บทที่ 3.1 หลุดพ้นจากคนชั่ว

1737 Words
บทที่ 3.1 หลุดพ้นจากคนชั่ว “พี่ใหญ่วันนี้ข้าจะเข้าไปขายของกับพี่กู้เหยียนฝากท่านดูแลน้องเล็กด้วยนะเจ้าคะ” ซ่งต้าลู่ที่กำลังตักโจ๊กข้าวพลันขมวดคิ้วหนา ตั้งแต่ได้ยินว่านชุนเอ่ยว่าอยากได้ซ่งไป๋ลู่เป็นสะใภ้ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลเรื่องความใกล้ชิดของน้องสาวกับสหายแซ่กู้ผู้นี้ขึ้นมา ซ่งไป๋ลู่เห็นท่าทางนิ่งเงียบของพี่ชายก็หวาดหวั่นว่าเขาอาจจะไม่อนุญาต ดังนั้นนางจึงยื่นมือเล็กออกไปจับที่ชายเสื้อของเขา ช้อนตาขึ้นมองอย่างเว้าวอน “พี่ใหญ่ข้ามีความจำเป็นต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างจริงๆ นะเจ้าคะ” เมื่อถูกน้องสาวใช้ท่าทางเช่นนี้ออดอ้อน คนตัวโตก็ถอนหายใจยาว แม้ไม่ยินดีก็ไม่อาจเอ่ยปากหักห้าม “พี่ใหญ่ท่านใจอ่อนกับพี่รองอีกแล้ว” ซ่งหานลู่เอ่ยเย้าพี่ชาย จนเรียกสายตาดุจากเขามาได้หนึ่งวง พร้อมกับตะเกียบในมือหนาที่คีบลงบนเนื้อหมูทอดชิ้นสุดท้ายในจาน “อ่ะ! พี่ใหญ่เนื้อของข้า” ซ่งหานลู่ร้องลั่นเมื่อเนื้อหมูที่เขาเล็งไว้ถูกตะเกียบของพี่ใหญ่จับเอาไว้ “พี่ใหญ่ น้องเล็กคนนี้ผิดไปแล้ว” ซ่งหานลู่เอ่ยเสียงอ่อนมองเนื้อหมูในตะเกียบของพี่ชายอย่างอ้อนวอนระคนสำนึกผิด แน่นอนว่าเดิมทีซ่งต้าลู่ก็ไม่ได้คิดแย่งของกินกับน้องชาย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสำนึกผิดแล้วก็วางเนื้อหมูในตะเกียบลงในถ้วยของคนตัวเล็ก “อ่า... พี่ใหญ่ของข้าดีที่สุด” ซ่งไป๋ลู่มองท่าทางของสองพี่น้องคนหนึ่งช่างเจรจา เก่งกาจเรื่องออดอ้อน อีกคนปากหนักสีหน้าราบเรียบไม่สนสีหน้าผู้ใด ทั้งที่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเหตุใดจึงดูแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเช่นนี้ ............................................ “อาไป๋ ผลไม้แค่ไม่กี่ตะกร้าเจ้าไม่เห็นต้องลำบากออกมาขายเองเลย หรือว่าเจ้าไม่ไว้ใจข้า” “เราเป็นหุ้นส่วนกันแล้วข้าจะไม่ไว้ใจท่านได้อย่างไร เพียงแค่อยากออกมาซื้อของสักหน่อยเท่านั้น” กู้เหยียนได้ยินซ่งไป๋ลู่กล่าวว่าไว้ใจตนบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มกว้างยินดี และเพราะความสดใสช่างเจรจาของซ่งไป๋ลู่ผลท้อและบ้วยในตะกร้าก็ขายหมดอย่างรวดเร็ว “อาไป๋ เจ้านั่งพักรอข้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าไปเอาเนื้อหมูกับนมแพะมาให้เจ้า” เนื้อหมูครึ่งจินกับนมแพะหนึ่งถุง คือสิ่งที่ซ่งไป๋ลู่ให้เขาซื้อกลับไปทุกวัน ทว่าก่อนที่กู้เหยียนจะจากไปซ่งไป๋ลู่ก็จับต้นแขนเขาเอาไว้เสียก่อน “พี่กู้เหยียนท่านพาข้าไปโรงรับจำนำได้หรือไม่” โรงรับจำนำ ที่นั่นไม่ใช่สถานที่สำหรับนำสิ่งของไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินหรือ “อาไป๋ หากเงินเจ้าหมดเช่นนั้นเอาที่ข้าก่อนดีหรือไม่” กู้เหยียนเอ่ยพรางล้วงถุงเงินของตนเองออกมา ซ่งไป๋ลู่ยิ้มกว้าง เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างดีต่อนางยิ่งนัก “น้ำใจของพี่กู้เหยียนข้ารับไว้แล้ว แต่ข้าไม่ได้จะไปจำนำแลกเงิน” คิ้วของกู้เหยียนขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย หากไม่ไปเพื่อจำนำของแลกเงิน เช่นนั้นอาไป๋จะไปที่นั่นทำไมกัน “แม่หนูน้อยจะมาจำนำอะไรหรือ” เถ้าแก่โรงรับจำนำมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยสายตาเวทนา ฐานะทางบ้านยากจน บิดามารดาป่วยไข้จนต้องเอาของที่บ้านมาจำนำแลกเงินใช้จ่าย เรื่องเช่นนี้เขาพบเจอจนเคยชินแล้ว “เถ้าแก่มีของเก่าๆ ที่คนเอามาจำนำแล้วไม่ไถ่คืนหรือไม่เจ้าคะ” “ของใช้เก่าๆ อย่างนั้นหรือ” “เจ้าค่ะ เป็นของที่ท่านคิดจะทิ้งแล้วพวกนั้น” “ของที่ข้าจะทิ้งแล้ว” “เจ้าค่ะ ข้ากับพี่ชายมารับจ้างขนของไปทิ้งเจ้าค่ะ” เถ้าแก่โรงรับจำนำได้ยินวาจาของเด็กน้อยก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ ชีวิตนี้ของเขาพบเจอคนมาหลากหลาย ทว่าคนที่เดินเข้ามาในโรงรับจำนำของเขาแล้วได้เงินกลับไปโดยไม่มีสิ่งของมาแลกเปลี่ยน นับดูทั้งชีวิตกลับมีเพียงเด็กชายหญิงตรงหน้า ช่างเป็นเด็กที่รู้ความยิ่งนักแม้อายุยังน้อยก็ไม่คิดงอมืองอเท้ารู้จักหาเงินด้วยวิธีการแตกต่าง ............................................ “อาไป๋ เจ้าเอาเตียง เอาเก้าอี้ แล้วก็ของใช้เก่าๆ พวกนี้มาทำไมกัน” ซ่งไป๋ลู่หยิบเงินที่เถ้าแก่โรงจำนำจ่ายเป็นค่าแรงออกมานับแล้วแบ่งให้กู้เหยียนสองส่วน กู้ฉินสองส่วน “ท่านลุงกู้วันนี้ลำบากท่านแล้ว นี่ถือเป็นสินน้ำใจนะเจ้าคะ” กู้ฉินรับเงินใส่กระเป๋าแล้วยิ้มกว้าง ก่อนหน้านี้กู้เหยียนบอกให้เขามาช่วยคนของออกจากโรงรับจำนำไปทิ้ง กู้ฉินก็คิดชื่นชมนางหนูน้อยซ่งอยู่ในทีที่รู้จักหาเงินเพิ่ม ทว่ายามเห็นนางคัดแยกของออกเป็นสองส่วน โดยส่วนหนึ่งนำไปทิ้งที่ชายป่าจุดทิ้งของ อีกส่วนขนขึ้นเกวียนนำกลับบ้านก็ยิ่งชื่นชอบในความฉลาดเฉลียวของนาง ที่ไม่เพียงรู้จักหาเงิน แต่ยังรู้จักหาของโดยไม่เสียเงินอีกด้วย “อาไป๋ข้าไม่เข้าใจ... ของพวกนี้แม้ยังใช้งานได้ แต่ก็เป็นของเก่าที่ผู้อื่นทิ้งแล้ว เอาเช่นนี้หากเงินเจ้าไม่พอเอาของข้าไปใช้ก่อนดีหรือไม่” กู้เหยียนเอ่ยพลางส่งถุงเงินให้ซ่งไป๋ลู่ ทว่าซ่งไป๋ลู่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ที่กลางหัวเขาก็คล้ายถูกแรงบางอย่างตีลงมา “ท่านพ่อ นี่ท่านตีข้าทำไมกัน” “เจ้าลูกโง่ หากซื้อของใหม่เข้าบ้านเจ้าคิดว่าท่านป้าใหญ่ของนางจะทำเช่นไร” แน่นอนว่าซ่งหลี่เถียนย่อมต้องไปแย่งชิงของ อีกทั้งยังแย่งชิงเงินในกระเป๋าของนางด้วย “วันนี้ข้าไปขายของที่ตลาดพบคนเอาของเก่ามาทิ้งเห็นว่ายังพอใช้ได้เลยเก็บใส่เกวียนมาให้อาต้าไว้ใช้ คำตอบนี้เจ้าพอใจหรือไม่อาไป๋” “ท่านลุงกู้ช่างมีน้ำใจต่อพวกเราสามพี่น้องยิ่งนัก วันพรุ่งนี้ยังต้องรบกวนท่านไปขนของพวกนั้นมาอีกสักเล็กน้อย” คำตอบของซ่งไป๋ลู่เรียกเสียงหัวเราะให้กู้ฉินดังก้อง ในใจนึกชื่นชอบความเฉลียวฉลาดของนางมากขึ้น หากล้มป่วยแล้วกลายเป็นคนมากปัญญา เขาก็อยากจับลูกชายหัวทึบนี่โยนลงน้ำให้ป่วยหนักๆ สักครั้ง ทว่าที่กลัวก็คือ จากที่ควรจะฉลาดอาจสมองทึบกว่าเดิม ............................................ ทันทีที่ซ่งต้าลู่และซ่งหานลู่เปิดประตูบ้านเข้ามาก็ตื่นตกใจ เพราะไม่เพียงยามนี้ ที่กลางบ้านมีโต๊ะเก้าอี้สภาพดีพร้อมชุดน้ำชาตั้งอยู่ ด้านในมีชั้นหนังสือที่มีหนังสือจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่หลายเล่ม พร้อมกับโต๊ะเตี๊ยสำหรับคัดอักษร อ่านตำราอีกหนึ่งตัว มุมขวามือที่เคยเป็นที่ตั้งของเตียงไม้ไผ่เรือนเล็กๆ ก็มีเตียงกว้างขนาดสามคนนอนเพิ่มเข้ามา บนเตียงยังมีผ้านวมผืนหนาและหมอนใบใหญ่ ถึงแม้จะไม่ใช่ของใหม่ ทว่ากลับเป็นของที่ดีมากที่สุดที่ในชีวิตของพวกเขาสองพี่น้องเคยครอบครอง “พี่ใหญ่พวกเราเข้าผิดบ้านหรือไม่” ซ่งหานลู่เอ่ยถามพลางยกมือเล็กขยี้ดวงตาของตนเอง ขณะที่ซ่งต้าลู่หันไปทางเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังนั่งจัดเรียงไหหลายใบอยู่ในครัว “นี่คือเรื่องบางอย่างที่เจ้าไปจัดการมาหรือ” ซ่งไป๋ลู่สบดวงตาคมที่มีแววตำหนิแล้วยิ้มแห้ง “ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดี อยากให้พวกเรามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เงินทองจะใช้อย่างมือโตแบบนี้ไม่ได้” “พี่ใหญ่ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นของที่เจ้าของเดิมไม่ใช้แล้ว ข้าจึงเอากลับมาเจ้าค่ะ ไม่ได้ใช้เงินสักอีแปะเดียวเลย” ซ่งไป๋ลู่เอ่ยตอบด้วยท่าทางจริงจัง ซ่งต้าลู่แม้อยากดุน้องสาวผู้นี้อีกสักประโยคก็ทำได้เพียงถอนหายใจยาวเอ่ยเสียงอ่อน “ล้วนเป็นข้าที่ดูแลพวกเจ้าได้ไม่ดี” “พี่ใหญ่ เพราะพวกเรามีท่านชีวิตนี้จึงกล่าวได้ว่าดีมาก” ซ่งไป๋ลู่เอ่ยเสียงสดใสจริงใจ แม้จะกล่าวว่าชีวิตใหม่นี้ของนางช่างทะลุมิติมาได้อย่างไร้วาสนายิ่งนัก ทว่านางกลับได้พี่ชายที่แสนดี น้องชายที่แสนน่ารัก จึงนับว่าเป็นชีวิตที่ดีมาก ซ่งต้าลู่ขบกรามแน่น ในใจเกิดพลังสายหนึ่ง ไม่ว่าภายหน้าจะยากลำบางเพียงใดเขาต้องทำให้น้องทั้งสองสุขสบายให้จงได้ “วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมากแล้วข้าจะเข้าครัวทำอาหารให้เอง” “เจ้าค่ะ” หลังผ่านมื้อค่ำทั้งสามคนพี่น้องก็ขึ้นไปนอนเตียงเดียวกันโดยมีซ่งหานลู่นอนอยู่ตรงกลาง “พี่รอง ท่านดีมาก ดีเหลือเกิน” เสียงเล็กๆ ของเด็กน้อยตรงกลางเตียงเอ่ยแผ่วเบา ทว่าคนที่นอนเคียงข้างซ้ายขวากลับได้ยินชัดเจน ซ่งไป๋ลู่พลิกตัวมาหาเด็กน้อยเมื่อเห็นดวงตากลมที่หลับสนิทก็ยิ้มขบขัน มือเล็กใช้ชายเสื้อซับเหงื่อบนกรอบหน้าของอีกฝ่าย หยิบพัดใบไม้ขึ้นมาโบกเบาๆ ให้น้องชายช่างเจรจาอย่างใส่ใจ ทว่าเพราะวันนี้นางออกไปขายของทั้งวันร่างกายจึงอ่อนล้า โบกพัดไปมาไม่กี่ทีดวงตากลมใสก็ปิดลง ซ่งต้าลู่เอื้อมมือไปรับใบหน้าของน้องสาวคนรองที่กำลังจะล้มทับน้องชายคนเล็กด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะค่อยๆ จับไหล่ของนางประคองลงนอนบนเตียง หยิบพัดจากมือของนางมาโบกให้คนทั้งสองอย่างใส่ใจ ............................................ อาไป๋เริ่มหาของเข้าบ้านแล้ววววว ส่วนพี่ใหญ่ต้าแสนดีอบอุ่นที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD