“เดี๋ยว” ชายหนุ่มหยุดเธอไว้ด้วยการเกี่ยวเอวบางรวดเร็วอย่างกับงูฉก หมุนร่างระหงเข้าแนบกำแพงผนังเย็นชืด
สาวน้อยตกใจจนใจตกวูบไปอยู่ตาตุ่ม หัวใจเต้นแรง ไม่ทันได้ร้องสักแอะ ริมฝีปากได้รูปสวยกรุ่นกลิ่นเครื่องดื่มมีดีกรีก็ปิดวูบลงมาบนเรียวปากนุ่มทำเอาตาพร่าไปชั่วขณะ แล้วทั้งเรือนกายก็ชาวาบตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้ากับการกระทำอันแสนอุกอาจไร้มารยาท
ปัทมณฑ์สั่นไปทั้งตัว ระดมทุบทำร้ายแผงอกและไหล่กระด้างไม่เลือกที่ กลิ่นกายแห่งบุรุษเพศลอยอบอวลรอบร่าง เรียวลิ้นอุ่นที่แทรกเข้ามากวาดไล้ทั่วโพรงปาก พาความเสียวซ่านวาบหวามมาสู่กายบาง เสียงอู้อี้ประท้วงหยุดลงพร้อมๆ กับมือบางที่กลายเป็นวางเอาไว้บนบ่ากว้างเฉยๆ สิ้นไร้เรี่ยวแรงขัดขืน เมื่อสมองมึนงง อื้ออึง รับรู้แต่เพียงรสชาติฝาดเฝื่อนจากปลายลิ้นร้อนที่ตวัดไล้อยู่ในโพรงปากสาว
ไรอันบดเคล้าจุมพิตดูดดื่ม ความหวานฉ่ำบริสุทธิ์กระตุ้นร่างกายแกร่งให้ร้อนฉ่าขึ้น ลำแขนแข็งแรงโอบกอดรอบร่างอุ่นคลายความกระชับลงเมื่อการต่อต้านหมดไป ชายหนุ่มเพียรจูบซ้ำๆ บดเคล้าคลึงดูดดื่ม กว่าเขาจะถอนเรียวปากออก ร่างบางถึงกับอ่อนระทวยเกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้นหากว่าเขาไม่รั้งเอาไว้
“ไม่ได้เรื่อง” เสียงห้าวพร่าดังขึ้นเบาๆ ตาคมทอประกายระยับราวกลับกำลังล้อ มองลึกเข้าไปในดวงตาฉ่ำปรือ
สาวน้อยหอบหายใจถี่ หัวใจกระหน่ำเต้นยิ่งกว่าเสียงกลองในงานคอนเสิร์ตร็อก เธอตั้งสติสุดความสามารถ รวบรวมเรี่ยวแรงที่พอมีผลักดันกายหนาออกห่างสุดแรงเกิด หัวจิตหัวใจสั่นไหววูบกึ่งหวาดผวากับสัมผัสแรกในวัยสาว จูบ...ครั้งแรกในชีวิต ถูกปล้นเอาไปอย่างง่ายๆ และไม่ทันตั้งตัว ดวงตากลมโตคู่งามมองหน้าคมคายหล่อเหลาไม่ถึงนาทีแล้วเธอก็วิ่งหนีจากตรงนั้น
ไรอันระบายยิ้มทั่วใบหน้า แค่จูบเดียวก็ระทวยเสียแล้วสาวน้อยคนสวยของเขา เธอช่างไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกแต่กลับกระตุ้นความปรารถนาในร่างแกร่งรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วแบบนี้เขาจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ยังไงกัน เพียงแค่จูบร่างกายแกร่งยังร่ำร้องหาร่างงามระหงขนาดนี้ เขาแทบไม่อยากจินตนาการว่าถ้าได้แนบกายกับเธอจะเป็นยังไง
ปัทมณฑ์วิ่งหน้าตื่น เธอลดความเร็วลงเมื่อเข้าใกล้ห้องอาหารเพราะไม่อยากเป็นที่สนใจของใคร กระนั้นมันก็ช่วยไม่ได้เลยที่สาวน้อยจะสังเกตพบว่า มีสายตาของผู้ชายหลายคนที่เธอเดินผ่านมองตามด้วยสายตาน่ากลัว สายตาที่เหมือนเสือมองเหยื่อ พวกนั้นทำเหมือนอยากจะขย้ำเธอเข้าไปทั้งตัว
สาวน้อยผ่อนลมหายใจช้าๆ เพื่อลดระดับความตื่นตกใจ เผลอยกมือขึ้นแตะปากที่เธอรู้สึกว่ามันบวมขึ้น ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาของผู้ชายคนนั้นผุดขึ้นมาในหัว ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนหน้าตาดีแต่งตัวดีจะไร้มารยาทและฉกฉวยผลประโยชน์จากผู้หญิงแบบนี้
เขาทำให้ใจเธอเต้นแรง แข้งขาสั่นไปหมด เพิ่งรู้ว่าที่เห็นพระเอกนางเอกเขาจูบกันเวลาดูละครทีวี ไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำให้เกิดความรู้สึกน่าหวาดหวั่นมากขนาดนี้
“คนบ้า แย่ที่สุด” สาวน้อยพึมพำกับตัวเอง ความไม่พอชอบใจในตัวคนแปลกหน้ามีไม่น้อยไปกว่าความเขินและอับอายเลยเดินก้มหน้างุดๆ กระทั่งได้ยินเสียงเรียก
“ลูกปัดมาแล้วเหรอ”
“อ้าว คุณแม่เสร็จธุระแล้วเหรอคะ”
ปัทมณฑ์กลับมาถึงโต๊ะก็พบว่าแม่เลี้ยงสุภาวินีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่พี่ๆ สาวๆ หายหน้ากันไปหมด
สุภาวินียิ้มหวาน วันนี้เธอรักลูกเลี้ยงคนนี้มากเป็นพิเศษจากเงินก้อนใหญ่ที่เพิ่งได้รับมาสดๆ ร้อนๆ นอนอุ่นๆ รอเธออยู่ก้นกระเป๋า
“แล้วพวกพี่ดาวพี่ทิพล่ะคะ”
“พวกนั้นไปฟังเพลงด้านโน้นแน่ะไปไหนมาล่ะเรา แม่ว่าจะกลับแล้ว เราล่ะจะอยู่เที่ยวต่อไป มีดนตรีเพราะๆ อยู่ด้านโน้นอยากไปหรือเปล่า”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ลูกปัดกลับพร้อมคุณแม่เลยก็ได้”
สาวน้อยปฏิเสธเพราะเธอได้มีโอกาสเดินดูรอบๆ แล้ว ห้องฟังเพลงที่ว่าก็เหมือนผับบาร์ที่เคยเห็นในทีวี บรรยากาศในนั้นสลัวๆ มีแต่กลิ่นเหล้าบุหรี่เต็มไปหมดจนเธอหายใจไม่ออกเลยขอมานั่งข้างนอกแทน
“งั้นก็ดี อ่ำ ยอด พาลูกปัดไปรอฉันที่รถก่อน เดี๋ยวฉันตามไป” สุภาวินีเหลือบมองคนสนิททั้งสอง ดวงตาที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางยี่ห้อดังจนงดงามมองลูกน้องทั้งสองอย่างมีความหมาย
อ่ำกับยอดมองตากันแล้วลอบยิ้ม
“ไปหนูลูกปัดลุงจะพาไปรอแม่เลี้ยงที่รถ” อ่ำบอกเสียงนุ่ม
ปัทมณฑ์ลุกตามชายทั้งสองคนไปโดยไม่พูดอะไรอีก จึงไม่ได้เห็นดวงตาวาววามของแม่เลี้ยงที่เธอเคารพรักประดุจแม่แท้ๆ
สาวน้อยเดินเงียบๆ แต่ในใจกำลังคิดว่า ต่อไปถ้าถูกชวนออกมาเที่ยวแบบนี้คงไม่มาอีกแล้ว ตอนแรกก็รู้สึกตื่นเต้นดีอยู่หรอก แต่ไปๆ มาๆ ปัทมณฑ์สังเกตว่า มีแต่ผู้หญิงผู้ชายจับกลุ่มกันบ้าง นั่งพูดคุยกันบ้างเป็นคู่ๆ ในมุมที่ถูกจัดไว้เป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวจนไม่น่าจะเป็นที่เที่ยวเลย ส่วนใหญ่ฝ่ายผู้หญิงจะอายุน้อยกว่า ขณะที่ผู้ชายนั้นรุ่นคุณลุงคุณน้ากันทั้งนั้น และไม่ใช่แค่นั่งพูดคุยกันเฉยๆ แต่มือไม้ของแต่ละคนกลับเลื่อนลูบไปตามเนื้อตัวอีกฝ่ายอย่างไม่มีใครอายใคร
เท้าเรียวบางชะงักเมื่อรถที่จอดอยู่ตรงหน้าไม่ใช่รถที่มาจากโรงแรมที่พักของแม่เลี้ยงสุภาวินี
“เปลี่ยนรถเหรอคะลุงอ่ำ”
“อืม มาเถอะ” อ่ำเรียก ยอดเป็นคนรุนหลังให้สาวน้อยก้าวเดิน
รถซีอาร์วีสีดำคันใหญ่ไม่คุ้นตา แต่เมื่อประตูด้านหลังเปิดออกโดยฝีมืออ่ำ ปัทมณฑ์ก็ก้าวขึ้นไปอย่างไม่ได้คิดชะล่าใจ กระทั่งเงยหน้ามองเห็นบุคคลที่นั่งรออยู่ในรถก่อนแล้วนั่นแหละ
“คุณ!”
ผู้ชายไร้มารยาทคนนั้น...
สายเกินกว่าจะทันคิด รถคันดังกล่าวเคลื่อนออกจากที่ สาวน้อยหน้าตื่นหันกลับมาทางประตูทั้งดึงและผลักแต่ประตูก็เปิดไม่ออก ไฟในรถสว่างขึ้น
“นี่มันอะไรกัน ลุงอ่ำ น้ายอด ช่วยลูกปัดด้วย” ปัทมณฑ์ร้องลั่นคันรถ มองกลับไปด้านหลังที่คนทั้งสองยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือเล็กๆ ยิ่งทุบประตูหนักขึ้นหลังจากที่เปิดยังไงก็เปิดไม่ออก
“อย่าเสียเวลาเลยน่าสาวน้อย นับแต่นี้ไปเธอต้องไปกับฉัน”