ก่อเกียรติพูดเนิบนาบ ประกายในดวงตาฉายแสงความเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากยกยิ้มหยัน นึกถึงเด็กสาวที่เป็นหัวข้อสนทนา เธอสวยและน่าปรารถนาทำเอาผู้ชายทุกคนที่ได้เห็นน้ำลายหกไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาเอง แต่ธุรกิจย่อมมาก่อน ก่อเกียรติจึงไม่แตะต้องสินค้าทุกชิ้นให้ราคาตก
“นั่นสิคะ ภาก็ลืมคิดเรื่องนี้ไป นังลูกปัดมันหัวอ่อนจะตาย มันจะต้องกลับมาหาภาอย่างแน่นอน ทีนี้ภาก็จะแค่ส่งมันไปเรียกเงินจากแขกที่ผับ ถึงจะไม่มากแต่มันก็คงทำเงินให้เราได้”
แม่เลี้ยงสุภาวินียิ้มกว้าง ตาวาวด้วยความพึงพอใจ เห็นด้วยกับคำพูดของก่อเกียรติ ชู้รักผละออกห่างเล็กน้อยเพื่อเอื้อมไปเปิดตู้เซฟ โดยมีมือเรียวบางคอยหยิบปึกธนบัตรส่งให้ ลำเลียงเข้าไปเก็บไว้ในตู้เหล็กอย่างดีก่อนจะปิดล็อกด้วยรหัสตัวเลขอีกครั้ง
มือเรียวบางหมดหน้าที่จากการยื่นส่งลำเลียงเงินเข้าไปเก็บแล้วจึงวางลงบนลำแขนใหญ่ ลูบไล้เบาๆ ไปตามผิวเนื้อสีแทน ดวงตาช้อนขึ้นมองสบตาคมที่ก้มลงมองมา
ก่อเกียรติยิ้ม ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ถึงความต้องการของคู่ขาเพราะคบกันมาหลายปีดีดัก เขาชอบสุภาวินีเพราะเธอไม่เคยแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตัวเขา แม้ว่าหลังจากสามี เธอก็ยังทำตัวปกติ ไม่เคยวุ่นวายกับบ้านใหญ่ของเขา ทั้งสองยังคงพบกัน ทำธุรกิจร่วมกัน และปรนเปรอซึ่งกันและกัน
“ผมว่าคุณไปช่วยถูหลังให้ผมหน่อยดีกว่า วันนี้เหนียวตัวชะมัด” อดีตนายตำรวจบอกยิ้มๆ ความหมายอยู่ในสายตาที่สบมา
สุภาวินีก้าวลงจากเตียงเดินคล้องแขนใหญ่ตรงไปที่ห้องน้ำกว้าง เสื้อผ้าบนร่างหนาถูกถอดออกหล่นร่วงกระจายลงบนตามพื้นห้องโดยไม่มีใครสนใจ
ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ร่างกายของกันและกัน...
“คุณนี่ร้อนแรงไม่เคยเปลี่ยนเลยนะที่รัก”
“แล้วคุณชอบไหมล่ะ” เสียงหวานกระซิบถาม พรมจูบไปตามส่วนปวดร้าวที่กำลังต้องการได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน
อดีตนายตำรวจใหญ่เงยหน้าขึ้นพ่นลมออกจากปาก ส่งเสียงห้าวแหบออกมาไม่ขาดสาย
“ชอบสิ ชอบที่สุด”
คำสารภาพนั่นเรียกเสียงหัวเราะคิก แม่เลี้ยงคนสวยไม่รอช้า ปฏิบัติการอันเร่าร้อนแสนหวานของตัวเองต่อไป ก่อนจะถูกดึงขึ้นมาในที่สุดเมื่อได้ลิ้มรสรักที่คุ้นเคย วันนี้สุภาวินีอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะเงินก้อนใหญ่ ค่าตัวของนังลูกปัด เธอจึงเป็นฝ่ายปรนเปรอบำเรอรักแก่ก่อเกียรติด้วยทุกกลเม็ดจากประสบการณ์อันโชกโชนที่สั่งสมมา
ห้องน้ำกว้างใหญ่จึงมีเพียงเสียงร้องครวญครางด้วยความสุขสมผสมผสานกับดนตรีรักที่ขับเคลื่อนและเสียงกระเซ็นสาดซ่าของน้ำในอ่าง...
เงาของต้นไม้ใหญ่น้อยและบ้านเรือนอาคารสถานก่อสร้างขนาดใหญ่เล็กวูบไหวผ่านไปทุกครั้งที่รถเคลื่อนผ่านไปตามถนน เที่ยงคืนกว่า... นาฬิกาบนแผงหน้าปัดเครื่องเล่นซีดีสุดหรูประจำรถบอกอย่างนั้น แต่ปัทมณฑ์กลับไม่กล้าข่มตาหลับ ทั้งที่ปกติเธอนอนแต่หัวค่ำ อย่างมากก็ไม่เกินสองทุ่มของทุกวัน แม้จะง่วงแสนง่วง สาวน้อยพยายามเบิกตาเอาไว้ ระแวดระวังผู้ชายตัวโตที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับคอยมองทุกๆ ที่ที่รถแล่นผ่าน
เธอบอกไม่ได้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน รถยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วสม่ำเสมอ ถนนโล่งนานๆ ครั้งถึงจะมีรถวิ่งสวนมาในอีกฟากถนนซึ่งแบ่งกั้นด้วยเกาะกลาง ด้านหลังของรถที่นั่งอยู่ก็แทบไม่มีรถวิ่งตามมา หรือบางครั้งมีก็อยู่ห่างมากจนมองเห็นเป็นคันนิดเดียว หมดทางที่เธอจะหาทางหนีไปจากความอึดอัดและหวาดกลัวที่กำลังเผชิญอยู่
บัดนี้ ในรถมีกันเพียงสามคน ด้านหน้าเหลือเพียงคนขับ ฝรั่งตัวโตชื่อไมเคิล ส่วนผู้ชายอารมณ์ดีที่บอกว่าตัวเองชื่อก้องหล้านั้นขอแยกตัวออกไปหลังจากรถวิ่งออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่มาไม่นาน เธอได้ยินเขาพูดลาเพื่อนหน้าดุ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า
“อย่าเพลินจนลืมงานแต่งน้องสาวของข้านะโว้ย” ก้องหล้าชะโงกหน้ามาบอกก่อนจะลงจากรถ
คนข้างส่งเสียงอือออรับคำในลำคอ เขาพูดอะไรกันอีกสองสามอย่างแต่เธอไม่ได้สนใจฟังว่าเขาว่าอะไรบ้างเพราะใจมัวแต่คิดจะหาทางหนี ได้ยินแว่วๆ ว่า ผู้ชายหน้าดุเข้มข้างๆ จะไปทะเล
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ตาคู่สวยแอบเหลือบมองผู้ชายที่นั่งข้างๆ เขาบังคับจับตัวเธอมาทำไมก็ไม่รู้ หรือว่าจะเอาไปขาย จะทำร้ายทารุณกรรมก็สุดที่คาดเดา แต่พอมองหน้าคมเข้ม นวลแก้มบางใสก็ร้อนผ่าว ตลอดสิบแปดปีปัทมณฑ์ไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนไหน
ใกล้ชิด... ริมฝีปากอิ่มสีชมพูก็เหมือนกับจะร้อนผ่าวแปลกๆ
จูบ... เพียงนึกความหวามลึกแปลกๆ กระตุ้นเลือดสาวให้ฉีดไปทั่วใบหน้า พวงแก้มใสร้อนผ่าวไปหมด แก้มเธอคงแดง มันไม่ใช่เพียงแค่ริมฝีปากที่แนบลงชิดกัน เรียวลิ้นร้อนผ่าวแทรกเข้ามาปัดป่ายอยู่ในปากเธอนั้นก่อความรู้สึกแบบที่บรรยายไม่ถูก รู้อย่างเดียวว่า มันอันตรายต่อร่างกายเหลือเกินกับความรู้สึกที่ว่าไม่สามารถควบคุมได้แบบนั้น
เขากำลังหลับ ใบหน้าคร้ามคมเข้มมีเสน่ห์ชวนมอง สันจมูกโด่งเป็นสันเพราะเชื้อชาติพันธุ์ช่วยเสริมคิ้วเข้ม ริมฝีปากเขาได้รูปสวย และมันร้อนรุมอย่างกับคนเป็นไข้ยามที่สัมผัสเธอแนบชิด
หนี... ดีไหมนะ
แต่เขาก็เป็นมาเฟียขาใหญ่ โหดร้ายแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่จะมีอะไรรับประกันล่ะว่าถ้าเธอทำตัวดีๆ ตามที่เพื่อนเขาบอกแล้วเขาจะไม่ทำร้ายเธอ
ไม่มีอะไรรับประกันสักอย่าง...
ปัทมณฑ์ค่อยๆ มองสองข้างทางด้วยความระมัดระวัง มองไปทางไหนก็ยิ่งกลัว ชีวิตที่ส่วนใหญ่อยู่แต่ในมูลนิธิ โลกภายนอกช่างเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่น โดยเฉพาะเมื่อต้องมาอยู่กับคนแปลกหน้าที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วยแล้ว เธอจะต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะฆ่าตายหรือว่าโดนเอาตัวไปขายเหมือนที่เคยได้ยินมาว่า มีพวกแก๊งลักขโมยเด็กไปขาย จับไปเป็นขอทานไม่ก็ส่งไปขายบริการทางเพศ
และแล้วโอกาสของสาวน้อยก็มาถึง เมื่อรถแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง สารถีร่างยักษ์สั่งเด็กปั๊มเติมน้ำมันเสร็จก็ลงจากรถไปเข้าห้องน้ำ คนข้างๆ ยังหลับตานิ่งๆ มือเล็กค่อยๆ เปิดประตู มันไม่ติดล็อก... จากนั้นจึงผลักออกและวิ่งหนีลงจากรถออกไปทางหน้าปั๊มทันที เป็นเพราะความเผอเรอหรือเพราะไม่พวกเขาไม่คิดว่าเธอจะหนีจึงไม่ได้ป้องกัน