สิ้นสุดกันแค่นี้

1409 Words
“ฉันโอนคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้เธอพร้อมกับเงินสดอีกสิบล้าน อยู่ในซองเอกสารอันนี้” ชายหนุ่มว่าพลางยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลข้างกายให้หญิงสาว ถึงแม้จะเลิกรากันไป แต่เขายังมีความห่วงใย ถึงยังไงก็ตัดขาดไม่ได้อยู่แล้ว คนเคยรักจะให้ตัดเยื่อใยแบบรวดเร็วคงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างต้องใช้เวลาเสมอเหมือนใจของเขาตอนนี้ ที่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะลบเลือนความเจ็บในครั้งนี้ออกจากหัวใจได้ “เพื่ออะไร ในเมื่อเราสองคนไม่เกี่ยวข้องกันแล้วก็อย่าได้มาสงสาร อย่าได้มาเกี่ยวข้อง แค่นี้ฉันก็เจ็บมากพอแล้ว” “เจ็บเหรอ...คนที่เจ็บคือฉันมากกว่านะ ฉันใจดีมากเลยนะรู้ไหม ที่ไม่จัดการเธอกับชู้รักให้ตาย ปล่อยให้มีชีวิตอยู่” สายตาคู่คมจ้องมองอดีตภรรยาด้วยความโกรธแค้น “เธอไม่รู้หรอกว่า...ฉันเจ็บปวดแค่ไหน ราวกับเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความโง่ของตัวเอง ที่โดนเมียหักหลัง!” หัวใจตอนนี้เหมือนถูกกระชากออกมาบดขยี้จนไม่เหลือชิ้นดี ครั้งหนึ่งเขาเคยรักผู้หญิงตรงหน้ามาก แต่...ตอนนี้กลับกลายเป็นความเกลียดชัง “หึ!” ไพลินทร์หัวเราะในลำคออย่างสมเพชตัวเอง “คุณมันโง่ ตัดสินฉันเพียงแค่สิ่งที่เห็น ไม่ยอมสืบหาความจริง แต่ฉันยังยืนยันว่าไม่ได้หักหลังคุณ ไม่ได้คบชู้อย่างที่แม่ของคุณกล่าวหา คงสมใจท่านแล้วสินะที่กำจัดสะใภ้แบบฉันได้ แต่...บอกไว้เลยนะ ‘กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง’ เชิญคุณเชื่อคำพูดของแม่คุณต่อไปเถอะ ต่อให้ฉันหาหลักฐานมาพิสูจน์ยังไง คุณก็ไม่มีวันเชื่ออยู่แล้ว” “เธอรู้อะไรไหม สิ่งที่ฉันทำผิดพลาดมากที่สุด คือการไม่เชื่อคำเตือนของคุณแม่ ยอมเป็นลูกอกตัญญูแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธอ!” “ค่ะ เชิญคุณเชื่อแม่ของคุณต่อไปนะคะ ขอให้โชคดีกับสิ่งที่เป็นอยู่ และขอบคุณสำหรับของที่มอบให้ฉัน แต่ฉันไม่ต้องการ!! เชิญคุณเอามันคืนไป ไม่ว่าจะเป็นสินสอด คอนโด หรือแม้กระทั่งเงิน จะได้ไม่ต้องมีอะไรมาติดค้างกันอีก” “จองหอง! ขอให้เธอมีความสุขกับชู้รักของเธอ...ไพลินทร์!” เมฆาตวาดใส่อดีตคนรักอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็เดินออกจากห้องด้วยความโมโห “ฮึก! ฮือ ๆ” ร่างบางทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง มือบางลูบท้องเบา ๆ ความเจ็บปวดของเธอมาพร้อมกับความสุขอีกหนึ่งชีวิตที่เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของเธอกับ (อดีต) ชายคนรักที่เธอเพิ่งตรวจรู้เมื่อไม่กี่วันก่อนจะเกิดเรื่อง ช่างน่าสมเพชเวทนาสิ้นดีที่ถูกเขาตราหน้าว่าเป็นหญิงสำส่อน และลงทัณฑ์เธอด้วยการ "หย่า" ต่อจากนี้ไปเธอจะใช้ชีวิตอยู่กับลูกสองคน เธอจะเป็นทั้งแม่และพ่อให้กับเขา เธอสัญญา... ******** “รีบ ๆ เอาความสกปรกของเธอออกไปจากที่นี่ซะนังหนูจ๋า คงไม่มีอะไรที่มีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว” คุณหญิงรัตนาเดินเข้ามาพูดเยาะเย้ย ทันทีที่บุตรชายขับรถออกจากบ้านหลังหย่าเสร็จเรียบร้อย “หนูก็ไม่อยากอยู่ร่วมกับผู้หญิงจิตใจปีศาจอย่างคุณหญิงหรอกค่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณหญิงจะเป็นผู้ชนะ แต่อย่าลืมนะคะว่า คนเรานั้นสามารถพ่ายแพ้กันได้ และหนูจะรอวันที่คุณหญิงไม่เหลืออะไร แม้กระทั่งลูกชายของตัวเอง!!!” ไพลินทร์ลุกขึ้นประจันหน้ากับอดีตแม่สามีที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด “แก!!!”คุณหญิงรัตนาเงื้อมือขึ้นจะตบอดีตลูกสะใภ้ แต่ถูกหญิงสาวจับไว้ทัน “จะตบหนูเหรอคะ ฝันไปเถอะค่ะ ไพลินทร์คนนี้จะไม่มีวันยอมให้คุณหญิงโขกสับอีกต่อไป ขอเตือนไว้นะคะ อย่าริอาจมาเล่นกับไฟ หนูไม่ใช่คนดีอะไรอย่างที่ใคร ๆ เห็นหรอกนะ” ไพลินทร์คนก่อนยอมทุกคนในบ้านนี้ไปหมดแต่ตอนนี้เธอจะลุกขึ้นมาสู้บ้าง “และจำใส่สมองหนา ๆ ไว้เลยนะคะว่า หนูจะกลับมาทวงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของหนูคืน” นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ ไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวานอะไรอย่างที่แสดงออกมา ใครดีด้วยก็ดีกลับ ใครร้ายมาก็ร้ายตอบ “แกขู่ฉันเหรอ...ฉันไม่กลัวแกหรอก แล้วเฉดหัวของแกออกจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!!!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของนางแสดงถึงความเกลียดชังต่ออดีตลูกสะใภ้อย่างไม่ปิดบัง “ไม่ต้องไล่ค่ะ หนูจะไปอยู่แล้ว เชิญสุขสบายกับว่าที่ลูกสะใภ้คนใหม่ของคุณหญิงไปนะคะ ขอเตือนด้วยความหวังดี “อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว” เพราะดอกบัวที่ใคร ๆ เห็นอาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด” พูดเสร็จเธอก็หยิบกระเป๋าที่สาวใช้นำมาวางไว้ให้ แล้วเดินออกไปจากบ้านโดยมีเพื่อนสาวคนสนิทมารอรับอยู่หน้าบ้านหลังจากที่เธอไลน์ไปบอกเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง ไพลินทร์มาพักที่คอนโดของเพื่อนสนิท ชื่อ “กัลยาหรือกุล” เป็นเพื่อนคนเดียวที่เธอคบมาตั้งแต่เด็ก เราสองคนพูดคุยกันตลอดและไม่มีอะไรที่จะต้องมาปิดบังกัน อีกทั้งกัลยายังเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน แม้กระทั่งอดีตคนรักที่คบหาดูใจกันมานานถึงหลายปียังไม่รู้ด้วยซ้ำ “แกจะเอายังไงต่อไปหนูจ๋า” กัลยาถามแสดงออกถึงความห่วงใย ตั้งแต่ไปรับเพื่อนสาวที่บ้านของรุ่นพี่ ก็เอาแต่ร้องไห้ จนเธอรู้สึกใจหายที่เมื่อคืนเพื่อนโทรมาร้องห่มร้องไห้ว่าตนเองนั้นถูกแม่สามีใส่ร้ายและจัดฉากว่าคบชู้ ทำให้รุ่นพี่ของเธอเข้าใจผิดและขอหย่าในที่สุด “กุล...ฉันมีอะไรจะบอก” “ว่ามาสิ” “ฉันท้อง...” มือเรียวทั้งสองข้างกุมเข้าหากันแน่นแล้วก้มหน้าก้มตาลงไม่กล้าสบตากัลยา “ท้อง!!!! เธอท้องกับพี่เมฆอย่างนั้นเหรอ”กัลยาอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน “ใช่ ฉันท้องกับเขา เมื่อเดือนที่แล้วเขาบอกว่าอยากมีลูก ฉันเลยไม่คุมแต่ไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กจะมาเร็วขนาดนี้” ไพลินทร์บอก ก่อนหน้านี้เมฆาบอกว่าอยากมีเจ้าตัวเล็ก เขาเลยขอให้ไม่กินยาคุม เธอเลยทำตามเพราะอยากมีโซ่คล้องใจเหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้น และยังตั้งใจจะบอกเขาตั้งแต่คืนนั้นแต่กลับมีเรื่องซะก่อน “แกจะเอายังไงต่อ บอกพี่เมฆหรือกลับอังกฤษ” ตอนนี้เรื่องมันเลยเถิดไปใหญ่แล้วสิ เธอก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเพื่อนรักยังไงดี “บอกทำไม ในเมื่อเขาตราหน้าฉันขนาดนั้น ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าเจ้าตัวเล็กเป็นลูกเขา ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะกลับอังกฤษ” ว่าที่คุณแม่พูดอย่างมาดมั่น มันถึงเวลาที่เธอต้องกลับไปใช้ชีวิตบนโลกแห่งความเป็นจริงสักที “ตามใจ ฉันคงห้ามอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้แกไปนอนพักก่อนดีกว่าไหม ส่วนเรื่องตั๋วฉันจะจัดการเอง เราสองคน ไม่ใช่สิ! เราสามคนจะกลับอังกฤษให้เร็วที่สุด ที่สำคัญแกต้องไปฝากท้องก่อนนะ” เธอค่อนข้างเป็นห่วงความรู้สึกไพลินทร์เป็นที่สุด อีกอย่างคนกำลังท้องกำลังไส้ มาเจอเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจเช่นนี้ อาจทำอะไรที่ใครคาดไม่ถึงก็ได้ “ขอบใจมากนะ ถ้าไม่ได้แกฉันคงแย่ ฉันเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ เลยเนอะ เอาแต่สร้างเรื่องมาให้แกปวดหัวอีกจนได้” “อย่าคิดมากเลย เดี๋ยวส่งผลถึงหลาน แกอย่าลืมนะว่าตอนนี้ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดูแลนะ” หญิงสาวพาเพื่อนเข้าไปพักผ่อนในห้อง กว่าจะกล่อมให้หลับได้ก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมง จากนั้นก็เดินออกมาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อล้างความผิดให้กับไพลินทร์
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD