“เวลานอนอยากให้เปิดหรือปิดไฟ?” เขาถาม ลลิลก้มลงมองมือตัวเองที่กำลังร้อนผ่าว
“ได้ทั้งนั้นค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะปิดไฟ ฉันไม่ชอบนอนห้องสว่าง ๆ มันทำให้ฉันนอนไม่หลับ”
“แล้วอาพีทไม่เปลี่ยนชุดนอนก่อนเหรอคะ?”
“ฉันชอบนอนแบบนี้ บางทีก็ไม่สวมอะไรเลย...ถ้าเธออยากจะนอนตรงนั้นก็ตามใจ แต่ถ้าเจ็บหลังเมื่อยตัวขึ้นมาก็อย่าเปลี่ยนใจกลับขึ้นมานอนบนเตียงนี่ล่ะ”
“ค่ะ”
“ลาริมาร์”
“คะ?”
“สัปดาห์หน้าฉันจะไปงานมอเตอร์โชว์ เป็นงานแสดงรถยนต์ใหญ่ระดับโลก”
ลลิลชะงัก เธอหันกลับไปมองเขาและคิดถึงภิณไลย์ญาขึ้นมาทันที
“ที่โทรมาจะบอกลิลว่าพี่ได้งานเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ระดับโลกที่จะจัดขึ้นสัปดาห์หน้า ถ้าลิลว่างอยากให้ลิลไปเที่ยวงาน ไปดูพี่แต่งตัวสวย ๆ แล้วถ้ามีเวลาว่างเราก็จะได้คุยกัน”
หญิงสาวลืมว่าเธอกำลังจะล้มตัวนอนแต่กลับรีบถามขึ้นว่า
“อาพีท...ลิลขอไปด้วยได้ไหมคะ”
พัลเลเดียมย่นคิ้ว แต่แล้วเขากลับยกยิ้มมุมปากพร้อมทั้งหรี่นัยน์ตาทรงอำนาจ
“ที่อยากไปนี่เธอคงอยากไปดูสินะว่ารถยนต์หรูรุ่นใหม่ที่พ่อของเธอจองไว้ให้ผู้หญิงของเขาเป็นยังไง หรือไม่ก็...” เขาเอนตัวลงเล็กน้อยและจ้องหญิงสาวตาไม่กระพริบ “คงอยากออกไปสูดอากาศหายใจข้างนอกเพราะอยู่แต่ในนี้มันอึดอัดเต็มที”
“ลิลแค่มีเพื่อนที่รู้จักค่ะ เธอเป็นรุ่นพี่ของลิลและเป็นพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์”
เขาพยักหน้าแต่นัยน์ตาส่อแววร้ายกาจ “อยากไปพบเพื่อนรุ่นพี่หรือว่าอยากไปเจอนักธุรกิจหนุ่ม ๆ ในงานกันล่ะ”
“ลิลจะไปเจอใครได้ล่ะคะ ในเมื่อลิล...”
แต่งงานแล้ว...ลลิลรีบกลืนคำนั้นกลับเข้าไปในลำคอทันควันเพราะถ้าปล่อยให้มันหลุดออกจากปากก็รังแต่จะทำทำให้เธอรู้สึกอับอายเสียมากกว่าในเมื่อสายตาของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีไม่เคยแม้แต่จะมีความชื่นชม เมีย ของเขาแม้แต่น้อย หญิงสาวเม้มปากเข้าหากันและหลบเลี่ยงสายตาคมด้วยการมองไปทางอื่น
“อาพีทจะไม่ให้ลิลไปก็ไม่เป็นไรค่ะ”
“ฉันต้องพาเธอไปด้วยสิ ลาริมาร์”
ร่างหนาในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเลื่อนตัวลงจากเตียงแล้วคว้าร่างเล็กบอบบางไว้หมับเมื่อเธอทำท่าจะหลบเลี่ยง ลลิลถูกดึงเข้าไปในอ้อมอกกว้างที่ดูเหมือนกระด้างของเขา แม้ภายนอกเธอจะเหน็บหนาวแต่หญิงสาวกลับรู้สึกอบอุ่นในส่วนลึกอย่างประหลาด
“อาพีท...ปล่อยค่ะ ลิลจะนอน”
“แต่เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ เธอไม่อยากรู้หรือว่าทำไมฉันถึงได้พาเธอไปด้วย”
“เพราะลิลร้องขออาพีทไงล่ะคะ แต่ถ้าอาพีทรู้สึกแปลก ๆ ก็ไม่ต้องพาลิลไปก็ได้”
“แปลกแบบไหน?”
“ก็แปลกแบบที่...”
เสียงนั้นแผ่วลงในทันใดที่ใบหน้าสวยหวานเอียงกลับและแก้มนวลเบียดกับโหนกแก้มสากระคายของชายหนุ่ม สายตาประสานสายตาทำให้ร่างเล็กกระตุกเล็กน้อย เธอเริ่มสั่นในอ้อมแขนแกร่ง ตัวเขาแห้งสนิทจากแอร์คอนดิชั่นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่กำจายออกมาจากร่างสูงใหญ่ กลิ่นหอมที่หญิงสาวคุ้นเคยและทำให้หัวใจของเธอยิ่งไหวหวั่น เสียงห้าวแหบกระซิบแนบพวงแก้มสีชมพูเรื่อ
“แบบไหนล่ะ ลาริมาร์”
“อาพีทอาจจะอึดอัดที่ต้องพาเด็กไปด้วย”
เสียงครางดังในลำคอของเขา “ฉันแค่อยากให้เธอเห็นในสิ่งที่เธอ...ไม่เชื่อตั้งแต่แรก”
“เรื่องอะไรคะ?”
“พ่อของเธอ”
ลลิลกระตุกวูบกับคำนั้น เธอกำลังจะขืนตัวออกห่างแต่เขากลับใช้ฝ่ามือหนากดต้นคอของเธอให้ใบหน้าสวยยังคงแนบแก้มเขาเช่นนั้น ร่างเล็กรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันใดเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังบังคับเธอในที
“ทำไมอาพีทคิดว่าลิลจะไม่เชื่อ”
“ฉันรู้ว่าเธอยังสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอยังคิดว่าพ่อของเธอบริสุทธิ์ ฉันแค่อยากให้เธอได้เห็นว่าอิศราทำอะไรไว้บ้างกับครอบครัวและธุรกิจของฉัน และมันมากเกินกว่าที่เธอจะชดใช้แทนได้หมด”
“แต่อาพีทก็ได้ชีวิตของลิลไปแล้ว”
“ฉันต้องการพิสูจน์และให้เธอยอมรับ...ฉันรู้ว่าลึก ๆ เธอยังไม่ยอมรับมัน...ไม่ยอมรับว่าพ่อของเธอก่อเรื่องไว้มากมายขนาดไหนและคนที่ต้องก้มหน้าชดใช้จะได้เห็นความจริง ลาริมาร์...”
เสียงนั้นหนักแน่นหากก็เบาลงแต่คนฟังกลับรู้สึกได้ถึงแรงบีบบคั้นบังคับที่หน่วงหนักขึ้นเรื่อย ๆ ลลิลยังควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ดี เธอหลั่งน้ำตาและรู้สึกราวกับว่าอ้อมกอดของเขาคือโซ่เหล็กที่พันธนาการเธอไว้มากกว่าจะเป็นการโอบกอดด้วยความรักอย่างที่ชายมีให้หญิงทั่วไป
“ลิลยอมรับค่ะ ยอมรับว่าลิลต้องทำอะไรบ้าง...ถือว่าลิลยอมจำนนต่อข้อเสนอของอาพีททุกอย่าง อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ เพราะถึงยังไงลิลก็ยังยอมรับมันได้อยู่ดี”
“แน่ใจหรือว่าเธอยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้”
พัลเลเดียมคลายมือขณะลลิลเอียงหน้ามาทางเขา ดวงตาคู่งามสะท้อนความเจ็บปวด มันเคยส่องประกายสุกใสทว่าบัดนี้หมองหม่นจนเขาก็อดนึกใจหายไม่ได้ เขาอยากซับรอยน้ำตาที่เปียกชื้นบนแก้มสีชมพูกุหลาบนั้นด้วยปลายนิ้วอย่างอ่อนโยน ยิ่งได้กอดร่างนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนก็รู้สึกถึงแรงผลักดันบางอย่างที่ทำให้เขาตื่นตัวและตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลลิลอ่อนหวานและหอมหวานจนเขาอยากก้มลงไปและบดบี้กลีบปากของเธออีกสักครั้ง หากทว่าทิฐิทำให้ความสงสารกลับกลายเป็นแค่เศษผงธุลีล่องลอยในชั่วเสี้ยววินาที ชายหนุ่มขบกรามเบา ๆ เขากำลังบังคับตัวเองไม่ให้ล้ำเส้นแบ่งที่ตั้งใจขีดคั่นเอาไว้เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะก้าวข้าม ลลิลช้อนตามองใบหน้าหล่อเหลาแต่สิ่งที่ทำได้ก็แค่พยักหน้า
“ค่ะ...ลิลยอมรับ แต่ตอนนี้ลิลอยากนอนแล้วค่ะ”