ถงหลานเฟยระวังคำพูดหน่อย / 4

1406 Words
หลังจากถงหลานเฟยกลับไปแล้ว เขาก็จัดการเก็บหนังสือสัญญาเข้าที่ และตรวจดูสินทรัพย์ค้ำประกันที่ยึดมาได้ ว่ามีอาคารอย่างที่ลูกหนี้คนใหม่ต้องการหรือไม่ แม้ว่าเขาจะอยากได้ผลตอบแทนจากสตรีผู้นั้น แต่ก็ยินดีเป็นธุระช่วยเหลือนางทำธุรกิจอย่างที่ตั้งใจ เพราะคิดเอาไว้ว่าคงจะไปไม่รอด “เถ้าแก่เจ้าคะ นายทหารโม่ตี้มาขอพบท่านเจ้าค่ะ” เสียงคนงานในร้านบอก เขาเก็บกองกระดาษที่กำลังดูกลับใส่หีบไม้ก่อนจะหันไปพยักหน้าตอบรับสาวใช้ หีบเก็บเอกสารถูกยกกลับไปเก็บเข้าที่เดิม ก่อนที่เหอโม่ตี้จะเดินเข้ามาในห้องทำงาน “เชิญนั่งเถิดท่าน” เมื่อแขกเดินเข้ามาถึง เถ้าแก่หยางก็ผายมือเชื้อเชิญ เขารู้สึกว่าช่วงนี้คนชั้นสูงและขุนนางดูจะแวะเวียนเข้ามาในร้านของเขามากผิดปกติ เศรษฐกิจย่ำแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ ทั้งที่แคว้นก็เพิ่งจะได้รับชัยชนะจากสงครามมามิใช่หรือ “ยุ่งอยู่หรือไม่ ข้ามีเรื่องอยากสอบถามเจ้าสักหน่อย” เหอโม่ตี้เอ่ยถาม เขาไม่ได้ที่นี่เพื่อกู้เงิน แต่เพราะได้รับคำสั่งจากเจ้านาย ให้มาสืบเรื่องที่หนิงเซียงเห็นถงหลานเฟยปรากฏตัวแถวนี้ เจินฮุ่ยหมิงยังไม่ได้เชื่อสนิทว่าตามคำพูดของคู่หมั้นตัวเอง “ข้ายุ่งตลอดทั้งวันนั่นแหละท่านอา ท่านก็รู้ว่าเศรษฐกิจในช่วงสงครามย่ำแย่ขนาดไหน คนเข้าออกร้านข้าวันหนึ่งมากมายนัก” แม้ไม่ได้เป็นสายเลือดเดียวกัน แต่หยางซ่งไห่ก็นับถือเหอโม่ตี้ในฐานะสหายรุ่นน้องของบิดา “งั้นข้าขอรบกวนเวลาเจ้าสักนิดได้หรือไม่” บุรุษผู้อายุน้อยกว่าพยักหน้ารับ เขาคิดเอาไว้ในหัวแล้วว่าธุระของเหอโม่ตี้ ต้องเกี่ยวกับลูกค้าคนล่าสุดของเขาแน่ๆ เพราะหยางซ่งไห่รู้มาว่าเหอโม่ตี้ผู้นี้ทำงานให้กับแม่ทัพเจินมาสักระยะแล้ว “คุณหนูถงคู่หมั้นของแม่ทัพเจินได้มากู้เงินที่ร้านเจ้าหรือไม่” เป็นดั่งที่คาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด หยางซ่งไห่นิ่งไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกหนักใจไม่น้อยกับการตอบคำถามนี้ ใจหนึ่งก็ไม่อยากโกหก แต่ก็ดันรับปากกับถงหลานเฟยไปแล้วว่าจะไม่บอกใคร “ตระกูลเจินมั่งคั่งออกขนาดนั้น ฮุ่ยหมิงก็ได้เป็นถึงแม่ทัพหลวง แถมยังเพิ่งได้ชัยชนะมาหมาดๆ ท่านอาอี้หานก็เป็นขุนนางยศใหญ่ เหตุใดจะปล่อยให้แม่นางถงเดือดร้อนเรื่องเงินทอง จนต้องมาหากู้เงินกับข้าเชียวเล่า” แทนที่จะให้คำตอบ แต่เถ้าแก่เงินกู้อายุน้อยกลับทำเฉไฉตอบด้วยคำถามเสียอย่างนั้น “มีคนเห็นนางแถวหน้าร้านของเจ้า แม่ทัพเจินกลัวว่านางจะติดขัดเรื่องเงินทอง แล้วไม่กล้าบอก คุณหนูถงขี้เกรงใจ แม้จะเป็นคู่หมั้นก็ไม่เคยเรียกร้องขออะไรจากท่านแม่ทัพเลย แถมข้ายังได้ยินมาว่านางจะขอถอนหมั้น ท่านแม่ทัพคงกังวลเรื่องนี้ด้วย” ข้อสงสัยของหยางซ่งไห่พลันคลี่คลายทันที เหตุผลที่ถงหลานเฟยอยากทำธุรกิจคงจะเพราะเรื่องนี้เป็นแน่ เช่นนั้นก็น่าเห็นใจ เขาเองก็พอจะเคยได้ยินเรื่องรักสามเส้าของแม่ทัพเจินกับคู่หมั้น และคนรักสาวชาวบ้านที่พากลับมาจากชายแดนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาขนาดว่า คู่หมั้นพระราชทานที่เป็นคนชั้นสูงจะเป็นฝ่ายถอยออกมาจากความสัมพันธ์นี้ “ข้ารู้มาว่านางเป็นคู่หมั้นที่ฮ่องเต้แต่งตั้งให้ฮุ่ยหมิง จากการชนะสงครามมามิใช่หรือ” “ก็ใช่” “แล้วแบบนี้จะถอนหมั้นกันง่ายๆ ได้อย่างไร” หากรู้กฎของวังหลวง ก็จะรู้กันดีว่าการหมั้นของสองคนนี้ไม่ใช่การหมั้นทั่วไป ที่จะตัดสินใจอะไรตามอำเภอใจได้เอง หากไม่ผ่านการตัดสินใจของฮ่องเต้ ต้องมีปัญหาตามมาแน่ “ก็คงไม่ง่ายหรอก ทางเดียวคือต้องถวายฎีกายื่นเรื่องขอถอนหมั้นกับฮ่องเต้เสียก่อน หากท่านประทานอนุญาต แล้วมอบราชฎีกาให้ยกเลิกการหมั้น ทั้งคู่ถึงจะถอนหมั้นกันโดยสมบูรณ์” แม้ว่าหยางซ่งไห่จะมิได้เป็นขุนนางดั่งเช่นคนอื่นในครอบครัว แต่เขาก็พอจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่สักพัก เหอโม่ตี้ก็แยกกลับไปพร้อมกับคำตอบจากหยางซ่งไห่ ครั้งนี้เขาเลือกที่จะโกหกเพื่อช่วยลูกค้าของตนเอง แม้จะรู้ว่าหากความจริงถูกเปิดเผย อาจจะต้องผิดใจกับแม่ทัพเจินก็ตาม ทั้งคู่เคยเห็นสหายกันสมัยที่เรียนหนังสือ แต่เจินฮุ่ยหมิงมีความสามารถด้านการต่อสู้ เขาจึงเลือกเดินทางสู่การเป็นทหาร และเลื่อนขั้นสู่ตำแหน่งแม่ทัพด้วยฝีมือและเส้นสายโลหิตที่มีร่วมกับฮ่องเต้ ถึงจะเป็นที่รู้กัน แต่ก็ไม่มีใครคัดค้านได้ เพราะหากตัดเรื่องสายเลือดออกไป เจินฮุ่ยหมิงก็ยังมีฝีมือการต่อสู้ชั้นยอดที่เป็นที่ยอมรับอยู่ดี ส่วนหยางซ่งไห่นั้น เขาไม่ชื่นชอบระบบขุนนางมาแต่ไหนแต่ไร และชื่นชอบการค้ามากกว่า ผนวกกับมีความสามารถเรื่องการบัญชีจากการช่วยบิดาทำงาน จึงได้นำเอาความรู้มาต่อยอดทำธุรกิจของตัวเอง ในช่วงแรกนั้นเขาถูกครหาจากคนในครอบครัวอย่างหนัก ว่าเป็นถึงลูกบุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมพระคลัง แต่กลับเลือกทำร้านเงินกู้ ที่ไม่รู้ว่าจะหากำไรอย่างไรได้ เขาใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองอยู่หลายปี กว่าจะแข่งขันและไต่เต้าขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นได้ และยังได้รับการยอมรับจากครอบครัวในที่สุด และด้วยไฟในการทำงานของเขามันลุกโชติช่วงเสียจนไม่แบ่งใจให้กับอะไรทั้งสิ้น หยางซ่งไห่ผู้นี้จึงยังครองตัวเป็นโสด ทั้งที่ร่ำรวย หน้าตาดี และมีชาติตระกูล เขาเติบโตมาใสครอบครัวที่บิดามีภรรยาหลายคน เพียงเพื่อจะอวดคนอื่นว่าร่ำรวย เขาต้องทนดูมารดาเศร้าใจจากการถูกแบ่งความรักให้หญิงอื่น ภาพเหล่านั้นทำให้หยางซ่งไห่ผู้นี้เข้าไม่ถึงคำว่าความรัก และยิ่งห่างจากมันออกมาทุกที เมื่อได้มีความสุขอยู่กับการทำงาน คนเจ้าแผนการกลับมาที่เรือนของตัวเองได้ทันเวลา ก่อนที่ชุนเหยียนจะช่วยงานที่จวนเสร็จ เมื่อกลับมาถึงถงหลานเฟยก็รีบเปลี่ยนผ้ากลับไปสวมชุดเดิมแล้วทำทีนอนซมกลับไปบนเตียงดั่งเช่นก่อนที่จะออกไปจากจวน โชคดีที่บ่าวส่วนใหญ่พากันไปช่วยเจินลี่หลัวเตรียมงาน ทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าถงหลานเฟยหนีออกจากจวนไปที่ตลาด “เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณหนู ดีขึ้นบ้างหรือยัง” หญิงชราทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างเตียง พลางเอ่ยถามคนแกล้งป่วยที่ทำทีเป็นนอนซึมด้วยน้ำเสียงแสนห่วงใย “ดีขึ้นมาแล้วล่ะ ท่านช่วยงานพี่ลี่หลัวเสร็จแล้วหรือ” หญิงสาวผู้เป็นนายว่าพลังขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แม้ว่าเธอจะกลับมาถึงก่อนชุนเหยียน แต่ก็ถือว่าชุนเหยียนกลับมาเร็วกว่าที่คำนวณไว้มาก เพราะเห็นว่างานที่จะจัดนั้นใหญ่โต ของที่เตรียมก็น่าจะเยอะด้วย แต่เวลาในการทำงานนั้นดูสั้นจนน่าประหลาดใจ “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูลี่หลัวให้ชุนเหยียนช่วยจัดแค่ผงชาที่จะเตรียมไว้ชงในงานเท่านั้น ส่วนงานอื่นๆ มีคนช่วยหลายคนแล้วเจ้าค่ะ เพราะบ่าวจากในวังก็ถูกส่งมาช่วยด้วย ชุนเหยียนแก่แล้วอยู่ไปก็จะกลายเป็นเกะกะคนอื่นมากกว่าเจ้าค่ะ” หญิงชราว่าพลางหยิบเอายาที่เจินลี่หลัวฝากมาให้คุณหนูของตนออกมาวาง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD