เขาพูดแค่นั้นประกายใสซื่อก็ฉายวาบขึ้นบนดวงตาคู่สวย ลลิลคิดว่าพัลเลเดียมคงไม่โกหก เธอจึงรีบก้มหน้าลงไปหาเขาแต่ที่ไหนได้พอกลีบปากของเธอนาบลงบนปากของเขาร่างหนาก็พลิกกลับมาอยู่เหนือเธออีกครั้งแต่คราวนี้เขาไม่ปล่อยให้เธอทำได้แม้แต่จะส่งเสียงเพราะชายหนุ่มฉวยโอกาสนั้นบดเบียดปากหยักหนากับกลีบปากนุ่ม และโดยไม่ทันตั้งตัวลิ้นหนาใหญ่ก็ฉกเข้าไปในปากเล็กได้สำเร็จ ลลิลตาเบิกกว้างเพราะเป็นอีกครั้งที่เขาจาบจ้วงเธอด้วยลิ้นร้อนเปียกฉ่ำ
หญิงสาวตัวแข็งเหมือนถูกสาปแต่ปากของเธอกลับรับรู้รสฉ่ำหวานของตัวเองที่ถูกปลายลิ้นหนาตวัดไล้ไปมาทั่วอุ้งปาก ร่างน้อยอ้าปากค้างแต่รับรู้ถึงสัมผัสเร่าร้อนที่บดเบียดรอบกลีบปากสีชมพูเรื่อ เขารุกล้ำเธอ จุ่มจ้วงและซอกซอนอย่างหิวกระหาย เธอตกใจถึงขนาดไม่รู้สึกว่าตัวเขาที่ทาบทับเหนือตัวเธอหนักอึ้งขนาดไหน ปลายลิ้นสัมผัสปลายลิ้นและราวกับว่าเขาดูดเอาความตระหนกของเธอกลับเข้าไปในตัวเขาเหลือเพียงความหวั่นหวามบางเบาราวขนนก
หญิงสาวขนลุกชันเพราะครั้งนี้เขาจูบเธอนานกว่าครั้งแรก ลลิลอ่อนเปลี้ยลงและรู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากะทันหัน เธอเหมือนเทียนกำลังเหลวละลายด้วยความร้อนรุ่มที่ถ่ายเทออกมาจากตัวเขา พัลเลเดียมหลอมเธอและทำให้ร่างอรชรปวกเปียก เนื้อตัวของเขาบดเบียดลงบนร่างบอบบางก่อนสำนึกหนึ่งจะจู่โจมเข้ามาฉับพลัน
มันคือความซาบซ่านและวาบหวิวจนเธอควบคุมอารมณ์แทบไม่ได้
“อาพีท...อาพีท...”
ลลิลส่งเสียงลึกในลำคอเมื่อพัลเลเดียมถอนริมฝีปากออก แต่เขายังคงเคล้าเคลียปากหนาบนปลายคางของเธอราวกับยังเสียดายและไม่อยากให้ห้วงเวลานั้นผ่านไป เขาผ่อนลมหายใจออกมา เป่ารดลงบนใบหน้าหวานที่แดงซ่านเหมือนลูกสตรอว์เบอรรี่ รสชาติและกลิ่นหอมหวานยังติดที่ปลายลิ้นของเขา ร่องรอยเปียกฉ่ำอาบบนเรียวปากอิ่มและดึงดูดให้ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงไปหาอีกครั้ง
“ลาร์ริมาร์...พระเจ้า”
พัลเลเดียมครางบนเรียวปากนุ่ม ทั้งเขาและลลิลกำลังสูญเสียการควบคุมตัวเอง ดูเหมือนหญิงสาวจะเป็นฝ่ายเคลิบเคลิ้มกับรสจูบที่เธอไม่คุ้นชินมาก่อน แต่เมื่อได้สัมผัสหลายครั้งกลับทำให้เธอรู้สึกถึงความโหยหาอย่างแปลกประหลาด
แต่...เขาเกลียดเธอ
หญิงสาวได้ยินเสียงทักท้วงดังขึ้นในภวังค์ที่กำลังเลื่อนลอย แต่เหมือนมีบางอย่างสะกดเธอไว้ไม่ให้ถอยหนี และทุกครั้งที่เขาจุ่มลิ้นหนาเปียกชื้นเข้าไปลึกกลับยิ่งทำให้ลิ้นเล็กสนองตอบอย่างกระตือรือร้น ร่างกายของชายหนุ่มรุ่มร้อน กล้ามเนื้อแข็งแกร่งเครียดเกร็ง แต่แล้วเขากลับต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงกระตุกขณะมือหนาล้วงเข้าไปใต้ชายเสื้อลายทางตัวโคร่งที่ห่อหุ้มร่างบอบบางเอาไว้
“อาพีท...”
ลลิลส่งเสียงปนหอบ และโดยไม่ตั้งใจเธอจิกปลายเล็บลงบนบ่ากว้างสีแทน พัลเลเดียมหยุดตัวเองทั้งที่ปากยังโลมเลียบนกลีบปากละมุน หญิงสาวพยายามขยับออกห่างและเบือนหน้าไปอีกทาง หน้าสวยแดงซ่านเมื่อนึกถึงความอับอายที่ปล่อยตัวปล่อยใจไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“อาพีท...ลิล...ง่วงแล้วค่ะ”
“เธอนี่ยังเด็กจริง ๆ”
เขาถอนหายใจเบา ๆ แต่ร่องรอยจากปากหื่นกระหายของเขายังอาบอยู่บนปากสีชมพูกลิ่นสรอว์เบอร์รี่ ใจจริงอยากจูบเธออีกหลายครั้งและมือของเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อเลื่อนออกจากใต้ชายเสื้อของหญิงสาว สัมผัสผิวนุ่มลื่นดังพอร์ชเลนยังติดอยู่ที่ปลายนิ้ว เมื่อครู่มือของเขาล้วงเข้าไปถึงที่ตรงนั้น เนินเนื้อกลมกลึงอวบอิ่มและเขากำลังจะกอบกุมมันไว้หากไม่ได้ยินเสียงเธอดังขึ้นเสียก่อน และสำหรับลลิล ความตื่นเต้นยังคงกระหน่ำรัวข้างใน เธอเหมือนเด็กสาวที่ไม่เคยพานพบสัมผัสอันแตกต่างแห่งวิถีเพศ มันร้อนเร่าจนน่าหวาดหวั่น แต่สิ่งที่น่าครั่นคร้ามมากกว่านั้นคือเสียงหายใจหนักของร่างหนาใหญ่ที่ยอมขยับออกจากตัวเธอ ชายหนุ่มกลับขึ้นไปนอนบนเตียงแต่ตะแคงตัวมายังหญิงสาว ลลิลรีบดึงผ้านวมขึ้นมาห่มถึงคอ แต่ก่อนจะปิดเปลือกตาลงเธอได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้นว่า
“พรุ่งนี้ฉันคงไม่ได้มานอนที่นี่ และคงไม่ได้มาอีกหลายวัน แต่ฉันจะให้คนมารับเธอไปที่งานมอเตอร์โชว์สัปดาห์หน้า เพราะหลังจากนี้ฉันอาจมีเวลาว่างสำหรับตัวเองอีกเล็กน้อย”
“ค่ะ”
“เธอคงอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
“ค่ะ...อาพีท”
ลลิลรับคำทั้งที่ส่วนลึกเธอเริ่มสำนึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง เธอต้องนอนคนเดียวไปอีกหลายค่ำคืนกับความเปลี่ยวเหงาที่ไม่อยากพบเจอ หญิงสาวแสร้งหลับตาลงเหมือนว่าเธอไม่ได้สนใจอะไรอีกทว่าท่าทีนั้นอยู่ในสายตาของพัลเลเดียมตลอดเวลา เธอไม่เห็นว่าเขากำมือแน่นขณะควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นโดยที่เขาก็บอกตัวเองไม่ได้ ชายหนุ่มนึกเจ็บใจที่รีบผละออกจากร่างนุ่มนิ่มทั้งที่เขาก็อยากกอดเธอไว้ให้นานกว่านี้ จูบเธอและสัมผัสตัวเธอให้มากกว่านี้ แต่ทิฐิกลับทำให้เขาสะกดตัวเองลงอย่างยากเย็น เขากำลังสับสนทั้งที่แน่วแน่มาตลอด