จริงหรือฝัน

742 Words
อีกด้านหนึ่ง “นี่อิ้งหร่วน หย่งฉือนี่อายุเท่าไหร่หรือ” “ปีนี้ก็เข้ายี่สิบเอ็ดปี ทำไมหรือ? อย่าบอกนะว่าเจ้าแอบชอบพี่หย่งฉือ?” “เปล่าสักหน่อย ฉันเห็นเค้าหน้าตาดี บ้านเธอนี่หน้าตาดีกันทุกคนเลยหรือเปล่า” “อืม…จะว่าอย่างนั้นก็ได้” แขยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่แม้จะปฏิเสธสักนิด ซ่งอิ้งหร่วนเอ่ยต่อ “แต่เจ้าอย่าหวังเลยนะ หย่งฉือมีคนที่รักแล้วนะ เจ้าจะเสียใจเสียเปล่าๆ หากแอบมีใจให้เขา” “แหม หน้าตาดีขนาดนี้ ไม่มีคนรักก็บ้าแล้วแหละ” แขเอ่ยขึ้นมาเสียไม่ได้ ซ่งอิ้งหร่วนยิ้มพลางเอ่ย “แต่ที่ข้าว่าหล่อกว่าพี่หย่งฉือก็พี่ใหญ่นี่แหละ เจ้าว่าอย่างนั้นไหม?” แขได้แต่ยิ้มๆ “ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่หรือ?” ซ่งอิ้งหร่วนอดที่จะถามไม่ได้ “จะยี่สิบหน้าปีแล้วแหละ” “ยี่สิบห้า? ข้านึกว่าเจ้าอายุพอๆ กับข้าเสียอีก” “แล้วเธออายุเท่าไหร่หรือ?” “ข้าเพิ่งจะย่างเข้าสิบแปดปีเท่านั้นเอง ส่วนพี่ใหญ่อีกไม่กี่เดือนก็ยี่สิบเจ็ดเต็มแต่ว่าไปแล้วเจ้ากับพี่ใหญ่ข้าก็อายุไล่เลี่ยกันนะ” “สิบแปด?” ซ่งอิ้งหร่วนพยักหน้า “อีกไม่นานก็ต้องออกเรือนแล้ว” แขเข้าใจคำว่าออกเรือนจึงเอ่ยปากพูดออกมา “เร็วจังเลยนะ คนที่บ้านฉันนะบางคนสามสิบกว่ายังไม่แต่งเลยนะ ชีวิตโสดช่างมีสีสัน” “เจ้าพูดเช่นนี้แสดงว่าเจ้ายังมิมีคนรักใช่หรือไม่” แขได้แต่ยิ้มๆ และเอ่ยตอบอย่างมีความสุข “ฉันถือคติ โสดอย่างกล้าหาญ ขึ้นคานอย่างมีศักดิ์ศรีจ๊ะ” “เจ้านี่คำพูดคำจาแปลกๆ นะ แต่ข้าชอบ” “ชอบใช่ไหมล่ะ จริงๆ ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนักหรอก จำคนอื่นเขามาทั้งนั้น ไม่ว่าจากเพื่อนหรือศิษย์ของฉันนะ” “จริงรึ? ถ้าเช่นนั้น เจ้าสอนข้าได้หรือไม่” “ได้ ไม่มีปัญหา แต่มีข้อแม้นะ” “เจ้าต้องการอะไร หากข้าหาให้เจ้าได้ อย่าย่อมยินดีแน่นอน” “ฉันไม่ต้องการอะไรหรอก เพียงต้องการให้เธอแนะนำวิธีอาศัยอยู่ที่นี่นะ เผื่อหาหนทางกลับบ้านไม่ได้จะไม่ลำบาก” “ก็จริงของเจ้า ข้าจะสอนให้แต่อย่างแรกอาจจะแนะนำการพูดสักนิดนึงดีหรือไม่เพื่อให้เจ้าไม่ถูกมองว่าเป็นคนต่างถิ่น” “ฉันจะพยายามแล้วกัน” ทั้งสองคุยกันสักพักใหญ่ ซ่งอิ้งหร่วนก็ขอตัวกลับเรือนของตนเอง ปล่อยให้แขอยู่ในห้องเพียงลำพังแม้นางจะให้เพ่ยเพ่ยอยู่เป็นเพื่อนทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอม ดึกคืนนั้น หลังจากที่ทุกคนกลับไปยังจวนของตนเอง แขก็หาวิธีว่าตนจะใช้ชีวิตที่นี่อย่างไร ถ้าหากตนต้องติดอยู่ในโลกของจินตนาการที่มีผู้อื่นปั้นเสกออกมา “เฮ้อ! หรือว่าที่นี่มันมีจริง หรือไม่มีจริง โอ้ย ปวดหัว ยิ่งคิดยิ่งปวดสมอง ช่างมันเถอะ ถ้าไม่ได้กลับ คิดสิคิด จะทำยังไง” เธอยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด เดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวจะร้องไห้ จวบจนผ่านระยะเวลาไปสักพัก สายตาของแขก็เริ่มหนักอึ้ง และก็ค่อยๆ หลับลงในที่สุด และไม่นานเงาตะคุ่มที่อยู่ใกล้จวนรับรองก็ค่อยๆ เลือนหายไปเช่นกัน เช้าวันต่อมา “แม่นางเยว่ชิง ตื่นเถิดเจ้าค่ะ เช้ามากแล้ว” เสวี่ยเจวียน สาวใช้ของซ่งอิ้งหร่วนได้มาปลุกแขให้ลุกขึ้นจากเตียงนอน “อืม” “ตื่นเถิดเจ้าค่ะ” “โอ้ย!! จะนอน” แขตะโกนออกมา เพราะเธอเริ่มหงุดหงิด เมื่อมีใครมาปลุกตนในช่วงเวลาที่หลับสบาย แต่เสียงตะโกนนี้ทำให้เสวี่ยเจวียน ตกใจเป็นอย่างมาก เธอจึงออกจากเรือนรับรองและไปรายงาน ซ่งอิ้งหร่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้น “อืม ข้ารู้แล้ว ปล่อยให้นางนอนไปก่อนเถอะ สัก 2 ชั่วยามค่อยไปปลุกอีกครั้งหนึ่งแล้วกันนะ” ซ่งอิ้งหร่วนเอ่ยกับเสวี่ยเจียน สาวใช้ประจำกาย ต่อจากนั้นก็ออกไปยังโรงครัว เพื่อสั่งแม่ครัวเตรียมอาหารเช้าเพื่อรอต้อนรับท่านพ่อ ท่านแม่ และอี้เหนียงที่จะกลับมายังจวน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD