ณ เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี
โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียงส่งเสียงปลุกตามเวลาที่เจ้าของเครื่องตั้งไว้เช่นทุกวัน มันดังอยู่หลายครั้งกว่าคนนอนบนเตียงจะขยับตัว ราวกับว่าคร้านตื่นนอน แต่ด้วยความเคยชินเปลือกตาของชมพลอยหรือเกรซ หญิงสาววัยยี่สามปีค่อยๆ เปิดขึ้นเชื่องช้า
ความรู้สึกแรกที่ลืมตาตื่น ชมพลอยปวดเมื่อยไปทั้งตัว ราวกับว่าค่ำคืนที่ผ่านมาเธอตรากตรำทำงานหนัก และรู้สึกเจ็บแปลบตรงความเป็นอิสตรี ก่อนความทรงจำเมื่อวานจะหวนเข้ามาในสมอง ราวกับตนจุดไฟแช็ค
เมื่อค่ำวานนี้มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ชมพลอยไม่คิดไม่ฝันว่าจะเกิดขึ้นกับตน ภาพของลอลี่ คนรักที่คบหากันมาเกือบสองปีกำลังมีความสัมพันธ์ทางกายกับพลอยพัตรา น้องสาวต่างมารดาของตน เธอถึงกับช็อคทำอะไรไม่ถูก ยืนนิ่งราวกับว่ามีใครเอากาวทาเท้ายึดไว้กับพื้นห้อง ความเสียใจหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจราวกับห่าฝนตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ลอลี่ตกใจมากรีบหาผ้าขนหนูมาปิดบังร่างกาย และพยายามแก้ตัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าช่วงเวลานั้นชมพลอยไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงของเขา เธอไล่ให้เขาออกไปจากห้องพักของตน ซึ่งลอลี่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี
ส่วนอีกคนหาได้ละอายใจหรือรู้สึกผิดกับการกระทำของตน ตอกย้ำความเสียใจปักลงไปกลางดวงใจอันเจ็บช้ำของชมพลอยให้แน่นขึ้น
“เธอทำอย่างนี้กับพี่ได้ยังไง ทำได้ยังไง”
ชมพลอยถามทั้งน้ำตา มองน้องสาวด้วยความผิดหวัง ทว่าพลอยพัตราหาได้สะทกสะท้านกับการกระทำของตัวเอง เธอหยักไหล่ มองพี่สาวแล้วยิ้ม
“แล้วทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ อีกอย่างที่ทำลงไปก็เพื่อช่วยพี่เกรซนะ”
“ช่วยเหรอ” เจอคำตอบแบบนี้ ชมพลอยถึงกับอึ้งและไม่เข้าใจ
“ก็ใช่ไง ฉันกำลังช่วยพี่อยู่นะ” พลอยพัตรากระตุกยิ้ม “พี่น่ะเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่อง นอนก็ไม่นอนด้วย แม้แต่จูบยังไม่ให้พี่ลอลี่เลย ไม่รู้จะหวงตัวทำไม แล้วที่ฉันนอนกับเขา เพื่อที่เขาจะไม่ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นไงเล่า พี่ลอลี่จะได้มาหาพี่บ่อยๆ ไม่ชายตาแลหญิงอื่น”
ช่างเป็นเหตุผลที่ไร้ความสำนึกสักนิดเดียว แถมใบหน้าคนพูดก็ยิ้มเยาะเย้ยคนเป็นพี่สาว ชมพลอยทนไม่ไหว เธอรับไม่ได้กับเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น จึงเลือกเป็นฝ่ายวิ่งร้องไห้หนีความเจ็บปวด และใช้น้ำเมาดับความทุกข์ ความเสียใจที่ตัวเองได้รับ ก่อนมาจบลงบนเตียงกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก
ชมพลอยขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เธอมองไปยังที่นอนข้างกายที่ตอนนี้ว่างเปล่าทั้งน้ำตา ความเสียใจตอนนี้เธอไม่รู้ว่ามาจากเรื่องใดมากกว่า ระหว่างเสียใจกับการถูกคนรักหักหลัง เสียใจจากการกระทำไร้ซึ่งความสำนึกถูกผิดของน้องสาวและเสียใจเรื่องการสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับผู้ชายแปลกหน้า ชายหนุ่มที่เคยเจอเป็นครั้งแรก
แต่อย่างหลังชมพลอยเป็นคนเลือกเอง แม้ว่าเวลานั้นสติของเธอจะไม่เต็มร้อย ถูกแอลกอฮอล์เข้าไปแทรกซึม ทว่าเธอรู้ตัวว่าทำอะไร แต่ห้ามตัวเองไม่ได้ ที่สำคัญชมพลอยเดินไปหาเขาเอง
มือเรียวสวยปาดน้ำตาบริเวณแก้ม หันไปหยิบมือถือขึ้นมากดปิดนาฬิกาปลุกที่ยังคงทำงานอยู่ จังหวะที่กำลังวางมือถือลงตามเดิม นัยน์ตาหวานปนเศร้ามองเห็นกระดาษโน้ตที่วางใกล้กับโคมไฟ เธอจึงหยิบมันขึ้นมาอ่านข้อความ
‘ผมจ่ายค่าห้องแล้ว มีอะไรโทรหาผมได้ เบอร์ผม...’
ธาม
ชมพลอยอ่านข้อความและมองเบอร์มือถือที่เขียนไว้อย่างไม่สนใจ เธอคิดว่า คงไม่ได้เจอกับเขาอีก ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องติดต่อกัน ชมพลอยฉีกกระดาษโน้ตเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนทิ้งมันไปในถังขยะข้างเตียง และนั่นทำให้เธอมองเห็นถุงยางอนามัยที่ถูกใช้แล้ว ตอกย้ำความเป็นจริงที่ว่า เธอเป็นสาวเปื้อนโลกีย์ ไร้พรหมจรรย์ให้เจ้าบ่าวในคืนวันแต่งงาน
อีกยี่สิบนาทีต่อมา ชมพลอยก้าวเดินออกจากห้องพักหรูภายในโรงแรมชื่อดัง เธอสัญญากับตัวเองว่า นับต่อจากนี้เธอจะใช้สติในการดำเนินชีวิต ทิ้งอดีตที่เจ็บปวดและเก็บต้นเหตุของความเสียใจทั้งหมดไว้ที่เธอคนเดียว
6 ปี 1 เดือนต่อมา ณ ประเทศไทย
เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากการแสดงบนเวทีของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลหนึ่งสิ้นสุดลง หนูน้อยทั้งเก้าคนพนมมือไหว้ เหล่าผู้ปกครองและคุณครูที่นั่งชมการแสดง ก่อนนักแสดงตัวน้อยๆ จะวิ่งไปยังหลังเวทีเพื่อให้รุ่นพี่ขึ้นแสดงในลำดับต่อไป
ด้านหลังเวทีมีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนยืนรอรับลูกสาวและลูกชายที่ขึ้นทำการแสดง ใบหน้าของทุกคนแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่มาจากความภาคภูมิใจในตัวลูกๆ หนึ่งในผู้ปกครองย่อตัวอ้าแขนรับร่างบุตรสาวสุดที่รักที่วิ่งเข้าหามารดา
“แม่ขา แม่ขา น้องแก้มเต้นเก่งไหมคะ” เด็กหญิงอลิสสาในวัยห้าขวบสองเดือนเอ่ยถามชมพลอย มารดาแสนสวยเจ้าของรอยยิ้มโลกตะลึง ที่ว่ากันว่า มีรอยยิ้มสวยบาดใจ
“เต้นเก่งมากค่ะ เก่งที่สุดในโลกเลยค่ะ” ชมพลอยชมลูกสาว หอมแก้มเป็นรางวัล
“น้องแก้มเก่งเหมือนคุณแม่ไงคะ อ้อ...แล้วสวยเหมือนคุณแม่ด้วยค่ะ” อลิสสาช่างจ้อ ชมมารดากลับและสวมกอด “คุณครูชมคุณแม่ด้วยค่ะว่า ตัดชุดน้องแก้มสวยมากๆ คุณครูจะไปตัดชุดกับคุณแม่ด้วยค่ะ”
“ได้เลยค่ะคุณลูกที่น่ารัก” ชมพลอยประคองแก้มลูกสาวแล้วโยกเบาๆ
“คุณแม่ก็น่ารักและใจดีที่สุดในสามโลกค่ะ” คนเป็นลูกชมกลับ หอมแก้มมารดาก่อนซบหน้าลงบนบ่าของคนเป็นแม่ ถูไถเบาๆ คล้ายแมวน้อยกำลังออดอ้อน “คุณแม่ขา”
“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไรคะ” อลิสสายันตัวยืนตรง เอียงคอเล็กน้อย ฉีกยิ้มให้มารดา
“คุณแม่ขา น้องแก้มอยากกินไอติมค่ะ”
“ได้ค่ะ รอให้จบงานก่อนนะคะ แม่จะพาน้องแก้มไปกินไอติม”
“ค่ะคุณแม่” ขณะที่สองแม่ลูกำลังคุยกัน ชมพลอยเหลือบไปเห็นเพื่อนของลูกสาวนั่งชะเง้อคอมองไปทางประตูด้านหลังเวที ชมพลอยรู้ทันทีว่า เด็กชายแทนธรรมกำลังรอใครอยู่ เธอจึงจูงมืออลิสสาไปหาเด็กชายคนนั้น
“รอคุณพ่ออยู่หรือครับน้องแทน” น้ำเสียงอ่อนโยนและอ่อนหวานเอ่ยถามเด็กชายขี้เหงา
“ฮะน้าเกรซ” เด็กชายตอบ หน้าเศร้า “คุณพ่อบอกว่าจะมาดูผมเต้น แต่คุณพ่อก็ไม่มา”
ชมพลอยรู้ปัญหาของแทนธรรม เธอรู้ว่า บิดาของเด็กชายไม่ค่อยมีเวลาให้สักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะงานที่กฤตย์ทำทำให้ความห่างเกิดขึ้นระหว่างพ่อลูก
“คุณหมอติดผ่าตัดด่วนน่ะค่ะก็เลยมาไม่ได้” น้ำฟ้าหรือฟ้าพี่เลี้ยงแทนธรรมที่เดินเข้ามาสมทบ หลังจากเดินไปเอาน้ำมาให้แทนธรรมดื่ม
“คุณพ่อผิดสัญญา”
แทนธรรมเอ่ยขึ้น น้ำตาคลอ ชมพลอยย่อตัวนั่งตรงหน้าเด็กชาย ใช้มือปาดน้ำตาที่กำลังรินไหล
“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะแทน น้องแก้มอยู่ตรงนี้แล้ว น้องแก้มจะอยู่เป็นเพื่อนแทนเอง” เด็กหญิงช่างเจรจาเข้าไปโอ๋เพื่อนด้วยการกอดและตบหลังเบาๆ ชมพลอยเห็นการกระทำของลูกสาวก็อดยิ้มไม่ได้ อลิสสาทำเลียนแบบตน ทุกครั้งที่น้องแก้มร้องไห้หรืองอแง ชมพลอยจะกอดแล้วตบหรือลูบหลังเบาๆ พร้อมกับพูดปลอบโยน อลิสสาจึงจำมาใช้ปลอบเพื่อน
“คุณพ่อไม่ได้ผิดสัญญานะครับ คุณพ่อติดงานด่วนเลยมาดูน้องแทนเต้นไม่ได้ เอาอย่างนี้ไหมครับ เลิกงานแล้วไปกินไอติมกับน้านะ แล้วค่อยกลับบ้าน” ชมพลอยหาวิธีให้เด็กชายคลายจากความเศร้า และเมื่อได้ยินว่า ชมพลอยจะพาไปกินไอศกรีม สีหน้าของแทนธรรมเปลี่ยนไปทันที
“ดีฮะ” แทนธรรมยิ้มร่า หน้าตาเบิกบาน น้ำฟ้ายิ้มตามเมื่อเห็นเด็กชายคลายจากความเศร้า
“น้องแทนดื่มน้ำก่อนนะครับ” น้ำฟ้าส่งขวดน้ำให้เด็กชายที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ
“น้าเกรซฮะ ผมหิวน้ำ” แทนธรรมเมินขวดน้ำที่น้ำฟ้าส่งให้ กลับขอน้ำดื่มจากชมพลอยที่ทำหน้าไม่ถูก หันไปมองน้ำฟ้าที่ยิ้มบางและพยักหน้าให้ ชมพลอยรับขวดน้ำจากมือน้ำฟ้า ก่อนส่งให้แทนธรรม “ขอบคุณฮะ”
น้ำฟ้ามองแทนธรรมที่กำลังดื่มน้ำด้วยความเศร้าเสียใจ ระยะสามสี่วันมานี้ แทนธรรมพูดกับเธอน้อยลง ไม่ติดแจเหมือนก่อน เธอพูดอะไรก็ไม่ฟัง น้ำฟ้าไม่รู้ถึงเหตุผล ครั้นจะไปถามใครก็ไม่ได้ ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
ชมพลอยพาอลิสสา แทนธรรมและน้ำฟ้ามานั่งดูการแสดงของทางโรงเรียนจนจบ และรอดูการรับของรางวัลให้กับนักแสดงทุกคน เมื่อพิธีสุดท้ายสิ้นสุดลง ชมพลอยทำตามคำสัญญาพาอลิสสากับแทนธรรมไปกินไอศกรีม โดยมีน้ำฟ้าติดตามไปด้วย
ณ ห้างสรรพสินค้าพารากอน
วันนี้แม้ว่าไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ ทว่าคนที่มาใช้บริการห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ก็ยังคงแน่น อาจเป็นเพราะเป็นวันศุกร์ช่วงเย็น หลายครอบครัว รวมถึงเพื่อนฝูงจึงนัดหมายกันมาเที่ยวห้างขึ้นชื่อ ร้านอาหารหลายร้านเต็มทุกที่นั่งจนต้องรอคิว
กฤตย์มาพร้อมกับชมัศชัย พ่อเลี้ยงไร่ตะวันดาว ไร่ชากาแฟที่ใหญ่เป็นอันดับสองของภาคเหนือและสวนผลไม้อันกว้างใหญ่มายืนรอชมพลอยอยู่หน้าร้านไอศกรีมที่ตอนนี้ ที่นั่งเต็มทุกที่
“นั่นไงมาแล้ว” ชมัศชัยบอกกฤตย์ เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นน้ำฟ้า หญิงสาวที่ตนปักใจรัก “วันนี้ฟ้าสวยจัง”
คำชมซึ่งหน้าทำให้กฤตย์หันมามองผู้พูด ใบหน้าเขานิ่งเฉยทว่าในใจตรงกันข้าม
“สวยตรงไหน ก็งั้นๆ เห็นอยู่ทุกวัน น่าเบื่อจะตาย”
“นายเห็นทุกวันนี่ก็เลยเฉยๆ แต่สำหรับฉันนานๆ เห็น ฉันก็ต้องมองว่าฟ้าสวยอยู่แล้ว” การพูดคุยกึ่งโต้เถียงของสองหนุ่มเพื่อนรักหยุดลง เมื่อชมพลอยจูงมืออลิสสากับแทนธรรมเดินเข้ามาสมทบ
“รอนานไหมคะ กว่าจะวนหาที่จอดรถได้ก็เกือบยี่สิบนาทีก็เลยช้าค่ะ” ชมพลอยบอกกฤตย์ ก่อนยกมือไหว้ชมัศชัย “สวัสดีค่ะคุณมิกค์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“สวัสดีครับเกรซ สบายดีนะครับ”
“สบายดีค่ะ เกรซขอบคุณคุณมิกค์สำหรับสตอเบอรี่ที่ฝากคุณกฤตย์มาให้นะคะ อร่อยมากค่ะ น้องแก้มกินคนเดียวเกินครึ่งเลยค่ะ แกชอบมากๆ เลย” ชมพลอยกล่าวขอบคุณพ่อเลี้ยงหนุ่มจากใจ
“ผมดีใจที่เกรซกับลูกชอบกิน ไว้คราวหน้านะผมจะเอามาฝากอีก” ชมพลอยยิ้มให้พ่อเลี้ยงหนุ่มใจดี ขณะนั้นพนักงานของร้านได้เดินมาหากฤตย์เพื่อถามถึงคิว
“ไม่ทราบว่าจองคิวไว้หรือยังคะ”
“ยังครับ เรามากันหกคนครับ” กฤตย์ตอบ
“ตอนนี้มีที่นั่งที่เข้าได้เลยสี่ที่ค่ะ แต่ถ้าหกที่ต้องรอประมาณสามคิวนะคะ” พนักงานตอบ สามคิวก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร เด็กๆ รอไม่ไหวแน่
“พอจะเสริมเก้าอี้อีกตัวไหมคะเป็นห้าที่” เสียงน้ำฟ้าดังขึ้น “คือฟ้ากะว่าจะไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์ไปทำอาหารเย็นน่ะค่ะ ซื้อเสร็จจะได้กลับบ้านไปทำกับข้าวรอคุณหมอ พี่มิกค์แล้วก็น้องแทนกลับไปกินข้าว”
น้ำฟ้าหาทางออก เธอรู้ดีว่ากฤตย์คงไม่อยากให้ตนร่วมโต๊ะสักเท่าไหร่ เธอไม่อยากเป็นส่วนเกินของใคร และไม่อยากรู้สึกอึดอัดอีกด้วย
“งั้นเอางี้ นายเข้าไปกินไอติมกับเกรซ พาน้องแก้มกับน้องแทนไปด้วย ส่วนฉันจะไปเป็นเพื่อนฟ้าซื้อของเอง แล้วก็จะกลับพร้อมฟ้า ไปรอนายที่บ้าน” ชมัศชัยหาทางออกที่ดีกว่า กฤตย์มองหน้าเพื่อนรัก ก่อนตวัดสายตาไปมองน้ำฟ้า
“ก็ได้ ตามใจ” กฤตย์ตอบตกลง “เกรซไปกินข้าวเย็นบ้านพี่นะ ถือว่าแทนคำขอบคุณที่พาแทนมากินไอติม”
ชมพลอยยังไม่ทันตอบ เสียงรบเร้าระคนออดอ้อนดังจากปากแทนธรรมเสียก่อน
“น้าเกรซไปกินข้าวเย็นกับผมนะฮะ ผมอยากให้น้าเกรซไปกินข้าวเย็นกับผม”
“ก็ได้จ้ะ” ชมพลอยตกลงอย่างเสียมิได้
“เธอทำอาหารเพิ่มเผื่อเกรซกับน้องแก้มด้วยนะ”
ก่อนที่กฤตย์จะหันไปสั่งน้ำฟ้า
“ค่ะคุณหมอ” น้ำฟ้ารับคำ ฝืนยิ้ม นัยน์ตาเศร้า
“เราไปกันเถอะฟ้า วันนี้คนเยอะ กว่าจะซื้อของ กว่าจะกลับถึงบ้าน” ชมัศชัยรู้ว่าน้ำฟ้าอึดอัด จึงดึงเธอออกจากความรู้สึกที่ได้รับ “ฉันไปก่อนนะ เจอกันที่บ้านนะ”
ชมัศชัยกับน้ำฟ้ามุ่งหน้าเดินไปยังซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่ชั้นล่าง ส่วนกฤตย์กับชมพลอยและสองเด็กชายเด็กหญิงพากันเดินตามพนักงานเข้าไปในร้าน
จังหวะหนึ่งกฤตย์หันไปมองเพื่อนรักเดินคู่กับน้ำฟ้า สายตาเขายังคงเย็นชาเช่นเดิม เหมือนจะไม่รู้สึกอะไร แต่เปล่าเลย ในใจเขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไรกับภาพนั้น
หึงก็ไม่ใช่...หวงก็ไม่เชิง
แค่ไม่อยากให้น้ำฟ้าอยู่ใกล้ชายใดก็แค่นั้น