จอมมารลู่หลง

1508 Words
บทที่1 *****จอมมารลู่หลง เทียนถาน สวรรค์ชั้นฟ้า ศิลาต้องจาลึก กล่าวขานถึงเทพธิดาซินซิน ผู้เสียสละใช้ชีวิตและพลังของนางผนึกจอมมาร ลู่หลง บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยมาถึงหนึ่งแสนปี ผนึกที่แกร่งกล้าเริ่มอ่อนลงตามกาลเวลา "ผนึกของซินซินเริ่มอ่อนลง" ซีอิง เทพสงครามก้าวเท้าเข้ามาหยุดต่อหน้าม่านผนึกของเทพธิดาซินซิน เขาสวมอาภรณ์สีขาวผมยาวสลวยยาวเงางาม ซีอิงนับว่าเขาเป็นเทพเซียนที่มีรูปโฉมหล่อเหลาใบหน้าคม จมูกโด่งได้รูปริมฝีปากอวบอิ่ม เหล่าเทพเซียนสาวต่างก็หลงใหลชื่นชอบเขา แต่ทว่า แววตาของเขากับเศร้าหมองตั้งแต่ที่สูญเสียซินซินอาจารย์ไปเขาก็กลายเป็นคนที่เงียบขรึม จริงจังไม่เคยยิ้มแย้มร่าเริงเช่นวันวาน และเขาไม่เคยยิ้มเลยนับตั้งแต่นั้นมา ซีอิงสะบัดชายเสื้อนัยน์ตาของของเขามองไปที่ม่านผนึก "เราต้องรวมพลังผนึกอีกครัั้งก่อนที่ผนึกจะคล้ายออก" เจียอี สหายรักของซีอิง เซียนผู้ชื่นชอบการมักดองสุราและปรุงยา เวลาว่าง ชอบอ่านตำรา และเดินหมากรุก "ลู่หลง ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย เป็นอมตะ เราจะให้เขาออกมาข้างนอกอีกไม่ได้เด็ดขาด" หวงตาตี้(หยวนสื่อเทียนจุน) เอ่ย เทพทั้งสามต่างก็ร่วมใจผนึกรอยร้าวที่กำลังเกิดขึ้น ภายในผนึกที่แสนมืดมิดข้างในไร้แสงสว่าง บนกองกระดูกนับหมื่นนับแสนมีร่างของชายคนหนึ่งนั่งเท้าคางอยู่บนกองกระดูก ผมสีแดงยาวสลายตกไปถึงกลางหลังเขาคือ จอมมารลู่หลงที่นั่งเท้าคางสวมอาภรณ์สีดำนัยน์ตาสีเพลิง เขาเหยียดยิ้มมุมปากก่อนจะยื่นมือออกไปแล้วใช้นิ้วเคาะหัวกะโหลกเบาๆก็เกิดเงาสะท้อนขึ้น "คิดจะผนึกข้าไว้อีกแล้วอย่างนั้นรึ ช่างโง่เขลา"ลู่หลงหยิบหัวกะโหลกมีรอยขึ้นมาเขาคงจ้องมองภาพสะท้อนของเซียนทั้งสามที่กำลังคิดจะผนึกเขาอีกครั้ง "หึ ข้าเริ่มเบื่อที่ต้องอยู่ในนี้แล้ว" นัยน์ตาแข็งกร้าวจ้องไปที่หัวกะโหลกก่อนที่มันจะสลายหายไป ลู่หลงลุกขึ้นสะบัดชายเสื้อเขาเชิดหน้าขึ้นแล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเข้มขรึม ก่อนที่เขาจะเปิดประตูออก "อัก" ซีอิง เจียอี ถูกพลังมารที่แผ่ซ่านออกมาปะทะเข้าอย่างจัง ทำให้ทั้งสองถึงกับเข่าอ่อน ซีอี กระอักเลือด เขาเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นไอมารสีแดงปรากฏขึ้นต่อหน้า ลู่หลงเดินออกมายืนประจันหน้ากับทั้งสาม มือทั้งสองข้างไขว์หลัง เพียงแค่เขาก้าวออกมาจากม่านผนึก พืชพันธ์ุ เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่ใกล้ต่างก็ล้มตายด้วยไอมารของเขา "ลู่หลง" หวงตาตี้ซัดพลังออกไป ลู่หลงยืนมือออกไปเขาขยับนิ้วเบาๆคลื่นพลังนั้นก็สะท้อนกลับไปหาหวงตาตี้ทันที ลู่หลงขมวดคิ้วเขาเหยียดยิ้ม "ทำไม ไม่เจอกันตั้งแสนปี ทำไมพวกเจ้าถึงไม่พัฒนาฝีมือขึ้นมาบ้าง มั่วทำอะไรกันอยู่ กินเลี้ยง ดื่มน้ำชา ชมนก ชมปลา" เขาขยับนิ้วนกน้อยที่บินอยู่ใกล้ๆก็ตกลงมาตายต่อหน้าซีอิง "ลู่หลง ข้าจะต้องแก้แค้นเจ้าให้กับอาจารย์ของข้า" ซีอิงค่อยๆลุกขึ้น ลู่หลงขมวดคิ้วเขาจับคางก่อนจะปรายตาชำเลืองมองซีอิง "อ๋อ ที่แท้เจ้ามันก็เป็นลูกศิษย์ซินซิน เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ จะแก้แค้นให้อาจารย์อย่างนั้นรึ" เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าเยาะเย้ย ให้ซีอิง "...." "อาจารย์ของเจ้าเสียสละผนึกข้าถึงแสนปี แต่ข้ากลับออกมาได้" "....." "ช่างเปล่าประโยชน์ ตายเปล่า น่าขันนะเจ้าว่าไหม" ลู่หลงแสยะยิ้มเหี้ยมเขาหัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง ก่อนจะซัดพลังใส่ทั้งสาม หวงตาตี้รีบใช้ม่านพลังต้านเอาไว้ทำให้ ซีอิง เจียอีไม่ได้รับบาดเจ็บ "เทียนถาน เหมาะจะให้ข้าลู่หลงผู้นี้ขยี้ให้แหลกแล้วรึยัง" ลู่หลงตะโกนเสียง คล้ายเป็นเสียงระฆังดังบอก ถึงเวลาเปิดสงครามของทั้งสองเผ่าอีกครั้ง นัยน์ตาแหลมคมมองไปที่เทพสามก่อนที่เขาจะสะบัดชายเสื้อหายลับไป หวงตาตี้กำหมัดแน่น เขาอยากตามไปจัดการจู่หลง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อซีอิง กระอักเลือดหมดสติล้มลงไปต่อหน้า "ซีอิง" ณ แดนผี ดินแดนที่เต็มไปด้วยวิญญาณของคนตาย "จะตายแล้ว ช่วยด้วยจมน้ำตายแล้วตายแน่ๆ" เจินเจินนอนอยู่ที่พื้นด้วยความที่จำได้เลือนรางว่ากำลังจมน้ำใกล้ตายทำให้นางว่ายน้ำบนบก กว่าจะรู้ตัวก็ตอนได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้คน "ที่นี้มันที่ไหนกัน" มือเล็กขยี้ตาแล้วมองภาพตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะก้มลงมองสำรวจตัวเองที่นอนกลิ้งอยู่ที่พื้น "นรก อย่าบอกนะว่าที่นี้คือนรก" ต้องใช่แน่ๆ ที่นี้น่ากลัวจัง ต้องเป็นนรกแน่ ไม่ใช่สวรรค์หรอก เจินเจินพยุงร่างกายให้ลุกขึ้นแล้วมองสำรวจรอบๆก่อนจะประตูสีแดงบานใหญ่ที่ผู้คนกำลังเดินเข้าไปในประตูบ้านนั้น "นี่ๆ ท่านจะไปที่ไหนบอกข้าได้รึไม่" เจินเจินเดินไปถามชายตรงหน้าที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลเขาส่ายหน้าแล้วเดินไปข้างหน้าในมือของเขาถือป้ายชื่อ เจินเจินก้มลงมองสำรวจตัวเองอีกครั้ง "ทำไมข้าไม่มีป้ายชื่อ หรือว่าจะได้ไปสวรรค์" แต่ว่าข้างในประตูนั้นมีอะไรกันแน่ ถ้าไม่ลองเข้าไปก็ไม่รู้ลองดูสักครั้งเจินเจินซะอย่าง เจินเจินรีบวิ่งไปหยุดที่ประตูนัยน์ตาของนางเบิกกว้างเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าที่ปรากฏเป็นเมืองมีผู้คนอยู่ภายในเมืองนั้น ทันใดนั้นเองที่ทำให้เจินเจินคิด นางหันกลับไปมองสำรวจคนแปลกหน้าที่เข้าแถวเข้าไปที่ประตูพวกเขาต่างก็แต่งตัวราวกับกับอยู่หนังจีนกำลังภายใน "ทำไมคนพวกนี้แต่งตัวเหมือนในหนังจีนเลย หรือว่าจะฝันอยู่ใช่ ต้องมีคนมาช่วยฉันได้ทันและประตูนี้ก็คือทางออกสินะ" เจินเจินกระโดด ยิ้มดีใจก่อนที่นางจะจับชายอาภรณ์ยกขึ้นสูงแล้ววิ่งเข้าไปข้างใน ตุบ ร่างของนางกระเด็ดออกห่างจากประตูราวกับว่าถูกผลักทำให้ รู้สึกเจ็บปวดร้าวไปทั้งร่างกาย เจินเจินหันไปมองที่ประตูอีกครั้ง "ทำไมถึงเข้าไปไม่ได้" เจ็บ รู้สึกว่าที่นี้มันเริ่มร้อนและหนาวในเวลาเดียวกันถ้าสังเกตแล้วที่นี้ไม่มีแม้แต่ต้นหญ้าหรือต้นไม้เลยสักนิด มันร้อนและร้อนมากด้วย "เจินเจิน" "ใคร ใครเรียก?" ทันใดนั้นเองที่จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เจินเจินได้แต่มองไปรอบเพื่อที่จะหาต้นเสียง "ตามแสงไป จงเดินตามแสงไป" เสียงนั้นยังคงดังขึ้นคล้ายกับมีใครบางคนกระซิบ "ตามแสงเหรอ ท่านเป็นใครแล้วที่มันที่ไหน" "ตามแสงไปแล้วเจ้าจะรู้ จงเดินตามแสงที่เจ้าเห็น" "แสงที่เห็น" เจินเจินหันไปมองรอบๆ "เห็นแล้วข้าเห็นแสงแล้ว" นางรีบวิ่งไปตามแสงจนกระทั่งมาถึงท่าน้ำแห่งหนึ่ง กึก ร่างบางชะงักเมื่อเจอชายชุดดำสวมเสื้อคลุมปกปิดใบหน้าเขาหันมามองนางก่อนจะเอ่ย "เชิญแม่นางขึ้นเรือ" "ท่านกำลังพูดกับข้า ท่านบอกให้ข้าขึ้นเรือ" "เชิญแม่นาง" "...." ถึงจะไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหนแต่ขึ้นเรือน่าจะปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี้ เจินเจินตัดสินใจก้าวขึ้นเรือทันใดนั้นเองต้นไม้เล็กๆที่อยู่ท้ายเรือก็ค่อยๆงอกขึ้นมันเติบโตอย่างรวดเร็ว เจินเจินขยี้ตาตัวเองรัวนางยืนมองภาพที่แสนสวยงามตรงหน้า ต้นไม้ตรงหน้าของนางมีลำต้นสีชมพูใบสีแดงดอกของมันมีสีม่วงส่งกลิ่นหอม "จริงด้วย ท่านพอจะบอกข้าได้รึไม่ว่าที่นี้คือที่ไหน ข้าจำได้ว่ากำลังจมน้ำ กำลังจะตาย" "ด้านหลังของท่านคือแดนผี" ชายแปลกหน้าเอ่ยเขายังพายเรือไปข้างหน้า "แดนผี" แดนผี มันคือนรกดินแดนของคนตาย ถ้าอย่างนั้นที่ประตูนั้นคือ "สู่เมืองผี"

Great novels start here

Download by scanning the QR code to get countless free stories and daily updated books

Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD