ตอนที่ 13

1141 Words
“เวลานอนอยากให้เปิดหรือปิดไฟ?” เขาถาม ลลิลก้มลงมองมือตัวเองที่กำลังร้อนผ่าว “ได้ทั้งนั้นค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นฉันจะปิดไฟ ฉันไม่ชอบนอนห้องสว่าง ๆ มันทำให้ฉันนอนไม่หลับ” “แล้วอาพีทไม่เปลี่ยนชุดนอนก่อนเหรอคะ?” “ฉันชอบนอนแบบนี้ บางทีก็ไม่สวมอะไรเลย...ถ้าเธออยากจะนอนตรงนั้นก็ตามใจ แต่ถ้าเจ็บหลังเมื่อยตัวขึ้นมาก็อย่าเปลี่ยนใจกลับขึ้นมานอนบนเตียงนี่ล่ะ” “ค่ะ” “ลาริมาร์” “คะ?” “สัปดาห์หน้าฉันจะไปงานมอเตอร์โชว์ เป็นงานแสดงรถยนต์ใหญ่ระดับโลก” ลลิลชะงัก เธอหันกลับไปมองเขาและคิดถึงภิณไลย์ญาขึ้นมาทันที “ที่โทรมาจะบอกลิลว่าพี่ได้งานเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ระดับโลกที่จะจัดขึ้นสัปดาห์หน้า ถ้าลิลว่างอยากให้ลิลไปเที่ยวงาน ไปดูพี่แต่งตัวสวย ๆ แล้วถ้ามีเวลาว่างเราก็จะได้คุยกัน” หญิงสาวลืมว่าเธอกำลังจะล้มตัวนอนแต่กลับรีบถามขึ้นว่า “อาพีท...ลิลขอไปด้วยได้ไหมคะ” พัลเลเดียมย่นคิ้ว แต่แล้วเขากลับยกยิ้มมุมปากพร้อมทั้งหรี่นัยน์ตาทรงอำนาจ “ที่อยากไปนี่เธอคงอยากไปดูสินะว่ารถยนต์หรูรุ่นใหม่ที่พ่อของเธอจองไว้ให้ผู้หญิงของเขาเป็นยังไง หรือไม่ก็...” เขาเอนตัวลงเล็กน้อยและจ้องหญิงสาวตาไม่กระพริบ “คงอยากออกไปสูดอากาศหายใจข้างนอกเพราะอยู่แต่ในนี้มันอึดอัดเต็มที” “ลิลแค่มีเพื่อนที่รู้จักค่ะ เธอเป็นรุ่นพี่ของลิลและเป็นพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์” เขาพยักหน้าแต่นัยน์ตาส่อแววร้ายกาจ “อยากไปพบเพื่อนรุ่นพี่หรือว่าอยากไปเจอนักธุรกิจหนุ่ม ๆ ในงานกันล่ะ” “ลิลจะไปเจอใครได้ล่ะคะ ในเมื่อลิล...” แต่งงานแล้ว...ลลิลรีบกลืนคำนั้นกลับเข้าไปในลำคอทันควันเพราะถ้าปล่อยให้มันหลุดออกจากปากก็รังแต่จะทำทำให้เธอรู้สึกอับอายเสียมากกว่าในเมื่อสายตาของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีไม่เคยแม้แต่จะมีความชื่นชม เมีย ของเขาแม้แต่น้อย หญิงสาวเม้มปากเข้าหากันและหลบเลี่ยงสายตาคมด้วยการมองไปทางอื่น “อาพีทจะไม่ให้ลิลไปก็ไม่เป็นไรค่ะ” “ฉันต้องพาเธอไปด้วยสิ ลาริมาร์” ร่างหนาในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเลื่อนตัวลงจากเตียงแล้วคว้าร่างเล็กบอบบางไว้หมับเมื่อเธอทำท่าจะหลบเลี่ยง ลลิลถูกดึงเข้าไปในอ้อมอกกว้างที่ดูเหมือนกระด้างของเขา แม้ภายนอกเธอจะเหน็บหนาวแต่หญิงสาวกลับรู้สึกอบอุ่นในส่วนลึกอย่างประหลาด “อาพีท...ปล่อยค่ะ ลิลจะนอน” “แต่เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ เธอไม่อยากรู้หรือว่าทำไมฉันถึงได้พาเธอไปด้วย” “เพราะลิลร้องขออาพีทไงล่ะคะ แต่ถ้าอาพีทรู้สึกแปลก ๆ ก็ไม่ต้องพาลิลไปก็ได้” “แปลกแบบไหน?” “ก็แปลกแบบที่...” เสียงนั้นแผ่วลงในทันใดที่ใบหน้าสวยหวานเอียงกลับและแก้มนวลเบียดกับโหนกแก้มสากระคายของชายหนุ่ม สายตาประสานสายตาทำให้ร่างเล็กกระตุกเล็กน้อย เธอเริ่มสั่นในอ้อมแขนแกร่ง ตัวเขาแห้งสนิทจากแอร์คอนดิชั่นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่กำจายออกมาจากร่างสูงใหญ่ กลิ่นหอมที่หญิงสาวคุ้นเคยและทำให้หัวใจของเธอยิ่งไหวหวั่น เสียงห้าวแหบกระซิบแนบพวงแก้มสีชมพูเรื่อ “แบบไหนล่ะ ลาริมาร์” “อาพีทอาจจะอึดอัดที่ต้องพาเด็กไปด้วย” เสียงครางดังในลำคอของเขา “ฉันแค่อยากให้เธอเห็นในสิ่งที่เธอ...ไม่เชื่อตั้งแต่แรก” “เรื่องอะไรคะ?” “พ่อของเธอ” ลลิลกระตุกวูบกับคำนั้น เธอกำลังจะขืนตัวออกห่างแต่เขากลับใช้ฝ่ามือหนากดต้นคอของเธอให้ใบหน้าสวยยังคงแนบแก้มเขาเช่นนั้น ร่างเล็กรู้สึกอึดอัดขึ้นมาในทันใดเมื่อรู้สึกว่าเขากำลังบังคับเธอในที “ทำไมอาพีทคิดว่าลิลจะไม่เชื่อ” “ฉันรู้ว่าเธอยังสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอยังคิดว่าพ่อของเธอบริสุทธิ์ ฉันแค่อยากให้เธอได้เห็นว่าอิศราทำอะไรไว้บ้างกับครอบครัวและธุรกิจของฉัน และมันมากเกินกว่าที่เธอจะชดใช้แทนได้หมด” “แต่อาพีทก็ได้ชีวิตของลิลไปแล้ว” “ฉันต้องการพิสูจน์และให้เธอยอมรับ...ฉันรู้ว่าลึก ๆ เธอยังไม่ยอมรับมัน...ไม่ยอมรับว่าพ่อของเธอก่อเรื่องไว้มากมายขนาดไหนและคนที่ต้องก้มหน้าชดใช้จะได้เห็นความจริง ลาริมาร์...” เสียงนั้นหนักแน่นหากก็เบาลงแต่คนฟังกลับรู้สึกได้ถึงแรงบีบบคั้นบังคับที่หน่วงหนักขึ้นเรื่อย ๆ ลลิลยังควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ดี เธอหลั่งน้ำตาและรู้สึกราวกับว่าอ้อมกอดของเขาคือโซ่เหล็กที่พันธนาการเธอไว้มากกว่าจะเป็นการโอบกอดด้วยความรักอย่างที่ชายมีให้หญิงทั่วไป “ลิลยอมรับค่ะ ยอมรับว่าลิลต้องทำอะไรบ้าง...ถือว่าลิลยอมจำนนต่อข้อเสนอของอาพีททุกอย่าง อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ เพราะถึงยังไงลิลก็ยังยอมรับมันได้อยู่ดี” “แน่ใจหรือว่าเธอยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้” พัลเลเดียมคลายมือขณะลลิลเอียงหน้ามาทางเขา ดวงตาคู่งามสะท้อนความเจ็บปวด มันเคยส่องประกายสุกใสทว่าบัดนี้หมองหม่นจนเขาก็อดนึกใจหายไม่ได้ เขาอยากซับรอยน้ำตาที่เปียกชื้นบนแก้มสีชมพูกุหลาบนั้นด้วยปลายนิ้วอย่างอ่อนโยน ยิ่งได้กอดร่างนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมแขนก็รู้สึกถึงแรงผลักดันบางอย่างที่ทำให้เขาตื่นตัวและตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลลิลอ่อนหวานและหอมหวานจนเขาอยากก้มลงไปและบดบี้กลีบปากของเธออีกสักครั้ง หากทว่าทิฐิทำให้ความสงสารกลับกลายเป็นแค่เศษผงธุลีล่องลอยในชั่วเสี้ยววินาที ชายหนุ่มขบกรามเบา ๆ เขากำลังบังคับตัวเองไม่ให้ล้ำเส้นแบ่งที่ตั้งใจขีดคั่นเอาไว้เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะก้าวข้าม ลลิลช้อนตามองใบหน้าหล่อเหลาแต่สิ่งที่ทำได้ก็แค่พยักหน้า “ค่ะ...ลิลยอมรับ แต่ตอนนี้ลิลอยากนอนแล้วค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD