ตั้งแต่วันที่รัญตาเรียนจบ สาวน้อยก็เข้าทำงานในบริษัทของแมคโลริค เขามีบริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีโรงงานการผลิตอยู่ที่ประเทศจีนโดยที่บริษัทแม่อยู่ที่ประเทศไทย ชายหนุ่มได้ชวนรัญตามาทำงานที่บริษัทด้วย ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา รัญตาไม่ได้ทำให้แมคโลริคผิดหวัง ตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็งจนเลขาคนสวยของแมคโลริคชมเปาะด้วยความเอ็นดู ทุกๆ วันแมคโลริคจะมาส่งรัญตาที่บ้าน บางครั้งที่เขาต้องอยู่ประชุมจนดึกดื่นหล่อนก็จะนั่งรอ และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว แต่รัญตาเพิ่งมาถึงรั้วบ้าน
“รัญเข้าบ้านก่อนนะคะ ป่านนี้น้าฎาเตรียมเทศนารัญแล้ว” สาวน้อยว่าพลางทำหน้ามุ่ย ใบหน้าเรียวสวยยังผุดผ่องอยู่ท่ามกลางกรอบผมยาวที่ดัดเป็นลอนหลวมๆ รัญตาเป็นสาวน้อยน่ารักในชุดสูทซึ่งเป็นแบบฟอร์มของบริษัท สีแดงเลือดนกของมันช่วยขับผิวขาวๆ ให้โดดเด่นท่ามกลางแสงสลัวของยามราตรี
ระหว่างที่หนุ่มสาวร่ำลากันที่หน้าบ้าน พิชฎาก็เดินเร็วๆ ออกมาในทันทีที่รู้ ใบหน้างามไม่สบอารมณ์ แว่นตาที่สวมไว้เวลานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ยังมิได้ถอดออก โดยรวมแล้วหญิงสาวดูโทรมนิดๆ ด้วยใบหน้าที่มันแผล็บไร้เครื่องสำอางกับเสื้อยืดสีขาวตัวเล็กกับกระโปรงผ้าซีฟองสีน้ำตาลเบาพลิ้ว ผมบนศีรษะที่ถูกมวยหลวมๆ ด้วยดินสอที่ใช้ร่างพล็อตนิยาย หลุดลุ่ยลงมาระแก้มบาง ชวนให้คนมองรำคาญลูกตาได้ดีแท้
“มาถึงแล้วก็รีบเข้าบ้านสิรัญ มัวแต่อ้อยอิ่งอยู่นั่น”
พิชฎาเอ่ยเสียงดังให้คนที่มัวแต่ยืนหัวร่อต่อกระซิกกันได้ยินชัดๆ คนเป็นหลานรีบโบกมือลาให้แฟนหนุ่มก่อนจะวิ่งเข้าไปหาคนเป็นน้า เพื่อกอดพิชฎาแรงๆ เป็นการทักทายก่อนจะวิ่งแจ้นเข้าบ้านด้วยว่ากลัวความผิด
เมื่อหลานสาวเข้าบ้านไปแล้ว พิชฎาก็เดินมาเกาะรั้วไม้เตี้ยๆ ที่กั้นบริเวณบ้านเอาไว้ รัญตาเปิดประตูเล็กๆ ออกแต่ยังไม่ได้ปิด เธอเลยต้องเดินมาปิดมัน
แมคโลริคยังยืนอยู่ที่เดิม โดดเด่นต่อหน้าหญิงสาว มีรถคันหรูเป็นฉากหลังแลดูสง่างาม
พิชฎาดึงรั้วไม้ที่สูงเพียงสะเอวให้เข้ามาชิดกันแล้วคล้องสลักปิดล็อกรั้วบ้าน ก่อนจะหันหลังโดยไม่ยอมเอ่ยอะไรกับแมคโลริค
“เดี๋ยวสิพิชฎา คุณจะไม่ทักทายผมหน่อยเหรอ”
เขาถามเสียงขุ่น ยกมือกอดอกอย่างเป็นปรปักษ์
หญิงสาวหันกลับมา ใบหน้าเฉยชาแต่ดวงตาวาวโรจน์ เธอขยับเข้าหาเขาอีกนิด มีรั้วเตี้ยกันกลางแต่ไม่สามารถกั้นบางอย่างที่เธอจะมอบให้เขาได้
เผียะ!
หนึ่งตบเสียงดังบาดทรวงลึก พิชฎามิได้เกรงกลัวในสิ่งที่ทำ ยังยืนอยู่ต่อหน้าเขา เฝ้ามองชายหนุ่มอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวดและตกตะลึง
แมคโลริคต้องอ้าปากขยับกรามขึ้นลงเพื่อระบายความเจ็บแสบ พิชฎามือหนักราวกับนักวอลเลย์บอลอาชีพเลยก็ว่าได้
“คราวที่แล้วฉันมัวแต่ตกใจเลยไม่ได้เอาคืนที่คุณ...รังแกฉัน คราวนี้ก็ถือว่าเราหายกัน” คนที่เคยถูกรังแกประกาศเสียงหนักแน่น ดวงตากลมโตใต้แว่นสายตาไม่ยอมลงให้กับอีกฝ่าย เธอยิ้มเยาะเขานิดหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้าน
แมคโลริคหายอมไม่ เขาไม่ยอมถูกตบฟรีแน่นอน
หวืด!
ร่างสูงใหญ่กระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆ ตรงเข้าไปล็อกร่างพิชฎาจากด้านหลัง
“กรี๊....” พิชฎาถูกรวบเข้าสู่วงแขนแกร่ง ปากยังกรีดร้องไม่จบคำด้วยซ้ำ มือหนาอุ่นร้อนของแมคโลริคตะปบปิดปากเธอด้วยความรวดเร็ว
เขาลากร่างอรชรไปยังมุมมืดที่อยู่ใกล้ที่สุด แม้บริเวณบ้านไม่ได้มีเนื้อที่มากมายนักแต่ก็มีร่มเงาใหญ่ของต้นมะม่วงให้แมคโลริคลากพิชฎาไปจัดการ
ปึก!
แผ่นหลังของพิชฎาถูกกระแทกเข้ากับลำต้นของมะม่วงต้นใหญ่ เธอเจ็บจนน้ำตาคลอ อยากร้องเพื่อระบายความเจ็บปวดแต่ฝ่ามือเขาก็ปิดปากเธอไว้ มือหนาอีกข้างของเขารวบข้อมือทั้งสองของเธอไว้ด้วยกัน
“อื้อ...อ่อยอั๊นอ๊ะ!”
เสียงอู้อี้เล็ดลอดจากร่องนิ้วของฝ่ามือหนา แมคโลริคยิ้มเยาะที่ได้เห็นคนปากดีไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรได้
“ถ้าผมปล่อยมือ คุณต้องไม่ร้อง เพราะถ้าคุณร้องแล้วรัญตาได้ยิน รับรองว่าคุณได้อธิบายยาวแน่”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ เธอไม่เคยเอาชนะผู้ชายร้ายกาจคนนี้ได้เลย ให้ตายสิ!
“จะเอายังไงก็ว่ามาสิ!” พิชฎากระแทกเสียงถามหลังจากได้รับอิสระ แต่จะว่าไปก็ไม่ถึงกับอิสระมากนัก เพราะถึงแม้สองมือและริมฝีปากจะไม่ได้ถูกเขาพันธนาการ แต่ร่างสูงที่ยืนค้ำเธออยู่ในระยะประชิด ก็ยากเหลือเกินที่เธอจะหลบหนี
“แน่ใจไหมละว่าอยากให้ เอา” แมคโลริคย้อนคำถามของพิชฎา
หญิงสาวหน้าร้อนผ่าวเมื่อถูกวาจาธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาของชายหนุ่มกระแทกความเป็นกุลสตรีเข้าอย่างจัง
“หยาบคาย! ใครจะไปอยากทำอะไรอย่างนั้นกับคุณไม่ทราบ”
“ก็ไม่แน่ บางที...หลานสาวคนสวยของคุณอาจจะ...”
ชายหนุ่มเอ่ยเป็นนัย และมันทำให้ดวงตาของพิชฎาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไรในเมื่อรู้แก่ใจว่าตัวเองไม่สามารถมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับรัญตาได้ หรือว่าเขาคิดจะทำมันในไม่ช้านี้
“เก็บความคิดสกปรกของคุณไปเลยนะคนสารเลว ถ้าคุณกล้าแตะยัยรัญแม้แต่ปลายเล็บฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”
พิชฎาประกาศด้วยน้ำเสียงดุดันเด็ดเดี่ยว แต่แมคโลริคกลับพอใจ เขายิ้มเจ้าเล่ห์ให้หล่อน ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ต้องการ
“รีบๆ บอกความจริงรัญตาให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นผมไม่รับประกันว่าเรื่องแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้น คุณและผมย่อมรู้ว่ามันไม่สมควร แต่อย่าลืมว่ารัญตาไม่รู้ แกไม่รู้ว่าผมเป็นอาของแก แกคิดมาตลอดว่าผมรักแกแบบชู้สาว เราหลอกรัญตามานานเหลือเกินแล้วพิชฎา สงสารหลานตัวเองบ้างเถอะ”
เสมือนก้อนแห่งความจริงขนาดเท่าภูเขาไฟหล่นใส่หัวใจคนเป็นน้า พิชฎาหน้าซีดในบัดดล ยอมรับว่าเขาจี้ได้ถูกจุด เธอลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ตอนนี้รัญตาเรียนจบ ต่อไปก็คงอยากจะแต่งงานมีครอบครัว และคนที่จะมาเป็นสามีของหล่อนก็คงหนีไม่พ้นคนรักที่ชื่อแมคโลริค!
“ฉันว่าทางที่ดีคุณไปบอกพี่ชายคุณดีกว่า เลิกกับเมียเมื่อไหร่ค่อยมาเอารัญตาไป ฉันยินดีใส่พานยกให้เลยล่ะ” พิชฎาต่อรอง ที่ไม่อยากบอกหลานสาวตามตรงก็เพราะกลัวผลกระทบที่จะตามมาต่างหาก เธอคงรับไม่ได้ หากจะเห็นแววตาเกลียดชังของรัญตา
“ไม่มีทางหรอกพิชฎา พี่ชายผมอายุมากแล้วนะ แล้วเขาก็แต่งงานอยู่กินกับคุณเดือนมานานแล้ว จะไปบอกให้พวกเขาเลิกกันได้ยังไง”
“ได้สิ! ทีตอนแต่งผู้ใหญ่สั่งให้แต่งได้ ทำไมตอนเลิกจะบอกให้เลิกไม่ได้”
หญิงสาวแย้ง พยายามสูดหายใจแรงๆ เพื่อรวบรวมสติ ทั้งความโกรธความหวาดหวั่นในกลิ่นอายแห่งบุรุษฉุดให้สติของเธออยากเตลิดไปไกล แมคโลริคกำลังเบียดเบียนพื้นที่ส่วนตัวของเธออย่างอุกอาจ เขาทำให้เธอคิดถึงยามไม่ได้เห็นหน้ากัน
“พวกเขาแต่งงานเพราะผู้ใหญ่ต้องการ และตอนนี้ผู้ใหญ่ที่คุณอ้างถึงก็เสียไปหมดแล้ว ปลงเสียบ้างเถอะพิชฎา ละวางความแค้นแล้วมอบความสุขทางใจให้พี่ชายของผมบ้าง ให้เขาได้ดูแลรัญตาทดแทนที่เขาไม่ได้ดูแลมาเกือบยี่สิบปี ที่สำคัญ คุณช่วยมอบความสุขกายให้หลานสาวคุณบ้างเถอะ รัญตาเกิดมาท่ามกลางความประหยัดทุกกระเบียดนิ้ว ผมไม่เคยเห็นหลานสาวคุณมีของแบรนด์เนมใช้เลย สาวๆ ต้องการมากกว่าความรักนะ พี่ชายผมให้แกได้ ช่วยกลับเอาไปคิดทีเถอะ”
“ไม่!”
พิชฎาตอบชัดถ้อยชัดคำจนแมคโลริคแทบจะทนไม่ไหวแล้วกระชากหล่อนมาจูบลงทัณฑ์อีกสักรอบ เขาสูบลมหายใจเร็วแรงแล้วเอ่ยกับพิชฎาเป็นหนสุดท้าย
“ฟังนะแม่นักเขียนหัวดื้อ ที่พี่ชายผมไม่ประกาศว่าตัวเองเป็นพ่อของรัญตาก็เพราะว่าเขาเกรงใจคุณ เขาอยากให้คุณเป็นคนบอกแกเอง เพราะเขาสำนึกว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเป็นคนผิด ตอนนี้สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือ เข้าไปในบ้านแล้วก็บอกความจริงกับหลานซะ บอกแกว่าพี่ชายของผมเป็นพ่อแท้ๆ ของแก ให้แกได้ตัดสินใจเอาเองว่าจะยอมรับเขาหรือไม่ อย่าอคติและคิดแทนว่าหลานต้องคิดอย่างที่คุณคิดสิ บางทีคุณอาจกำลังทำร้ายรัญตาอยู่ก็ได้ บอกความจริงกับหลานเถอะนะ ผมขอร้อง”
น้ำเสียงที่อ่อนโยนลงของอีกฝ่ายได้สร้างความหวั่นไหวในหัวใจของพิชฎา เธอยอมรับว่าที่เขาพูดมามันก็ถูก แต่เธอทำไม่ได้ เธอไม่กล้าบอกรัญตา เธอกลัว...กลัวว่านี่ต่างหากที่จะทำให้เธอเสียรัญตาไปจริงๆ
“ฉันยังไม่รับปากอะไรตอนนี้”
“พิชฎา...ผมขอร้อง...”
ชายหนุ่มวอนขอ อีกฝ่ายผลักอกเขาออกห่าง ตั้งท่าจะเดินเข้าบ้าน แต่ก็หันหลับมาหาเขาอีกครั้ง
“อย่างน้อยก็ให้ผ่านวันรับปริญญาไปก่อนได้ไหม อีกแค่ปีเดียวเอง”
คราวนี้พิชฎาเป็นฝ่ายร้องขอบ้าง เธอขอยืดเวลาทำใจออกไปอีกปี ด้วยรู้ว่าวันนั้นตัวเองจะต้องเสียใจที่สุด
หญิงสาวเอ่ยเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนจ้ำอ้าวเข้าบ้าน ไม่ปล่อยโอกาสให้แมคโลริคหาทางล่วงเกินตนได้อีก
แมคโลริคยังยืนอยู่ใต้เงาต้นมะม่วง เฝ้ามองจนกระทั่งพิชฎาเปิดประตูเข้าบ้านไป บ้านเช่าหลังเล็กๆ มีเพียงผู้หญิงสองคนอยู่อาศัย มันดูอันตรายไม่น้อย แต่เขาไม่สามารถทำให้พิชฎาย้ายออกไปจากที่นี่ได้ ได้แต่หวังว่าพิชฎาจะบอกความจริงกับรัญตาโดยไว เขาจะได้มีข้ออ้างให้หล่อนย้ายออกไปจริงๆ เสียที
ชายหนุ่มยืนอยู่ใต้ร่มมะม่วงนั้นกระทั่งไฟดวงสุดท้ายดับลง เขาก้าวออกนอกรั้ว แล้วก้าวขึ้นรถ ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากหน้าบ้านในเวลาต่อมา