“แม่...”
“ไหนว่าจะเริ่มทำงานวันนี้ไง ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกล่ะ...แล้วนี่...”
ทิพย์ธารา หญิงวัยสี่สิบแปดเจ้าของใบหน้ารูปไข่ฉาบเมคอัพบางเบาใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลซีดหมองเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือของมษยา ใบหน้านั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนดึงตุ๊กตาตัวเล็กและรูปถ่ายจากมือของบุตรสาวเพียงคนเดียวไปเพ่งพิจารณา
“เอ้อ...แม่คะ...หนูกำลังจะเก็บไว้แล้วล่ะค่ะ...เอ้อ...” น้ำเสียงหวานปนแหบเมื่อเงยหน้าขึ้น
“ถึงป่านนี้แล้วลูกยังไม่ลืมเขาอีกหรือ ยะหยา”
คำถามของมารดาทำให้มษยาที่พูดอึกอักชะงักกึก เธอมองสิ่งที่มารดาเอาไปจากมือตัวเองพลางยิ้มจาง ๆ
“หนูแค่เอาของที่เขาเคยให้ออกมาดูก็เท่านั้นล่ะค่ะ”
“ลืมเขาได้แล้วล่ะ” ทิพย์ธารากล่าวพลางวางของสองสิ่งนั้นลงบนโต๊ะด้านบนลิ้นชักที่ชั้นล่างถูกเปิดค้างไว้ “ป่านนี้เขาคงเป็นเจ้าของกิจการและมีครอบครัวไปแล้ว ผู้ชายรวย ๆ ไม่เคยคอยใคร คนมีเงินเลือกที่จะทำอะไรก็ได้โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง”
“หนูทราบค่ะ”
เสียงตอบนั้นเบาหวิว มษยาพยายามเก็บกลั้นน้ำริ้นที่เริ่มซึมออกมารอบ ๆ ขอบตาเอาไว้ หลายครั้งที่นึกถึงแล้วเจ็บปวดหากหญิงสาวก็ต้องเก็บมันไว้แต่เพียงผู้เดียว
“ยะหยา...”
หญิงวัยเกือบห้าสิบขานเรียกบุตรสาวเบา ๆ พลางเกลี่ยผมปอยผมที่เรี่ยลงมาบนใบหน้าสวยหวานของมษยา
“แม่อยากให้ลูกเข้าใจว่าตอนนี้เราอยู่ในสถานะอะไร เราเป็นแค่คนธรรมดาในอเมริกาที่ต้องทำงานหาเงินมาประทังชีวิตแค่ได้มีกินและอยู่ภายใต้สวัสดิการของรัฐ เรามีชีวิตได้แค่นี้เท่านั้น แม่เข้าใจว่าลูกจะต้องมีความรักในวันหนึ่ง ลูกจะต้องมีครอบครัวแต่แม่อยากให้ลูกมองหาคนที่มีฐานะทัดเทียมกัน คนที่สามารถปกป้องลูกได้แต่ต้องไม่ใช่ผู้ชายที่อยู่ไกลเกินฝัน ความฝันของเราสวยงามเสมอ แต่...เมื่อลูกตื่นขึ้นมาทุกอย่างต้องอยู่กับความเป็นจริงเท่านั้น ความจริงที่ว่าเขาคงไม่ได้นึกถึงผู้หญิงที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับเขา และถึงวันนี้ลูก...ก็ควรจะลืมผู้ชายคนนั้นไปได้แล้ว”
“หนูเข้าใจค่ะแม่”
มษยาหรุบตามองต่ำ เธอเป็นคนเช่นนี้ ว่าง่ายเสมอและไม่เคยบิดพลิ้วต่อคำสั่งสอนของมารดา เพราะสิ่งใดที่จะทำให้ทิพย์ธาราสบายใจได้เธอก็ไม่รีรอที่จะกระทำเพราะรู้ดีว่ามารดามีโรคประจำตัวและครอบครัวซึ่งมีเพียงแม่และลูกต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่ส่วนหนึ่งได้รับความช่วยเหลือจากสวัสดิการของรัฐ
“แล้วนี่ลูกได้งานอะไรเหรอ แม่ยังไม่รู้เลย?” ทิพย์ธาราถามขึ้นในความเงียบ
“พนักงานบัญชีค่ะ”
“ของบริษัทอะไรเหรอ ใหญ่มากมั้ย?”
“นอร์ธเทิร์นซี อิงค์ค่ะแม่”
“นอร์ธเทิร์นซีอย่างนั้นเหรอ...อืม...เป็นบริษัทใหม่เหรอจ๊ะ”
“ค่ะแม่...เป็นบริษัทรับต่อเรือและมีระบบโลจิสติกที่ใหญ่มาก...เขาให้หนูไปเริ่มงานวันนี้”
“ถ้าอย่างนั้นก็แต่งตัวซะสิจ๊ะ มีชุดหรือยัง”
“มีแล้วค่ะแม่ เอ้อ...หนูยืมของเพื่อนมาน่ะค่ะเพราะยังไม่มีชุดสูทดี ๆ ใส่เลย แต่คิดว่าได้เงินเดือนแล้วค่อยซื้อสักชุดสองชุด”
“บริษัทใหญ่ ๆ น่าจะมีชุดฟอร์มให้พนักงานนะ บางทีลูกอาจไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่ก็ได้”
“คิดว่าอย่างนั้นกระมังคะ”
“และบางที...ลูกอาจเจอคนดี ๆ หรือคนที่ถูกใจที่ทำงานใหม่ก็ได้นะ”
มษยาเงียบไปชั่วครู่ ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่คิดถึงใคร นอกจาก เขาคนนั้น หากแต่เธอกลับไม่กล้าเอื้อนเอ่ยเรื่องนี้ให้ทิพย์ธารารับรู้ เธอยิ้มกับมารดา
“อาจจะ...ก็ได้ค่ะ...หนูไปแต่งตัวก่อนนะคะ”
พูดจบก็เดินออกไปจากห้องนั้น ทิพย์ธารามองตามก่อนหันกลับไปที่ตุ๊กตาบลายธ์กับรูปถ่ายใบเล็กซึ่งบุตรสาวลืมเก็บไว้ในลิ้นชัก เธอหยิบภาพถ่ายของเด็กหนุ่มใบน้าคมคายขึ้นมาดู น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงบนแก้มที่มีริ้วรอยและซีดหมอง ริมฝีปากเคลือบลิปสติกอ่อนระริกเล็กน้อยขณะจ้องมองภาพในมือที่กำลังกดเกร็ง
“ยะหยา...แม่ขอโทษ แม่อาจจะทำให้ลูกผิดหวัง แต่แม่รู้ดี แม่จะไม่ยอมให้ลูกต้องพบกับความผิดหวังเหมือนอย่างที่แม่ต้องประสบมาแล้วในอดีต ถึงลูกของแม่จะไม่มีพ่อ แต่แม่จะไม่ยอมให้ลูกต้องกลายเป็นของเล่นของมหาเศรษฐีพวกนี้อย่างเด็ดขาด!”
บทที่ 2 ความหลังฝังใจ
มษยาเดินทางมาถึงนอร์ธเทิร์นซี อิงค์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทที่รับเธอเข้าทำงานก่อนเวลาที่ได้รับแจ้งทางจดหมายประมาณครึ่งชั่วโมง หญิงสาวร่างเล็กบอบบางอยู่ในชุดกระโปรงสีหวานสวมทับด้วยเสื้อสูทเพื่อให้ดูเรียบร้อยสะพายกระเป๋าพร้อมถือซองเอกสารก้าวเข้าไปในตึกขนาดใหญ่ที่มีพนักงานเดินขวักไขว่ไปมา เธอรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ก้าวขึ้นรถแท็กซี่กระทั่งมาถึงและก้าวเข้ามาภายในตึกสูงกว่าแปดสิบชั้นซึ่งตั้งอยู่ใจกลางมหานครนางฟ้า เธอเงยหน้าขึ้นมองการตกแต่งอย่างอลังการภายในตึกขนาดใหญ่และยังนึกดีใจที่ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในบริษัทใหญ่โตถึงขนาดนี้ ร่างบอบบางยืนหันซ้ายหันขวาสักครู่ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปถามที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“เอ้อ...สวัสดีค่ะ”
มษยากล่าวทักพนักงานสาวสวยที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ?”
“คือว่า...ฉันได้รับการติดต่อจากบริษัทให้มารายงานตัวเพื่อทำงานที่นี่วันนี้น่ะค่ะ”