“เปล่า เธอกับฉันมันไม่เหมือนกันไง” มองใบหน้าหล่อเหลาที่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ โดยไม่สนใจว่าฉันจะเหม็นมันมากแค่ไหน ดีนะที่เนสไม่สูบบุหรี่เพราะฉันรู้สึกเหม็นมาก “เธออยู่วงการนี้มานานหลายปี การจะเปิดตัวแฟนมันก็คงจะยาก ฉันเข้าใจว่าตอนนี้เธอดังมาก ไหนจะซีรีส์ที่ถูกทาบทามไปแสดงอีก”
“...”
“ฉันว่าถ้าเธอเล่นซีรีส์จบก็เปิดตัวเลยดิ”
“ต้องถามคุณฌอนก่อน ผู้จัดการส่วนตัวฉันคงไม่เห็นด้วยหรอก”
“ที่ไม่อยากให้เธอเปิดตัวเพราะกลัวเธอทำเงินเขาหล่นหายมั้ง” ลี้เทียนพูดขึ้นลอยๆ ซึ่งฉันเห็นด้วยกับคำพูดของเขา ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฉันทั้งหมด ฉันเป็นตัวทำเงินให้คุณฌอนและตัวเองด้วย “เธอมีภาระนี้ ฉันมันรวยอะ ทำงานนี้แค่เล่นๆ เบื่อเดี๋ยวก็หยุด”
“เชอะ หมั่นไส้พ่อคนรวย” ยื่นหน้าไปล้อเลียนเขา จนลี้เทียนเอามือดันหน้าฉันออกห่าง “อีกอย่างนะเขาหึงฉันกับนายด้วยที่เป็นคู่จิ้นกันอะ”
“เป็นฉันก็หึง”
“ทำไมอะ?”
“ก็เธอสวย เซ็กซี่ขนาดนี้”
“ชมกันหรือไง”
“แน่นอน”
การถ่ายงานของฉันกับลี้เทียนเป็นไปอย่างราบรื่นอาจจะเพระเราสองคนร่วมงานกันบ่อย ทำให้ไม่เคอะเขินเวลาต้องแตะเนื้อต้องตัว สำคัญคือคู่ของเราเป็นที่ จับตามองมากแม้ทุกสำนักข่าวจะรู้ว่าลี้เทียนมีแฟนแล้ว แต่ก็พยายามที่จะตามหาผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น ลี้เทียนเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ ไม่ให้ใครตามหาเดียร์เจอเพราะไม่อยากให้ชีวิตส่วนตัวของตัวเองต้องถูกจับตา ถึงกับขั้นขู่สำนักข่าวเลยนะว่าถ้าใครสะกดรอยตาม เขาจะแจ้งตำรวจและสำนักข่าวนั้นๆ เตรียมตัวรับหมายศาลได้เลย ใครจะกล้าเล่นล่ะ แค่ขู่ก็ทำเอาขี้หดตดหายกันแล้วตระกูลวิวัฒน์ธนะกิจที่โด่งดัง เจ้าสัวลี้ถงพ่อของลี้เทียนทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม ที่ฉันรู้เห็นท่านออกข่าวบ่อยๆ ไง
“งานวันนี้คุณสกายได้ร่วมงานกับคุณลี้เทียน มีความรู้สึกยังไงบ้างครับ?” สัมภาษคอลัมน์กับคำถามเดิมๆ ที่ทำให้ฉันฉีกยิ้มกว้าง อันที่จริงลี้เทียนต้องมาสัมภาษณ์ด้วยนะแต่หมอนั้นรีบชิงหนีไปซะก่อน ทิ้งขี้ไว้ให้ฉันคนเดียวเนี่ย!
“ก็ดีค่ะ เราสองคนเคยร่วมงานกันมาก่อนด้วย การทำงานถึงได้ราบรื่น”
“แล้วความสัมพันธ์ของคุณสกายกับคุณลี้เทียนล่ะครับ?” ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ได้รับคำถามเรื่องฉันกับเขา
“เป็นเพื่อนที่สนิทกันค่ะ รู้ไม่ใช่เหรอคะว่าลี้เทียนเขามีแฟนแล้ว”
“ทราบครับ แต่คุณลี้เทียนก็ไม่เคยบอกครับว่าแฟนที่ว่ามีตัวตนจริงหรือเปล่า” ต้องการอะไรจากฉันเนี่ย! จะให้บอกว่าฉันกับเขาคบกันเรื่องจะได้จบใช่ไหม จะบ้าตายจริงๆ ถ้าลี้เทียนอยู่ก็ดีน่ะสิ
“มีจริงค่ะ สกายคอนเฟิร์ม” นักข่าวหลากช่องจดจ่อไมค์มาที่ปากฉัน ถ้าจะใกล้ขนาดนี้เอาไมค์ยัดปากฉันเลยดีไหม?
“แล้วคุณสกายล่ะครับ มีใครหรือยัง?” คำถามของนักข่าวช่องหนึ่ง ใบหน้าที่สอบถามมองฉันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการราวกับว่าเขารู้อะไรแต่เพียงให้ฉันเอ่ยปากพูดเท่านั้น กลืนน้ำลายลงคอกัดริมฝีปากตัวเองสายตาก็มองคุณฌอนที่ส่ายหน้าไปมาเพื่อให้ฉันตอบออกไป นิ่งแบบนี้พวกเขาก็ยิ่งสงสัยฉันจึงฉีกยิ้มและยกมือเกา ท้ายทอยตัวเอง
“ไม่มีหรอกค่ะ สกายอยากตั้งใจทำงานก่อน”
“ที่มีข่าวว่าพระเอกชื่อดังช่องสีน้ำเงินตามจีบคุณสกายล่ะคะ?”
“ใครเหรอคะ มีด้วยเหรอทำไมสกายไม่รู้เลย”
“ชื่อย่อ ข”
“ชื่อย่อมาแค่นี้สกายไม่รู้หรอกค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ สกายขอตัวไปแคสติ้ง บทซีรีส์ก่อน ขอบคุณพี่ๆ มากเลยค่ะ”
ยกมือไหว้นักข่าวกว่าจะหลุดออกจากตรงนั้นได้คุณฌอนก็ต้องประคองไหล่ฉันเดินมาถึงรถตู้ เพื่อตรงไปที่บริษัทช่องวัยรุ่นแห่งหนึ่งที่โทรมาหาคุณฌอนว่าอยากให้ฉันไปรับบท ‘ฟ้าใส’ ในซีรีส์ชื่อเรื่องว่า ‘รักปาฏิหาริย์’ บทที่ฉันจะไปแคสติ้งเป็นตอนย่อยซึ่งคุณฌอนบอกว่าฉันควรเริ่มจากซีรีส์ก่อนฉันก็ตกลงนะ ถึงได้อ่านบทฟ้าใสอยู่ตอนนี้
“บทอะไรเนี่ย”
“มีอะไรครับ?” คุณฌอนเอ่ยถามฉันจึงโน้มตัวไปเกาะเบาะคนขับและยื่นเอกสารบทให้เขาดู
“บทนางเอกน่ะค่ะ ดูใสซื่อมาก”
“ไม่ดีเหรอครับ”
“คุณฌอนไม่ดูฉันเหรอ ไม่เข้ากับบทชัดๆ เป็นนางร้ายยังดีกว่า” ได้ยินเสียงหัวเราะของคุณฌอน มันก็จริงนี่นาให้คนอย่างสกายที่แรงแล้วก็เซ็กซี่ไปเล่นบทนางใสซื่อมันไม่ได้ แล้วอะไรเนี่ยต้องบีบน้ำตาร้องไห้ตอนที่โดนครอบครัวพระเอกต่อว่าอีก เห็นแล้วอยากจะเป็นคนเปลี่ยนบทแล้วให้นางเอกลุกขึ้นสู้ชะมัด แต่พออ่านๆ บทไปมันก็สนุกดีนะ “เลิฟซีนเยอะอยู่นะคะ”
“จะให้บอกทางผู้กำกับไหมครับว่าใช้มุมกล้อง?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รู้ว่าจะผ่านหรือเปล่า ไปบอกแบบนั้นเดี๋ยวจะหาว่าฉัน เรื่องมาก”
“หึ เรื่องมากตรงไหนครับก็แค่อยากใช้มุมกล้องเอง”
“นั่นแหละค่ะ มืออาชีพจริงๆ เขาคงจะไม่เรื่องมากกับอีแค่เลิฟซีนนิดๆ หน่อยๆ หรอก”
คุณฌอนส่งยิ้มมาให้ฉันผ่านกระจก ซึ่งฉันก็ก้มหน้าลงอ่านบทซีรีส์ที่น่าจะเป็นตอนมีเพียงแค่ 6 ตอนเท่านั้น แต่ทว่าหนักเอาการอยู่นะไหนจะเรื่องของเนื้อเรื่องซีรีส์ ที่นางเอกเป็นผู้หญิงอ่อนแอ อยู่บ้านพระเอกที่เป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง พระเอกเป็นหมอสุขุมและอายุแก่กว่านางเอกด้วย ใครจะมารับบทพระเอกกันนะ? น่าลุ้นอยู่