บทที่ 3.1
หลุดพ้นจากคนชั่ว
“พี่ใหญ่วันนี้ข้าจะเข้าไปขายของกับพี่กู้เหยียนฝากท่านดูแลน้องเล็กด้วยนะเจ้าคะ”
ซ่งต้าลู่ที่กำลังตักโจ๊กข้าวพลันขมวดคิ้วหนา ตั้งแต่ได้ยินว่านชุนเอ่ยว่าอยากได้ซ่งไป๋ลู่เป็นสะใภ้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเรื่องความใกล้ชิดของน้องสาวกับสหายแซ่กู้ผู้นี้ขึ้นมา
ซ่งไป๋ลู่เห็นท่าทางนิ่งเงียบของพี่ชายก็หวาดหวั่นว่าเขาอาจจะไม่อนุญาต ดังนั้นนางจึงยื่นมือเล็กออกไปจับที่ชายเสื้อของเขา ช้อนตาขึ้นมองอย่างเว้าวอน
“พี่ใหญ่ข้ามีความจำเป็นต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างจริงๆ นะเจ้าคะ”
เมื่อถูกน้องสาวใช้ท่าทางเช่นนี้ออดอ้อน คนตัวโตก็ถอนหายใจยาว แม้ไม่ยินดีก็ไม่อาจเอ่ยปากหักห้าม
“พี่ใหญ่ท่านใจอ่อนกับพี่รองอีกแล้ว”
ซ่งหานลู่เอ่ยเย้าพี่ชาย จนเรียกสายตาดุจากเขามาได้หนึ่งวง พร้อมกับตะเกียบในมือหนาที่คีบลงบนเนื้อหมูทอดชิ้นสุดท้ายในจาน
“อ่ะ! พี่ใหญ่เนื้อของข้า”
ซ่งหานลู่ร้องลั่นเมื่อเนื้อหมูที่เขาเล็งไว้ถูกตะเกียบของพี่ใหญ่จับเอาไว้
“พี่ใหญ่ น้องเล็กคนนี้ผิดไปแล้ว”
ซ่งหานลู่เอ่ยเสียงอ่อนมองเนื้อหมูในตะเกียบของพี่ชายอย่างอ้อนวอนระคนสำนึกผิด แน่นอนว่าเดิมทีซ่งต้าลู่ก็ไม่ได้คิดแย่งของกินกับน้องชาย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสำนึกผิดแล้วก็วางเนื้อหมูในตะเกียบลงในถ้วยของคนตัวเล็ก
“อ่า... พี่ใหญ่ของข้าดีที่สุด”
ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางของสองพี่น้องคนหนึ่งช่างเจรจา เก่งกาจเรื่องออดอ้อน อีกคนปากหนักสีหน้าราบเรียบไม่สนสีหน้าผู้ใด ทั้งที่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเหตุใดจึงดูแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเช่นนี้
............................................
“อาไป๋ ผลไม้แค่ไม่กี่ตะกร้าเจ้าไม่เห็นต้องลำบากออกมาขายเองเลย หรือว่าเจ้าไม่ไว้ใจข้า”
“เราเป็นหุ้นส่วนกันแล้วข้าจะไม่ไว้ใจท่านได้อย่างไร เพียงแค่อยากออกมาซื้อของสักหน่อยเท่านั้น”
กู้เหยียนได้ยินซ่งไป๋ลู่กล่าวว่าไว้ใจตนบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มกว้างยินดี และเพราะความสดใสช่างเจรจาของซ่งไป๋ลู่ผลท้อและบ้วยในตะกร้าก็ขายหมดอย่างรวดเร็ว
“อาไป๋ เจ้านั่งพักรอข้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าไปเอาเนื้อหมูกับนมแพะมาให้เจ้า”
เนื้อหมูครึ่งจินกับนมแพะหนึ่งถุง คือสิ่งที่ซ่งไป๋ลู่ให้เขาซื้อกลับไปทุกวัน ทว่าก่อนที่กู้เหยียนจะจากไปซ่งไป๋ลู่ก็จับต้นแขนเขาเอาไว้เสียก่อน
“พี่กู้เหยียนท่านพาข้าไปโรงรับจำนำได้หรือไม่”
โรงรับจำนำ ที่นั่นไม่ใช่สถานที่สำหรับนำสิ่งของไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินหรือ
“อาไป๋ หากเงินเจ้าหมดเช่นนั้นเอาที่ข้าก่อนดีหรือไม่”
กู้เหยียนเอ่ยพรางล้วงถุงเงินของตนเองออกมา ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้าง เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างดีต่อนางยิ่งนัก
“น้ำใจของพี่กู้เหยียนข้ารับไว้แล้ว แต่ข้าไม่ได้จะไปจำนำแลกเงิน”
คิ้วของกู้เหยียนขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย หากไม่ไปเพื่อจำนำของแลกเงิน เช่นนั้นอาไป๋จะไปที่นั่นทำไมกัน
“แม่หนูน้อยจะมาจำนำอะไรหรือ”
เถ้าแก่โรงรับจำนำมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตาเวทนา ฐานะทางบ้านยากจน บิดามารดาป่วยไข้จนต้องเอาของที่บ้านมาจำนำแลกเงินใช้จ่าย เรื่องเช่นนี้เขาพบเจอจนเคยชินแล้ว
“เถ้าแก่มีของเก่าๆ ที่คนเอามาจำนำแล้วไม่ไถ่คืนหรือไม่เจ้าคะ”
“ของใช้เก่าๆ อย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ เป็นของที่ท่านคิดจะทิ้งแล้วพวกนั้น”
“ของที่ข้าจะทิ้งแล้ว”
“เจ้าค่ะ ข้ากับพี่ชายมารับจ้างขนของไปทิ้งเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่โรงรับจำนำได้ยินวาจาของเด็กน้อยก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ ชีวิตนี้ของเขาพบเจอคนมาหลากหลาย ทว่าคนที่เดินเข้ามาในโรงรับจำนำของเขาแล้วได้เงินกลับไปโดยไม่มีสิ่งของมาแลกเปลี่ยน นับดูทั้งชีวิตกลับมีเพียงเด็กชายหญิงตรงหน้า
ช่างเป็นเด็กที่รู้ความยิ่งนักแม้อายุยังน้อยก็ไม่คิดงอมืองอเท้ารู้จักหาเงินด้วยวิธีการแตกต่าง
............................................
“อาไป๋ เจ้าเอาเตียง เอาเก้าอี้ แล้วก็ของใช้เก่าๆ พวกนี้มาทำไมกัน”
ซ่งไป๋ลู่หยิบเงินที่เถ้าแก่โรงจำนำจ่ายเป็นค่าแรงออกมานับแล้วแบ่งให้กู้เหยียนสองส่วน กู้ฉินสองส่วน
“ท่านลุงกู้วันนี้ลำบากท่านแล้ว นี่ถือเป็นสินน้ำใจนะเจ้าคะ”
กู้ฉินรับเงินใส่กระเป๋าแล้วยิ้มกว้าง ก่อนหน้านี้กู้เหยียนบอกให้เขามาช่วยคนของออกจากโรงรับจำนำไปทิ้ง กู้ฉินก็คิดชื่นชมนางหนูน้อยซ่งอยู่ในทีที่รู้จักหาเงินเพิ่ม
ทว่ายามเห็นนางคัดแยกของออกเป็นสองส่วน โดยส่วนหนึ่งนำไปทิ้งที่ชายป่าจุดทิ้งของ อีกส่วนขนขึ้นเกวียนนำกลับบ้านก็ยิ่งชื่นชอบในความฉลาดเฉลียวของนาง ที่ไม่เพียงรู้จักหาเงิน แต่ยังรู้จักหาของโดยไม่เสียเงินอีกด้วย
“อาไป๋ข้าไม่เข้าใจ... ของพวกนี้แม้ยังใช้งานได้ แต่ก็เป็นของเก่าที่ผู้อื่นทิ้งแล้ว เอาเช่นนี้หากเงินเจ้าไม่พอเอาของข้าไปใช้ก่อนดีหรือไม่”
กู้เหยียนเอ่ยพลางส่งถุงเงินให้ซ่งไป๋ลู่ ทว่าซ่งไป๋ลู่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ที่กลางหัวเขาก็คล้ายถูกแรงบางอย่างตีลงมา
“ท่านพ่อ นี่ท่านตีข้าทำไมกัน”
“เจ้าลูกโง่ หากซื้อของใหม่เข้าบ้านเจ้าคิดว่าท่านป้าใหญ่ของนางจะทำเช่นไร”
แน่นอนว่าซ่งหลี่เถียนย่อมต้องไปแย่งชิงของ อีกทั้งยังแย่งชิงเงินในกระเป๋าของนางด้วย
“วันนี้ข้าไปขายของที่ตลาดพบคนเอาของเก่ามาทิ้งเห็นว่ายังพอใช้ได้เลยเก็บใส่เกวียนมาให้อาต้าไว้ใช้ คำตอบนี้เจ้าพอใจหรือไม่อาไป๋”
“ท่านลุงกู้ช่างมีน้ำใจต่อพวกเราสามพี่น้องยิ่งนัก วันพรุ่งนี้ยังต้องรบกวนท่านไปขนของพวกนั้นมาอีกสักเล็กน้อย”
คำตอบของซ่งไป๋ลู่เรียกเสียงหัวเราะให้กู้ฉินดังก้อง ในใจนึกชื่นชอบความเฉลียวฉลาดของนางมากขึ้น หากล้มป่วยแล้วกลายเป็นคนมากปัญญา เขาก็อยากจับลูกชายหัวทึบนี่โยนลงน้ำให้ป่วยหนักๆ สักครั้ง ทว่าที่กลัวก็คือ จากที่ควรจะฉลาดอาจสมองทึบกว่าเดิม
............................................
ทันทีที่ซ่งต้าลู่และซ่งหานลู่เปิดประตูบ้านเข้ามาก็ตื่นตกใจ เพราะไม่เพียงยามนี้ ที่กลางบ้านมีโต๊ะเก้าอี้สภาพดีพร้อมชุดน้ำชาตั้งอยู่ ด้านในมีชั้นหนังสือที่มีหนังสือจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่หลายเล่ม พร้อมกับโต๊ะเตี๊ยสำหรับคัดอักษร อ่านตำราอีกหนึ่งตัว มุมขวามือที่เคยเป็นที่ตั้งของเตียงไม้ไผ่เรือนเล็กๆ ก็มีเตียงกว้างขนาดสามคนนอนเพิ่มเข้ามา บนเตียงยังมีผ้านวมผืนหนาและหมอนใบใหญ่ ถึงแม้จะไม่ใช่ของใหม่ ทว่ากลับเป็นของที่ดีมากที่สุดที่ในชีวิตของพวกเขาสองพี่น้องเคยครอบครอง
“พี่ใหญ่พวกเราเข้าผิดบ้านหรือไม่”
ซ่งหานลู่เอ่ยถามพลางยกมือเล็กขยี้ดวงตาของตนเอง ขณะที่ซ่งต้าลู่หันไปทางเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังนั่งจัดเรียงไหหลายใบอยู่ในครัว
“นี่คือเรื่องบางอย่างที่เจ้าไปจัดการมาหรือ”
ซ่งไป๋ลู่สบดวงตาคมที่มีแววตำหนิแล้วยิ้มแห้ง
“ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดี อยากให้พวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เงินทองจะใช้อย่างมือโตแบบนี้ไม่ได้”
“พี่ใหญ่ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นของที่เจ้าของเดิมไม่ใช้แล้ว ข้าจึงเอากลับมาเจ้าค่ะ ไม่ได้ใช้เงินสักอีแปะเดียวเลย”
ซ่งไป๋ลู่เอ่ยตอบด้วยท่าทางจริงจัง ซ่งต้าลู่แม้อยากดุน้องสาวผู้นี้อีกสักประโยคก็ทำได้เพียงถอนหายใจยาวเอ่ยเสียงอ่อน
“ล้วนเป็นข้าที่ดูแลพวกเจ้าได้ไม่ดี”
“พี่ใหญ่ เพราะพวกเรามีท่านชีวิตนี้จึงกล่าวได้ว่าดีมาก”
ซ่งไป๋ลู่เอ่ยเสียงสดใสจริงใจ แม้จะกล่าวว่าชีวิตใหม่นี้ของนางช่างทะลุมิติมาได้อย่างไร้วาสนายิ่งนัก ทว่านางกลับได้พี่ชายที่แสนดี น้องชายที่แสนน่ารัก จึงนับว่าเป็นชีวิตที่ดีมาก
ซ่งต้าลู่ขบกรามแน่น ในใจเกิดพลังสายหนึ่ง ไม่ว่าภายหน้าจะยากลำบางเพียงใดเขาต้องทำให้น้องทั้งสองสุขสบายให้จงได้
“วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมากแล้วข้าจะเข้าครัวทำอาหารให้เอง”
“เจ้าค่ะ”
หลังผ่านมื้อค่ำทั้งสามคนพี่น้องก็ขึ้นไปนอนเตียงเดียวกันโดยมีซ่งหานลู่นอนอยู่ตรงกลาง
“พี่รอง ท่านดีมาก ดีเหลือเกิน”
เสียงเล็กๆ ของเด็กน้อยตรงกลางเตียงเอ่ยแผ่วเบา ทว่าคนที่นอนเคียงข้างซ้ายขวากลับได้ยินชัดเจน
ซ่งไป๋ลู่พลิกตัวมาหาเด็กน้อยเมื่อเห็นดวงตากลมที่หลับสนิทก็ยิ้มขบขัน มือเล็กใช้ชายเสื้อซับเหงื่อบนกรอบหน้าของอีกฝ่าย หยิบพัดใบไม้ขึ้นมาโบกเบาๆ ให้น้องชายช่างเจรจาอย่างใส่ใจ ทว่าเพราะวันนี้นางออกไปขายของทั้งวันร่างกายจึงอ่อนล้า โบกพัดไปมาไม่กี่ทีดวงตากลมใสก็ปิดลง
ซ่งต้าลู่เอื้อมมือไปรับใบหน้าของน้องสาวคนรองที่กำลังจะล้มทับน้องชายคนเล็กด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะค่อยๆ จับไหล่ของนางประคองลงนอนบนเตียง หยิบพัดจากมือของนางมาโบกให้คนทั้งสองอย่างใส่ใจ
............................................
อาไป๋เริ่มหาของเข้าบ้านแล้ววววว
ส่วนพี่ใหญ่ต้าแสนดีอบอุ่นที่สุด