พวกเขายังรับประทานอาหารไม่เสร็จก็มีเสียงดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน พวกเขาปิดประตูห้องครัวกินข้าว
“มีใครอยู่ในนั้นบ้าง ออกมาข้างนอกเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นกูจะพังประตูเข้าไป” ทุกคนกำลังเคี้ยวข้าวอ้าปากค้างทันควัน ต่างมองตากันปริบ ๆ เข้มจำได้ในทันทีว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร มือใหญ่เอื้อมไปปัดตะเกียงให้ดับจนภายในบ้านมืดสนิท
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงพังประตูเข้ามา
ปัง!
โครม!
ประตูบ้านที่เป็นไม่ไผ่สานขัดถูกเท้าถีบพังเข้ามาจนมันทะลุ ทุกคนที่นั่งกินข้าวอยู่ต่างผงะเมื่อมีแสงไฟจากกระบองส่องหน้า แล้วถอยหลังไปนั่งกอดกันอยู่ติดผนังห้อง
“ไอ้เรือง!” เข้มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
“ใช่ กูเอง โลกมันกลมจังเลยว่ะ” เรืองไม่คิดว่าจะได้เจอเพื่อนร่วมอาชีพเก่าที่นี่ พูดจบเขาก็หันไปคุยกับชายอีกคนที่เดินขึ้นบันไดมา “ลูกพี่มาดูสิว่าฉันเจอใคร”
“ใครวะ!” ร่างสูงใหญ่ก้าวท้าวยาวเข้ามาในบ้านหลังเล็กอย่างองอาจ ดวงตาคมปลาบกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าชายตรงหน้าชัดเจนขึ้น มุมปากยกยิ้มขึ้นก่อนพูดขึ้นว่า “ไอ้เข้ม! มึงยังไม่ตาย”
“พี่สำรวย” เข้มพูดเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน ตั้งแต่เขาพาลูกกับภรรยาหนีมาอยู่ในหมู่บ้านนี้ก็ปีกว่าแล้วที่เขาไม่เจอหน้าสำรวยเลย เขาคิดว่าจะหนีไอ้หัวหน้าโจรคนนี้ได้สำเร็จ แต่แล้วมันกลับไม่ใช่
“มึงยังจำกูได้รึ”
“จะ จำได้สิ” เข้มกล่าวเสียงสั่นเมื่อเห็นอดีตหัวหน้าผู้โหดร้าย
“งั้นก็ดีแล้ว รีบส่งเงินมาให้ลูกพี่กูถ้ามึงไม่อยากตาย” เรืองกดเสียงต่ำแววตาลุกวาว
“ฉะ ฉันไม่มีหรอก” สภาพเช่นนี้จะให้เขาหาเงินมาจากไหน
“อย่ามาถ่วงเวลาให้มากความ” เรืองพูดพร้อมกับเอื้อมมือหนาไปบีบคางคำพองแน่น
“โอ๊ยเจ็บ!” คำพองพูดไม่ชัดนัก ตอนนี้ทุกคนกลัวจนตัวสั่นเทาไปหมด
“อย่าทำเมียฉัน” เข้มเอ่ยห้าม แต่เรืองกลับบีบแรงขึ้น คำพองเจ็บจนน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
สำรวยยกเท้าข้างขวาเหยียบขาข้างที่พิการแล้วบดขยี้ลงกับพื้น มือข้างหนึ่งยกปืนขึ้นมาเชยปลายคางของเข้มให้เชิดขึ้น เขากัดฟันแล้วกล่าวเสียงเหี้ยม “ถ้ามึงหลอกกูครั้งนี้กูไม่ไว้ชีวิตมึงเหมือนครั้งที่ผ่านมาแน่” สำรวยเป็นคนพูดจริงทำจริงเสมอ เรื่องเลว ๆ เขาถนัดอยู่แล้ว
เข้มทำได้เพียงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ขณะนั้นคำพาหยิบบางอย่างใส่ในปากไว้ โดยไม่ให้ใครเห็น
คำพองมองดูสามีด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เมื่อหมดทางสู้เธอจึงควักเงินที่ไปรับจ้างมาวันนี้ให้พวกมัน “ฉันมีแค่นี้” วันนี้เธอกับลูกไปรับจ้างได้เงินมาสิบสองบาท
สำรวยแค่นยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น “แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ครั้งหน้าถ้ากูมาที่บ้านมึงอีก กูต้องได้เงินกลับไป” เท้าที่เหยียบแผลอยู่กดน้ำหนักลงอีกครั้ง
“โอ๊ย!” เข้มทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงร้องออกมาเสียงดัง
เรืองกับสำรวยหันหลังเดินลงบันไดไปโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร พวกมันสะใจที่ได้ทำให้ไอ้คนอกตัญญูคนนี้เจ็บปวด
“ไปบ้านอื่นต่อ” เสียงสำรวยสั่งลูกน้องที่รออยู่ด้านล่าง ไม่ถึงสิบนาทีทุกอย่างก็เงียบกริบ
คำพองถลาเข้าไปหาสามี “พี่เข้มเป็นยังไงบ้าง”
คำแพงก็เข้าไปกอดแขนพ่อเช่นกัน ตัวเธอยังสั่นไม่หาย ทุกครั้งที่โจรเข้าบ้านพวกเขายังไม่เคยเจอตัวพวกมันเป็น ๆ สักหน ครั้งนี้คงถึงคราวซวย พวกมันถึงได้เลือกเข้าบ้านหลังนี้
“พี่ไม่เป็นอะไร” เข้มกัดฟันพูดออกมาทั้งที่เลือดเริ่มไหลออกมาจากแผล มือใหญ่เอื้อมไปลูบผมลูกสาวเพื่อปลอบประโลม
“ฉันขอโทษที่รักษาเงินไว้ไม่ได้” คำพองบอกสามีทั้งน้ำตา เธอทนเห็นสามีต้องเจ็บปวดมากกว่านี้ไม่ได้
คำพาจุดไม้ขีดไฟใส่ตะเกียงให้สว่างขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร ขอแค่ทุกคนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เข้มกล่าว เขาก็ไม่คิดว่าจะเจอเรืองกับสำรวยอีกเหมือนกัน หมู่บ้านนี้ก็เป็นหมู่บ้านที่หกแล้วที่เขาพาลูกกับภรรยาย้ายถิ่นฐานเพื่อหนีพวกมันไปเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็เจอพวกมันจนได้
คำพาคายบางอย่างออกมาจากปากแล้วบอกทุกคน “ฉันยังมีเงินอยู่อีกหนึ่งสลึง น่าจะพอซื้อไข่ได้”
สายตาทุกคนมองเหรียญสลึงนั้นเป็นตาเดียว
“คำพาฉลาดมากลูก” เข้มกล่าวทั้งที่ยังมีความหนักใจอยู่มาก
ถึงเงินหนึ่งสลึงจะซื้อไข่ได้ไม่กี่ฟอง แต่เข้มก็ยังชื่นชมในไหวพริบของลูก