บ่วงราคะ
บทที่ 1
ขึ้นเตียงผิด ชีวิตเปลี่ยน
แก๊ง! แก๊ง! แก๊ง!
เสียงแก้วสามใบชนกัน น้ำสีอำพันที่อยู่ข้างในพร้อมใจกันกระฉอก ก่อนที่เจ้าของของมันจะพาแอลกอฮอล์ไหลลงสู่กระเพาะน้อย ที่นี่คือผับแห่งหนึ่งกลางเมืองกรุงฯ ท่ามกลางเสียงเพลงอึกทึกและนักท่องราตรี สองสาวกับครึ่งหนุ่มกำลังฉลองให้กับความสำเร็จถึงสองขั้นของเพื่อนรัก
“ก็แค่ผู้ชายโง่ๆ ที่ไม่รักดี ฉันไม่แคร์โว้ย! เอ้าชน!”
พริ้มเพรา พณากุล หญิงสาวผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมายี่สิบแปดปีแต่ยังสดซิง ยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อนทั้งสอง ความเจ็บช้ำในอกกำลังถูกบรรเทาด้วยฤทธิ์เหล้าและข่าวเรื่องงานใหม่ที่เธอกำลังจะเข้ารับตำแหน่งในวันพรุ่งนี้
“นังพริ้มเมาแล้ว ฉันว่ากลับเถอะ พรุ่งนี้มันต้องไปทำงานนะ”
กมลศักดิ์ หรือกิ๊บซี่ สตรีในร่างชายที่ยังครองสติได้มากสุด เอ่ยกับเพื่อนสาวอีกหนึ่งนาง พริ้มเพราอกหัก แต่นั่นเป็นสิ่งดี เพราะเจ้าหล่อนจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ กับงานใหม่ และเงินเดือนใหม่ที่มากกว่าเดิมถึงสามเท่า
“เออๆ ฉันก็ว่างั้น เริ่มตึงๆ แล้วด้วย เฮ้อ...พรุ่งนี้วันศุกร์ จะบ้าตาย”
กุ้งนาง บ่นให้กับความเป็นจริงของข้าราชการชั้นผู้น้อยที่หนีไม่พ้นปฏิทินวันเวลาที่เหมือนกรงขังมิให้พวกเธอต้องทำอย่างอื่น หากไม่เพราะถูกพริ้มเพราลากมาดื่ม ป่านนี้เธอคงนอนหลับฝันดีไปแล้ว
“ทำไมไอ้พอร์ชมันไม่รักฉันวะ ฉันไม่ดีตรงไหนกัน”
คนอกหักว่าแล้วยกแก้วขึ้นกระดก น้ำตาปริ่มจะไหลอีกรอบ
กุ้งนางแอบเติมโซดาในแก้วเพื่อน แต่พริ้มเพราก็คว้าขวดเหล้ามาเติมอีก
“เอาน่าๆ ลืมๆ ไปเถอะ มันชอบชะนีหน้าโบท็อกซ์ก็ปล่อยมันไป มันคงมีอะไรกันมานานแล้วล่ะ แกก็ทำใจซะ ผู้ชายใจหมาอย่างนั้นอย่าไปคบมันเลย ดีเท่าไหร่แล้วที่แกยังไม่ได้มีอะไรกับมัน” กมลศักดิ์ว่า
“ใช่ ฉันก็คิดเหมือนนังกิ๊บ” กุ้งนางเสริม ผมซอยสั้นของเจ้าตัวกับร่างเล็กบอบบางไม่ต่างจากพริ้มเพรา ทำให้กุ้งนางดูเป็นสาวเปรี้ยวทันสมัย ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงลิ่ว หากไม่บอกคงไม่รู้ว่าหล่อนเป็นครูสอนเด็กมัธยม
“กิ๊บซี่ย่ะ” กมลศักดิ์ท้วง หันมาจ้องพริ้มเพราอีกทีก็เห็นน้ำตามาเป็นสาย ขวดเหล้าในมือเจ้าหล่อนถูกรินลงแก้วจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
“ฉันจะดื่มให้ลืมมัน! ไอ้พอร์ช ไอ้คนสารเลว นอกใจฉัน!”
แล้วพริ้มเพราก็ดื่มเหล้าดังอึกๆ ราวกับน้ำเปล่า เธอมั่นใจว่ายังไม่เมา เหล้าเพิ่งหมดไปสองขวดเธอยังไม่เมาง่ายๆ หรอก แม้ว่าตาจะปิดอยู่รอมร่อก็ตาม
สองเพื่อนสาวส่ายหน้ากับสภาพอกหักครั้งที่ร้อยของพริ้มเพรา ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การนอกใจ แต่มันอยู่ที่พริ้มเพราไม่ยอมหลับนอนกับชายคนรักต่างหาก เจ้าหล่อนเชื่อว่าการจะรักใครสักคนไม่จำเป็นต้องเข้าหอก่อนแต่งงาน และมันทำให้พริ้มเพราเป็นโสดอีกครั้ง
“อีกขวดเถอะว่ะ ยังไม่อยากกลับเลย” พริ้มเพราบอกเพื่อนแล้วใช้หลังมือปาดเช็ดหยดน้ำที่เกาะอยู่ริมฝีปาก ไม่เข้าใจว่าทำไมการมีเซ็กซ์มันถึงได้สำคัญนัก การคบกันด้วยใจไม่มีแล้วหรืออย่างไร
“โอ๊ย...ไม่เอา ฉันมีงานนะ นังกิ๊บซี่ก็ด้วย” กุ้งนางเริ่มบ่น ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว เธอควรจะกลับไปนอนหากไม่อยากตื่นขึ้นมาตาเป็นหมีแพนด้า
“เออว่ะ กลับเถอะ” กมลศักดิ์ร้องขอ
พริ้มเพรามองขวดเหล้าเปล่าอย่างแสนเสียดาย อยากต่ออีกสักกลมให้สมความช้ำในใจ แต่ความเป็นจริงแล้วทำไม่ได้ เพราะถ้าต่ออีกกลม พรุ่งนี้เธอลุกไปทำงานไม่ไหวแน่ๆ
“งั้นก็กลับ ขอไปฉี่ก่อนได้ไหมไม่งั้นราดแน่ๆ” ว่าแล้วก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ ชุดเดรสสั้นสีดำที่สวมอยู่ รวมถึงผมยาวสลวยที่ทิ้งตัวลงมาระแผ่นหลังขาวๆ ที่ตัวเสื้อคว้านลึกถึงสะเอว ทำให้พริ้มเพราดูคล้ายกับสาวๆ หลายคนในวันนี้
หญิงสาวเดินออกไปในทันทีที่กล่าวจบ
“ฉันไปด้วยนังพริ้ม ปวดเหมือนกัน นังกุ้งเคลียร์บิลไปนะ แล้วค่อยหารกันวันพรุ่งนี้ เจอกันที่หน้าร้าน ขี้เกียจเดินกลับมาตรงนี้ คนเยอะ ฉันจะอ้วก”
กมลศักดิ์สั่งการ กุ้งนางยกมือทำสัญญาณว่าตกลง
คนอกหักเดินมาเข้าห้องน้ำพร้อมกับหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินคลอเคลียแทบจะสิงร่างเป็นเนื้อเดียว ผู้หญิงคนนั้นมองเผินๆ ราวกับฝาแฝดของพริ้มเพรา เพราะนอกจากจะแต่งตัวคล้ายกันแล้ว เจ้าหล่อนก็เมามายใช่ย่อย
สองสาวเข้าห้องน้ำพร้อมกัน ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอดู
กมลศักดิ์รีบมาเข้าห้องน้ำด้วยอาการเมาที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้น ในห้องน้ำมีบุรุษมากหน้าหลายตากำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ พยายามเก็บอาการกระดี๊กระด๊า เมื่อเห็นบางคนเมาจนยืนปัสสาวะแทบไม่ไหว ขยับออกจากโถฉี่ทั้งที่ยังรูดซิปไม่เสร็จ กะเทยแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาปรือน้อยๆ สุขใจที่ได้ยลช้างน้อยของเหล่านักเที่ยว และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาไม่แต่งหญิง แม้ว่าจะพิสมัยเพศชายไม้ป่าเดียวกันก็ตาม
เพื่อนสาวของพริ้มเพราออกมาจากห้องน้ำด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ อยากจะเล่าเรื่องสนุกๆ ให้พริ้มเพราฟังเกินจะกล่าว
“นังพริ้ม! มานี่...ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง” กมลศักดิ์ว่าแล้วลากแม่สาวชุดดำออกไปจากหน้าห้องน้ำ พาเจ้าหล่อนเดินฝ่าฝูงชนไปในตอนที่สาวชุดดำอีกคนเพิ่งจะเดินออกมา
“โอย...ปวดหัวชะมัดเลย”
สาวชุดดำว่าแล้วเดินไปพิงกายกับกำแพงสีอิฐ อยากจะสิงร่างกับมันเพราะขาสองข้างแทบยืนไม่อยู่ เธอเมามากในวันนี้ แม้จะหลอกตัวเองว่าไม่เมาก็ตาม แล้วจู่ๆ มือของใครบางคนก็คว้าหมับที่มือน้อยของเธอ
“อือ...มาแล้วเหรอ รอตั้งนาน ฉันน่าจะเมาแล้วล่ะ” เอ่ยบอกแต่ไม่ยอมลืมตา พออีกฝ่ายดึงร่างเข้าไปหาก็ถือโอกาสซบศีรษะกับไหล่นั้นเสีย
“ผมก็เมาเหมือนกัน”
พริ้มเพรามุ่นคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวคิ้วมนของคนเมาขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิง พยายามเพ่งมองใบหน้าของคนที่พาเดินออกไปก็แทบจะมองไม่เห็น เธอเมา เธอตาลาย ไฟสีรุ้งเหนือหัวก็วิ่งวนไปมาชวนให้สำรอก ทำได้เพียงหลับตาลงแล้วให้เจ้าของไหล่พาเธอเดินออกไป ไปที่ไหนก็ได้ ที่เขาต้องการ