ภีมพัฒน์กลับมาที่บ้านของสองยายหลานอีกครั้ง พร้อมของฝากเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอีกชนิด
อาหารค่ำวันนั้นทำให้สองครอบครัวได้กระชับสัมพันธไมตรีกันมากยิ่งขึ้น คุณยายเองนึกนิยมชมชอบความมีสัมมาคารวะและเป็นกันเองของภีมพัฒน์อยู่มาก
ส่วนหนึ่งฤทัยนั้นเธอสนิทกับกิตอย่างรวดเร็ว หญิงสาวตักอาหารให้กิตอย่างเอาใจ ในขณะที่เด็กน้อยเอ่ยชมว่าอาหารฝีมือของคุณยายอร่อยเป็นที่สุด
“คุณพ่อน้องกิตก็ทำอาหารอร่อยมากๆ เลยครับ” ประโยคของเด็กน้อยเรียกรอยยิ้มของทุกคน ในขณะที่ภีมพัฒน์หน้าแดงเล็กน้อย
“น้องกิตชอบยอผมให้คนอื่นฟังน่ะครับ จริงๆ ผมแค่ทำอาหารได้เท่านั้นเอง” ภีมพัฒน์ถ่อมตัว
“อร่อยจริงๆ นะครับ พี่หนึ่งต้องลองชิมดู”
“งั้นวันหลังพี่คงต้องลองไปชิมแล้วละค่ะ” ประโยคของหญิงสาวทำให้ภีมพัฒน์เผลอมองสบตากับเธอ นั่นทำให้ทั้งสองรู้สึกขัดเขินอย่างไม่ทันตั้งตัว
หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้นหนึ่งฤทัยก็เดินมาส่งสองพ่อลูกที่หน้าบ้าน ค่ำคืนนั้นสร้างความประทับใจให้สองครอบครัวเป็นอันมาก
“คุณพ่อครับ” กิตเรียกบิดาอย่างอ้อนๆ เมื่ออีกฝ่ายขึ้นมานอนกอดเขาบนเตียงกว้างเพื่อจะเล่านิทานให้ฟังเหมือนเช่นทุกคืน
“ว่าไงครับ”
“คุณพ่อว่าพี่หนึ่งสวยไหมครับ”
“หืม... ทำไมถามพ่อแบบนั้นล่ะ” เขาก้มมองบุตรชายตัวน้อยในอ้อมแขน
“คุณพ่อตอบก่อนสิครับ”
“สวยครับ”
“น้องกิตชอบพี่หนึ่งจังเลยครับ อยากได้มาเป็นคุณแม่”
“ไม่เอาครับ ไปพูดแบบนั้นเดี๋ยวพี่หนึ่งโกรธเอา”
“โกรธทำไมครับ”
“มันไม่สมควรไงครับ”
“คุณพ่อไม่ชอบพี่หนึ่งเหรอ” คำถามของเด็กน้อยไร้เดียงสาทำให้ภีมพัฒน์เงียบไป
“ว่าไงครับ” เด็กน้อยอยากได้คำตอบว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะตัวเองจะได้มีลุ้น
“ชอบครับ”
“เย้!”
“ทำไมเราต้องดีใจขนาดนั้นด้วย”
“ถ้าชอบคุณพ่อก็จีบเลยนะครับ”
“แก่แดดนะเรา”
“จีบเลยๆ” เด็กน้อยยุคุณพ่อไม่หยุด กระโดดขึ้นไปทาบทับก่อนจะใช้ตุ๊กตาตัวน้อยจี้บิดาคุณพ่อผู้แสนใจดีเป็นตัวประกัน จนภีมพัฒน์ต้องยอมลูกชาย
“เขาอาจจะไม่ชอบพ่อหม้ายลูกติดก็ได้นะครับ” รับปากว่าจะจีบแต่ก็พูดประเด็นที่คิดว่าอาจจะกินแห้วให้ลูกชายได้ทำใจเอาไว้เสียตั้งแต่เนิ่นๆ
“งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปถามให้นะครับ”
“จะดีเหรอครับ ไปถามแบบนั้นเท่ากับไปรุกเขานะครับ” ภีมพัฒน์พูดอย่างตกใจ กลัวลูกชายจะไปถามจริงๆ
“ผมไม่ถามตรงๆ หรอกครับ จะถามว่าชอบหรือไม่ชอบ”
“เอาอย่างนั้นเหรอครับ” ภีมพัฒน์ก้มมองแววตาของลูกชายตัวน้อย มันเต็มไปด้วยประกายความต้องการมารดาสุดหัวใจ ก็รู้สึกสงสารไม่น้อย
แท้ที่จริงแล้ว กิตไม่ใช่ลูกในไส้ของเขา แต่เป็นลูกชายของภัทรศักดิ์ หลานชายของเขาที่ไปทำเด็กผู้หญิงท้องตอนเรียนมัธยมปลาย เขาเลยต้องรับกิตมาเป็นลูกเพราะไม่อยากให้หลานชายเสียอนาคต บิดามารดาของภัทรศักดิ์ซึ่งเป็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเขาก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว เขาจึงต้องดูแลหลานชายคนเดียวแทนมาตลอดหลายปี
เรื่องนี้ไม่มีใครรู้มากนัก มีเขา ภัทรศักดิ์ เนตรดาวและเพื่อนๆ ของทั้งสองเท่านั้นที่รู้ว่าใครคือพ่อแม่ที่แท้จริง เขาพากิตย้ายมาอยู่ที่นี่ จึงห่างไกลจากเรื่องซุบซิบนินทาว่ากิตไม่ใช่ลูกของเขาไปได้ อีกทั้งเพื่อนๆ วัยเดียวกันกับบิดามารดาที่แท้จริงของกิตก็ย้ายที่อยู่ทั้งไปเรียนบ้าง ไปทำงานบ้างกันเกือบหมดแล้ว การไม่เห็นหน้าค่าตากัน ก็จะทำให้ยุติการพูดคุยเรื่องอดีตไปได้
ทุกคนเข้าใจว่าเขาเป็นหม้าย ภรรยาเสียชีวิตไปพร้อมกับการทิ้งลูกเอาไว้ให้เขาเลี้ยงหนึ่งคน ซึ่งเขาก็ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจเช่นนั้น มีผู้หญิงหลายคนเข้าหาเขา แต่หากพวกหล่อนเข้ากับกิตไม่ได้ หรือไม่ได้รักกิตโดยแท้จริงเขาก็ไม่พร้อมจะสานสัมพันธ์ด้วย
เขาเองรักกิตเหมือนลูกในไส้ด้วยว่าเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย ตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย เขาจึงรักกิตมากๆ และอยากให้กิตได้มีครอบครัวที่ดีและอบอุ่นเหมือนคนอื่นเขา
ความคิดของภีมพัฒน์สะดุดลงเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น คนที่โทร. มาหาคือภัทรศักดิ์ หลานชายเพียงคนเดียวที่ขณะนี้อยู่ต่างประเทศ
เขาส่งภัทรศักดิ์ไปเรียนต่อต่างประเทศหลายปีแล้ว คิดว่าจะให้อีกฝ่ายกลับมาช่วยกันทำไร่ชาและดูแลกิจการรีสอร์ทเล็กๆ ที่เขาและพี่ชายกับพี่สะใภ้ซึ่งก็คือบิดามารดาของภัทรศักดิ์สร้างมากับมือ
ธุรกิจของครอบครัวที่เขาดูแลอยู่ บิดามารดาของภัทรศักดิ์เป็นคนช่วยบุกเบิกสร้างกันมากับเขาจนตอนนี้มีชื่อเสียงติดอันดับของจังหวัด และเป็นที่รู้จักทั้งไทยและต่างประเทศ
“สวัสดีครับอาภีม สวัสดีครับลูกหมูตัวน้อย” ภัทรศักดิ์วิดีโอคอลมาหาคนทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
“ผมไม่ใช่ลูกหมูนะ” เด็กน้อยทำหน้างอนใส่
“เป็นไงบ้างเรา” ภีมพัฒน์เอ่ยถามหลานชาย
“ผมจะกลับไทยเร็วๆ นี้นะครับอา”
“อืม... ดีๆ จะได้กลับมาช่วยงานอา”
“โหย... ขอเที่ยวพักผ่อนก่อนได้ไหมครับ” ภัทรศักดิ์โอดครวญ
“ตามสบาย เรียนจบกลับมาก็ดีแล้ว” ภีมพัฒน์ไม่ได้ว่าอะไรเพราะว่าเขาก็เลี้ยงหลานชายมาด้วยความรัก ไม่เคยบีบบังคับ จริงๆ แล้วถ้าภัทรศักดิ์ไม่อยากจะทำงานที่โรงแรมเขาก็ไม่ว่าอะไร เพราะส่งไปเรียนก็อยากให้มีการศึกษา จบมาแล้วจะได้เลี้ยงตัวเองได้
“ทำอะไรกันอยู่ครับนี้”
“เล่านิทานให้กิตฟัง”
“อะไรกันครับ อายุเท่าไหร่แล้วยังชอบฟังนิทานอยู่อีกเหรอ” ภัทรศักดิ์เอ่ยแซว
“ก็ผมจะฟังนี่ครับ” กิตทำปากยื่นใส่ภัทรศักดิ์ ตามศักดิ์แล้วกิตเรียกภัทรศักดิ์ว่าพี่ภัทร แม้ความเป็นจริงจะต้องเรียกว่าพ่อก็ตามที
“กลับไปจะเล่าให้ฟัง”
“พี่ภัทรเล่าไม่สนุกเท่าคุณพ่อ”
“น้อยใจจัง”
“กลับมาอย่าลืมของฝากนะครับ”
“คิดถึงพี่ภัทรไหม” ภัทรศักดิ์เอ่ยถามเด็กน้อย
“ไม่คิดถึง”
“ว้า... น้อยใจจัง”
“ไม่คิดถึงนิดหนึ่ง คิดถึงมากครับ”
“ยื่นแก้มมาหน่อย จะหอมสักฟอดใหญ่” สองพ่อลูกคุยกันอยู่นาน แต่เด็กน้อยไม่รู้สถานะว่านั่นคือบิดาของตนเอง
“ฝันดีนะครับ” ภัทรศักดิ์บอกเด็กน้อย
“ฝันดีครับ”
“เรากลับมาวันไหน” ภีมพัฒน์เอ่ยถามหลานชายก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสาย ภัทรศักดิ์จึงให้คำตอบแก่ผู้เป็นอาว่าอีกไม่กี่อาทิตย์ ก่อนจะวางสาย
ภีมพัฒน์เล่านิทานให้บุตรชายได้ฟังก่อนจะจุ๊บเบาๆ ที่หน้าผากเล็กๆ เพื่อบอกราตรีสวัสดิ์เมื่อกิตหลับคาอกเหมือนเช่นทุกครั้ง
ร่างสูงเดินเข้าห้องทำงานเพื่อสะสางงานที่คั่งค้าง ก่อนที่เขาจะบิดตัวไปมาด้วยความเมื่อยขบและเดินออกมารับลมเย็นๆ ที่ระเบียงบ้าน เขาเห็นว่าหญิงสาวข้างบ้านก็ยังไม่นอนเหมือนกัน เธอกำลังยืนรับลมเย็นๆ อยู่ที่ระเบียงห้องนอนของตัวเอง
หญิงสาวกอดตัวเองด้วยความหนาว รีบกระชับเสื้อกันหนาวเข้าหาตัว ก่อนที่จะจามออกมา เธอหันมาเห็นเขาเข้าพอดี นั่นทำให้ต้องรีบเช็ดน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากจมูก
เขายิ้มให้เธอทำท่าทำทางให้เธอกระชับเสื้อกันหนาวเข้ากับตัวอีก ทำให้เธอยิ้มตอบเขาไป ชี้ขึ้นไปมองท้องฟ้าเพื่อมองดวงดาวบนนั้น คล้ายกับเป็นการชวนเขาดูดาวไปด้วย
พอเธอหาว เขาก็ใช้มือทั้งสองประกบเข้าหากัน พร้อมแนบกับแก้ม บอกให้เธอไปนอนได้แล้ว เธอจึงยกมือทำท่าว่าโอเค ใช้ภาษามือบอกเขาว่าขอให้เขานอนหลับฝันดี
ภีมพัฒน์จึงใช้ภาษามือบอกให้เธอนอนหลับฝันดีเช่นกัน ในคืนนั้นสองหนุ่มสาว หลับไปด้วยรอยยิ้มที่ถูกแต่งแต้มอยู่บนใบหน้า
รุ่งเช้าของวันใหม่ภีมพัฒน์เจอเข้ากับสองยายหลานที่ออกมาใส่บาตรตรงหน้าบ้าน พร้อมด้วยสาวใช้อีกคน เขาเองก็ชอบตื่นมาทำบุญใส่บาตรเหมือนกัน
“นั่นพี่หนึ่งกับคุณยายนี่ครับ” กิตเห็นหนึ่งฤทัยเข้าก็รีบร้องบอกบิดาด้วยความดีใจ ลากมือให้อีกฝ่ายเดินไปใส่บาตรใกล้ๆ กับหนึ่งฤทัยและคุณยายเยื้อน
“อ้าว... พ่อภีมออกมาใส่บาตรเหมือนกันหรือจ๊ะ” คุณยายเอ่ยทัก ในขณะที่หนึ่งฤทัยหันไปมองและยิ้ม เผื่อแผ่ไปถึงเด็กน้อยนามว่ากิตด้วย
“ดีใจจังเลยมีคนมาใส่บาตรเพิ่มขึ้นอีกตั้งสามคน”
กิตพูดตามประสาเด็ก ก่อนที่พระจะเดินมาบิณฑบาต ทำให้ต้องยุติการสนทนาไปชั่วครู่ ทั้งหมดใส่บาตรและรับพรจากพระด้วยความอิ่มบุญ ทั้งอิ่มอกอิ่มใจ ใบหน้าแจ่มใสเมื่อได้รับพรจากพระภิกษุสงฆ์
“คุณพ่อของน้องกิตตื่นมาทำอาหารตั้งแต่เช้าครับ”