ปู่ทวดหยุดชั่วครู่ ยกน้ำขึ้นมาดื่มจิบหนึ่ง วีเลยสอดขึ้น
“ เอ๊า อย่างนี้ก็มีด้วยเว้ยเฮ้ย แปลกคน พอไม่ได้อย่างใจจะให้พ่อมาตีเมืองผัวซะงั้น ”
“ มันอาจจะแปลกสำหรับพวกสู แต่สำหรับคนสมัยก่อนเป็นเรื่องปกติ ทีนี้ท่านพันธุมก็ต้องเลือกบ้านเมือง แต่ใจก็หลงใหลรักนางสาวป่าเข้าให้ ก็เลยเลือกที่จะแอบมาทำปราสาทเล็ก ๆ อยู่ในหุบเขาเนินนาง แล้วเอานางมาซุกซ่อนไว้ ความรักมากถึงกับให้ช่างมาแกะสลักหินเป็นรูปนางอยู่ในปราสาทไปทั่ว ท่านก็แอบเดินทางมาหาโดยโกหกพวกเมีย ๆ ว่าออกมาล่าสัตว์บ้างอะไรบ้าง นาน ๆ ออกมาหานางที
แล้ววันหนึ่งท่านพันธุมก็เดินทางมาหานางอย่างเคยด้วยความรัก แต่ไม่ได้บอกกล่าว แต่สิ่งที่ท่านพบนั้นทำให้จิตใจแหลกสลาย เพราะสาวป่านางนั้นกำลังสมสู่กับทหารของท่านที่ให้อยู่ดูแลอารักขานาง ”
“ อะไรนะ ! ” ภาคร้องขึ้นอย่างตกใจ
“ นั่นแหละ ที่สำคัญไม่ใช่คนเดียวเสียด้วย สามคนในคราวเดียว ”
“ เฮ้ย ! สมัยก่อนมีสวิงกิ้งด้วย สุดยอด แล้วท่านพันธุมทำอย่างไรต่อไปครับ ” วีเป็นฝ่ายถามบ้าง
“ เขาว่ารักมากก็แค้นมาก ท่านพันธุมไม่รอช้า เข้าบั่นคอนางด้วยดาบที่ท่านถือติดตัวประจำนั่นแหละ รวมทั้งไอ้พวกทหารนั่นด้วย เสร็จแล้วยังไม่สมแค้น ท่านให้หมอผีมาสะกดวิญญาณนางไว้ในรูปสลักอันหนึ่งในห้องบรรทมไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีกด้วย ”
“ โอ้โห ใจร้ายจังเลยนะครับ ” ภูรินทร์ว่า
“ จะว่าใจร้ายก็ใจร้าย แต่สิ่งที่นางทำนั้นมันก็ผิดผีผิดประเพณีอย่างมาก และยังเป็นการลบหลู่เกียรติของท่านเจ้าเมืองทั้งที่ท่านทั้งรักทั้งหลงนาง ว่ากันว่า นางไม่ได้แค่นอนกับทหารสามนายนั้น แต่นางยังนอนกับผู้ชายคนอื่นไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นนายพราน หรือชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่าบริเวณนั้น ”
“ ฮะ อะไรนะ ” ภาคเอ่ยอย่างแปลกใจ
“ ใช่ครับพี่ นางก็น่าจะเป็นคล้าย ๆ โรคขาดผู้ชายไม่ได้ ในสมัยนี้แหละผมว่า คือนางต้องมีเซ็กส์ทุกวัน ขาดไม่ได้ และเซ็กส์ที่นางมีจะต้องถึงอกถึงใจ เร่าร้อนรุนแรง ” คราวนี้เป็นบุญโทนที่สอดขึ้นมาบ้าง แต่ประโยคนี้ทำให้คนคนหนึ่งถามขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน
“ อย่างนั้นเชียวเหรอ แล้วนางชื่ออะไร ” เป็นตฤณนั่นเอง
“ ไม่รู้ชื่อจริงที่แน่ชัด เพราะชาวบ้านเขาพากันเรียกนางว่า นางสวาท ”
“ นางสวาท อย่างนั้นเหรอ ” ตฤณทวนคำ ปู่ทวดพยักหน้าช้า ๆ ก่อนตอบ
“ ใช่ ชื่อเรียกก็ตั้งมาจากพฤติกรรมของนางนั่นแหละ นางขาดสวาทไม่ได้เอาเสียเลย กระทั่งปราสาทนั้นก็เรียกกันว่าปราสาทนางสวาท ”
“ แล้วหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างครับทวด ” ภูรินทร์ซักต่อ
“ หลังจากนั้นท่านพันธุมก็สั่งให้เผาทำลายปราสาทนางสวาทให้หมดสิ้น แต่แปลกมากที่ห้องบรรทมอันเป็นที่ประดิษฐานของรูปสลักที่ท่านสะกดวิญญาณนางไว้ ไม่ไหม้แม้แต่นิดเดียว จนบัดนี้ก็ทรุดโทรมลงไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่ดี ”
“ แบบนี้ก็เฮี้ยนน่าดูสิครับทวด ” ภาคถาม
“ จะว่าเฮี้ยนก็เฮี้ยน แต่ว่านางไม่ได้ออกมาหลอกมาหลอนใครอย่างที่ผีตนอื่นทำ นางเพียงแค่.. ” อยู่ ๆ ทวดก็ หยุดเล่า ทำให้ทั้งหมดยิ่งอยากรู้ต่อ
“ เพียงแค่อะไรครับทวด ” วีทนไม่ได้ จึงต้องเร่งให้ท่านพูดให้จบ
“ เพียงแค่ออกมาล่อหลอกให้ผู้ชายหลงไปยังที่นั่น เพื่อตกเป็นทาสสวาทของนางทั้งคืน ” สิ้นคำตอบของท่านปู่ทวด ทั้งสี่ก็แผดเสียงหัวเราะดังลั่น
“ โอ้โฮ อย่างนี้ผู้ชายก็ไปต่อแถวกันเลยน่ะสิครับทวด ไปมีเซ็กส์กับผู้หญิงเซ็กซี่ทั้งคืน ผีก็ผีเถอะ ใครจะไม่เอา”
ปู่ทวดทำหน้าเครียด
“ มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ เพราะความมักมากในกามของผีนางสวาทมันไม่ใช่แค่การนอนด้วยกัน แต่นางจะเคี่ยวขับบทรักอันร้อนแรงจากผู้ชายทั้งคืนตลอดตั้งแต่พระจันทร์ขึ้นจนพระจันทร์ดับ รุ่งสางตะวันขึ้นโน่นล่ะ นางจึงจะมลายหายไป ”
“ เอ้า แบบนี้ก็ดีเลยสิ ใครจะไม่ชอบครับปู่ทวด เป็นผมผมก็เอาแหละ ” วีพูดต่ออย่างคึกคะนองปาก
“ ถ้าผู้ชายที่น้ำยาไม่ถึงนางก็รับรองว่าคางเหลือง มีหลายรายที่ตายไปเพราะหลงใหลในบทกามและไปหานางทุกคืน โดนนางขับเคี่ยวจนตายแห้งคาแท่นบรรทมนางนั่นก็หลายศพ ”
“ ทวดพูดเล่นใช่ไหมครับเนี่ย ” ทวดยิ้ม ๆ แล้วหันไปสั่งบุญโทน
“ ไอ้โทน มึงไปเอาซองเอกสารของ ดร.บรรจบ มาให้ไอ้พวกนี้ดูที ”
“ ครับปู่ ” บุญโทนลุกขึ้นแล้วเดินลับหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ครู่หนึ่งก็กลับออกมาพร้อมซองเอกสารสีน้ำตาลแล้วส่งให้ปู่ทวด
“ เดี๋ยวพวกสูจะได้รู้ว่าทวดไม่เคยพูดเล่นกับเรื่องของนางสวาท ”
พูดจบ ท่านค่อย ๆ ดึงบางสิ่งบางอย่างออกมาจากเอกสารนั้นช้า ๆ สายตาเหม่อมองไปสู่แมกไม้นอกชายคาคล้ายระลึกความหลังอยู่อึดใจหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง
“ จะว่าไปแล้ว ผู้ชายในภูเนินนางก็ล้วนแล้วแต่ล้มหายตายจากเพราะฤทธิ์นางสวาทไปหลายสิบหลายร้อยศพนับไม่ถ้วน รู้ทั้งรู้ แต่ความมักมากในกามมันมากกว่า เลยพอใจที่จะเดินเข้าไปตาย แต่ทวดเองก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันนอกจากคำพูด
และนี่ก็คือสิ่งของของคนผู้หนึ่งที่เอาชีวิตมาทิ้ง โดยการตกเป็นทาสสวาทของนางสวาทอีกคน ท่านชื่อ ดร.บรรจบ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง สอนด้านวรรณคดีอะไรนี่แหละ อายุก็ราว ๆ สี่สิบปลาย ๆ เข้ามาเดินป่า ตอนนั้นไอ้บุญโทนยังอยู่ประถม ทวดยังเป็นพรานอยู่ก็นำแกไปในป่า ก่อนไปก็เล่าให้แกฟังอย่างที่เล่าให้พวกสูฟังนี่แหละ พอไปถึงที่นั่นแกก็บอกว่านางสวาทตัวจริงมาปรากฏให้เห็น งามหยดย้อยยั่วยวน แกจดจำความงามของนางได้ ก็เลยวาดภาพเอาไว้และแต่งกลอนบรรยายความงามของนางไว้ด้านล่าง และท้ายที่สุดแกก็แอบเข้าไปในปราสาทคนเดียว พบอีกทีก็นอนตายอยู่บนแท่นบรรทมเหมือนผู้ชายอีกหลาย ๆ คน ”