EP 1/4 ขึ้นเตียงผิด ชีวิตเปลี่ยน

1476 Words
นาฬิกาบนข้อมือของพริ้มเพราบอกเวลาแปดโมงสามสิบเก้านาทีแล้ว แต่หญิงสาวเพิ่งจะก้าวออกมาจากลิฟต์โดยสาร เธอแทบจะวิ่งไปตามทางเดินที่ไร้ซึ่งผู้คน สองข้างทางที่เดินผ่านเต็มไปด้วยคอกกั้นที่มีพนักงานนั่งทำงานกันหน้าสลอน ยกเว้นตัวเธอเอง “สิบนาทีแล้วอีพริ้ม!” ร้องบอกตัวเองแต่แทบจะเป็นเสียงกระซิบ เธอเดินเร็วๆ จนมาถึงห้องของเจ้านายคนใหม่ ไร้ร่างเลขาที่โต๊ะทำงานด้านซ้าย ในขณะที่ด้านขวามีชื่อของเธอตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนโต๊ะ ราวกับรอท่าเจ้าของที่สมควรมาทำงานตั้งแต่ตอนแปดโมงครึ่ง ก๊อกๆ ๆ พริ้มเพราเคาะประตูอย่างรีบเร่ง รออยู่ชั่วนาทีประตูก็ถูกเปิดออก สตรีวัยน่าจะเลยสี่สิบเป็นคนเปิดประตูให้ มาดอันคมกริบของอีกฝ่ายทำให้เธอรู้สึกคล้ายกำลังถูกเฉือนเนื้อออกไปทีละน้อย “สวัสดี คุณพริ้มเพรา รู้สึกว่าคุณจะมาช้าไปสิบนาทีนะ” สตรีร่างอวบอิ่มเอ่ยท้วงด้วยมาดประหนึ่งคุณครูระเบียบที่กำลังจ้องจับผิดเด็กนักเรียนในปกครอง พริ้มเพรายกมือไหว้ขออภัย เธอรู้จักมณีนุชตั้งแต่คราวที่เข้ารับการสอบสัมภาษณ์แล้ว มณีนุชเป็นเลขาบอสใหญ่ ในขณะที่เธอต้องเข้ามารับตำแหน่งผู้ช่วยของมณีนุชอีกที “ขอโทษจริงๆ ค่ะ ฉันวิ่งมาตาเหลือกแล้วค่ะพี่” มณีนุชถลึงตาใส่เลขาคนใหม่ ก็คำพูดคำจาเจ้าหล่อนชวนให้เอามะเหงกลงหัวเสียจริง “ถ้าคราวหน้ามาสายอีก เธอจะถูกหักเงินเดือน” มณีนุชคาดโทษ พาพริ้มเพราไปพบกับคนที่นั่งอยู่หลังเก้าอี้ตัวใหญ่ พริ้มเพราตามไปเงียบๆ หัวใจเต้นตึกๆ ด้วยตื่นเต้นนักหนา บอสใหญ่นั่งอยู่ตรงนั้น หันเก้าอี้ออกไปชมวิวนอกกระจก และก่อนที่เธอจะได้หัวใจวายตายเพราะความตื่นเต้น คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานก็หมุนเก้าอี้กลับมา “ฉิบหายแล้วอีพริ้ม!!!” พริ้มเพราร้องออกมาดังๆ ตาจ้องอยู่ที่ใบหน้าของบอสใหญ่สลับกับป้ายชื่อของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะ ‘มาร์คิน มนวรรธน์’ “อะแฮ่ม...รักษามารยาทด้วย พริ้มเพรา” มณีนุชปรามพริ้มเพราอยู่เนืองๆ แต่อีกฝ่ายมัวแต่อึ้งจนไม่ทันได้ใส่ใจ กระทั่งบอสใหญ่ยอมเปิดปาก “คุณมาสายสิบนาทีในวันแรกของการทำงานกับผม มันเป็นสิ่งที่แย่มาก ความจริงแล้วเราสามารถพิจารณาเอาคุณออกได้ คุณมีข้อแก้ต่างไหมครับคุณพริ้มเพรา” เสียงทุ้มของบุรุษมาดดี หน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรฉุดพริ้มเพราออกมาจากอาการอึ้ง เขาทำราวกับว่าไม่เคยรู้จักเธอทั้งที่เพิ่งห่างกันไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ “มีแน่ เพราะใครล่ะที่ทำฉันให้ฉันมาสาย ถ้าไม่ใช่เพราะ...” “อะแฮ่ม!” มณีนุชกระแอมอีก พริ้มเพราสะกดคำว่ามารยาทไม่เป็นหรือ “อ่า...ขอโทษค่ะพี่ ฉันมาสายจริงๆ และขอโทษที่ไร้มารยาทกับบอสด้วยค่ะ” พริ้มเพรารีบยกมือไหว้มณีนุช ทำใจอยู่สามวิเรื่องบอสใหญ่ แล้วรีบหันมายกมือไหว้เขาบ้าง ถ้าเขาจะทำเป็นว่าจำเธอไม่ได้ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ตัดหน้าหล่อๆ ออกไปจากห้วงคำนึง ตัดรสรักอันแสนรัญจวนออกไปจากความทรงจำเสียด้วย “อานุชออกไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณพริ้มเพราตามลำพัง” มาร์คินเอ่ยกับเลขาที่มีศักดิ์เป็นอาของตัวเอง เขาคือบอสใหญ่วัยสามสิบสองปี ผู้กุมบังเ**ยน มนวรรธน์ บริษัทส่งออกสิ่งทออันดับต้นๆ ของเมืองไทย บริษัทมนวรรธน์มิได้ทำเพียงส่งออกสิ่งทอ แต่ยังครอบคลุมธุรกิจแฟชั่นเช่นเสื้อผ้า กระเป๋า และอื่นๆ อีกมากมาย มณีนุชออกไปจากห้องตามคำสั่งของบอสใหญ่ พริ้มเพราหน้าเง้าหน้างอ อยากกระชากหัวบอสมาเขย่าให้สาแก่ใจนัก “คุณควรจะมาให้ทันเวลาทำงาน” เขาว่า “ฉันมาทันแน่ๆ ถ้าไม่มีใครถ่วงเวลา” เธอเถียง พวงแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อเห็นหน้าคนที่กกกอดกันอยู่เมื่อคืน เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ลุกออกมาจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาพริ้มเพรา หญิงสาวก้าวถอยหลัง เพื่อให้ห่างจากชายหนุ่ม กลิ่นกายเขายังตามมาหลอกหลอนเธอ ยามได้ใกล้ชิดยิ่งชวนให้คิดถึงเรื่องอย่างว่า “เราควรต้องเก็บเรื่องเมื่อคืนไว้เป็นความลับ เพื่อจะได้ไม่เสียการปกครอง หรือคุณอยากเปลี่ยนตำแหน่ง” “จากอะไรเป็นอะไรละคะ” เธอย้อน นึกหมั่นไส้สายตาเจ้าเล่ห์ของบอสนัก “จากผู้ช่วยเลขาเป็น...นางบำเรอ” เผียะ! เสียงตบดังๆ ไม่เท่าความเจ็บแสบที่ซีกแก้มขาว มาร์คินยกมือกุมแก้มข้างที่โดนตบ จ้องหน้าพริ้มเพราราวอยากจะฆ่า ทว่ามันก็เพียงแวบเดียว เพราะหยดน้ำใสที่คลออยู่ในนั้นทำให้ใจเขาอ่อนยวบประหนึ่งขี้ผึ้งถูกไฟลน “เราไม่เคยรู้จักกันค่ะบอส และฉันจะลืมเรื่องเมื่อนาทีก่อนไปเสีย ถ้าบอสจะ กรุณาและช่วยมอบหมายงานให้ฉันได้ทำ ในฐานะผู้ช่วยเลขาค่ะ” พริ้มเพรากัดฟันพูดออกไป พยายามบังคับน้ำตาใต้แว่นเลนส์ใสมิให้มันไหลหยด เมื่อคืนนี้และเมื่อเช้า ความสัมพันธ์ที่เธอมีต่อเขาเต็มไปด้วยความเร่าร้อน เขาเหมือนเทพบุตรผู้ช่ำชอง ส่วนเธอเหมือนกวางน้อยผู้โง่เขลาที่พร้อมจะยอมให้เขาล่าได้เต็มที่ มาร์คินขบกรามดังกรอดๆ ไม่รู้ว่าโกรธหรือไม่พอใจกับแววตาของพริ้มเพรากันแน่ แววตาที่เจ็บปวดขมขื่นนั้นมันกำลังกัดกินหัวใจเขา เจ็บแสบยิ่งกว่าแรงตบจากฝ่ามือน้อยเสียอีก “บ่ายนี้มีประชุม คุณ...ไม่ต้องเข้า อานุชจะเข้าร่วมประชุมแค่คนเดียว คุณไปนั่งที่หน้าห้อง รอรับโทรศัพท์ ถ้าเป็นลูกค้าให้โอนสายมา ถ้าเป็นคนอื่นบอกไปว่าผมไม่ว่างกำลังประชุม” “แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นลูกค้าหรือไม่เป็น” พริ้มเพราถามอย่างข่มความโกรธ เธอทำงานที่นี่วันแรกนะ ห้องน้ำอยู่ไหนเธอยังไม่รู้เลย “นั่นเป็นปัญหาที่คุณต้องแก้ไม่ใช่ผม พรุ่งนี้มาให้ทันเวลา อ้อ...ออกไปซื้อกาแฟร้านตรงข้ามมาให้ด้วย อเมริกาโน่น้ำตาลนิดเดียว ขอกาแฟก่อนเก้าโมง เข้าใจหรือยัง” “ค่ะ แล้วค่ากาแฟ?” “ไปเอาเลย เราจ่ายเขาเป็นรายเดือน เขารู้” มาร์คินอธิบาย พริ้มเพราพ่นลมหายใจแรงๆ รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเธอยังรู้ว่าตัวเองทำหน้าที่อะไรในบริษัทนี้ ที่แน่ๆ ไม่ใช่ตำแหน่งนางบำเรอของเขาอย่างเด็ดขาด “ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ ฉันออกไปได้หรือยังคะ” ถามเขาแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตา มาร์คินเป็นบุรุษผู้หล่อเหลาที่สุดเท่าที่เธอเคยพบมา เขารูปงามอย่างบุรุษเลือดผสม ตัวสูง ผิวขาว หน้าคล้ายคนยุโรป เขาเป็นลูกครึ่งแน่ๆ แต่พูดภาษาไทยชัดแจ๋วเชียว และที่สำคัญ เขามันร้ายกาจ! “ได้ อ้อ...ผมมีของจะให้” เขาว่าแล้วล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง พริ้มเพราอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโต อีตาเจ้านายจอมร้ายกาจเอากางเกงชั้นในของเธอใส่กระเป๋ากางเกงมาทำงานด้วย มันน่าจับทุ่มให้ซี่โครงหักนัก “พอดีคุณลืม หรือบางที...อาจจะจงใจลืม” เขาว่าแล้วยิ้มยั่ว พริ้มเพราดึงเอากางเกงตัวจ้อยมาไว้ในมือ หน้านิ่วคิ้วชนกัน ริมฝีปากงามเม้มแน่นราวกับว่าหากเผลอให้มันแยกออกจากกัน จะปลดปล่อยเสียงด่าออกมาให้ระคายหูคนฟัง “ขอบคุณ” “ด้วยความยินดี คราวหน้าขอเร้าใจแบบลายเสือนะ สีดำเบื่อแล้ว หึๆ” “บอส!?” “อ้อ...พรุ่งนี้ไม่เอาแว่นคุณป้านะ เห็นแล้วขัดลูกตา” เขาชี้ใส่แว่นของหล่อน “อย่าก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคลของฉันสิคะ” เธอเถียง ขยับขาแว่นน้อยๆ เมื่อมันไหลลงมาตามแนวสันจมูก “แต่ผมไม่ชอบ มันไม่สวย ใส่คอนแทคเลนส์ดีกว่าเยอะ” “สวยไม่สวยก็เรื่องของฉันค่ะ มาทำงานนะคะ ไม่ได้มาอ่อย” มาร์คินอมยิ้ม ยอมก็ได้ ยอมแล้วคนสวย “โอเคครับคุณพริ้มเพรา ออกไปได้แล้ว ขอกาแฟก่อนเก้าโมงด้วยนะ” เขาบอกเหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยกวนประสาทสาวเจ้า พริ้มเพราได้แต่เดินฮึดฮัดขัดใจออกไปจากห้อง และเพียงแค่หย่อนก้นลงไปบนเก้าอี้ โทรศัพท์สามเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นพร้อมๆ กัน กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! “ตายแน่อีพริ้ม!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD