำร้ายแม่กับเมียของมาร์น่ะ ผ่านมาสองปีแล้วเรายังไม่รู้ตัวฆาตกรเลย” พริ้มเพราชาร่างครั้งที่สอง คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วยเถอะ เธอเผลอเข้าไปยุ่งกับมาร์คินได้อย่างไร นึกว่าเป็นคนเจ้าชู้ธรรมดา ไม่ได้คิดว่าจะมีความรักความหลังลึกลับซับซ้อนน่าหวั่นเกรงเช่นนี้ อีกิ๊บอีกุ้ง ช่วยเพื่อนด้วย! เพื่อนกลัว...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD