ข้านี่แหละฮูหยินรสแซ่บ
บทที่ 3
ให้ดูแต่ไม่ให้จับ
จวนตระกูลหนิงและจวนตระกูลสวี ต่างประดับดาด้วยผ้าสีแดง นั่นเพราะกำลังจะมีงานมงคลของทั้งสองตระกูลเกิดขึ้น
หนิงเจียวถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาแต่งตัวรอตั้งแต่เช้าตรู่ นางยังคงรู้สึกงัวเงียและง่วงนอนเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองต่างช่วยกันตระเตรียมชุดแต่งงานให้หนิงเจียว อีกทั้งยังช่วยผลัดแป้งแต่งหน้าให้นางอีกด้วย
หนิงเจียวในวัยสิบแปดปี ใบหน้าดูงดงามอ่อนหวาน ดวงตาเรียวระหง พวงแก้มสีชมพูอ่อน ริมฝีปากแดงระเรื่อ ช่างดูงดงามชวนหลงใหลสมกับสาววัยแรกแย้ม นางมีอายุน้อยกว่าหนิงเซียนเพียงหนึ่งปี ท่านแม่ใหญ่บอกกับนางว่า เพราะสวีจิ้งเทียนต้องไปทำศึกที่ชายแดน ทำให้รอเวลาเรื่อยมาต้องเลื่อนงานแต่งงาน จนกระทั่งหนิงเซียนมีอายุสิบเก้าปี
ราชเลขาหนิงซานรักลูกสาวทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่เคยเร่งรัดให้บุตรสาวทั้งสองต้องรีบออกเรือนแต่งงาน ตระกูลหนิงร่ำรวยมหาศาล และเขาเองก็ไม่ได้หัวโบราณจนเกินไป จึงคิดว่าหากลูกสาวไร้สามี อย่างไรเสียสมบัติที่เขามีก็สามารถเลี้ยงดูพวกนางไปจนแก่เฒ่าได้
เพิ่งจะข้ามเวลามาเกิดใหม่ ก็ถูกจับให้แต่งงานเสียแล้ว ช่วงซวยซ้ำซวยซ้อนเสียจริง แม้แต่เจ้าบ่าวก็ยังไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ
หนิงเจียวในชุดแต่งงานสีแดงงามตา ลอบถอนหายใจอย่างโศกเศร้า
"คุณชายใหญ่สวีจิ้งเทียนมาถึงแล้วขอรับ"
ฮูหยินใหญ่จับมือหนิงเจียวเอาไว้ ก่อนจะพานางเดินออกไป ฮูหยินรองผู้เป็นมารดาเดินขนาบข้างนางอยู่อีกฝั่งหนึ่ง พากันส่งตัวเจ้าสาวแก่เจ้าบ่าวที่มารอรับ
"จำคำที่แม่ใหญ่สอนเอาไว้ให้ดีเล่า เจ้าต้องปรนนิบัติสามีให้ดี อย่าให้ขาดตกบกพร่อง หาเวลาอ่านหนังสือสราญรมย์ที่แม่ใหญ่มอบให้เจ้าด้วยนะ"
หนิงเจียวพยักหน้าแสร้งทำเป็นเขินอาย อยู่ในโลกโบราณเช่นนี้ นางต้องแสร้งทำเป็นสตรีงดงามอ่อนช้อยไว้ก่อน จะได้เป็นที่เอ็นดูต่อผู้พบเห็น
หนิงเจียวพลันนึกถึงหนังสือสราญรมย์ที่แม่ใหญ่ให้มา ก็รู้สึกขบขันไม่น้อย หนังสือร่วมรักของยุคโบราณ มีเพียงภาพวาดไร้ซึ่งการบรรยายอย่างละเอียด แต่ก็ให้ความรู้สึกวาบหวิวยามที่ได้มองดูภาพเหล่านั้น
"เจียวเอ๋อร์ หากเจ้าลำบากขัดสน ก็ให้ไป๋เฉียนมาแจ้งต่อแม่ จวนเรามีเงินมหาศาล เจ้าต้องการเท่าใดต้องรีบบอกแม่นะลูก"
"เจ้าค่ะ ท่านแม่"
ฮูหยินรองส่ง ไป๋เฉียน สาวใช้น้อยข้างกายมาคอยรับใช้นาง เมื่อนางแต่งออกไปจะได้มีคนที่ไว้ใจได้คอยใช้งาน ไป๋เฉียนเป็นสาวน้อยอายุสิบเจ็ดปี ฮูหยินรองยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ร่วงพราวลงมาหยดแล้วหยดเล่า นางเป็นห่วงหนิงเจียวเหลือเกิน บุตรสาวของนางผู้นี้แต่เดิมก็ไม่ค่อยจะสู้รบตบตีกับผู้ใด นางเพียงแต่ชอบสวีจิ้งเทียนจึงมีปากเสียงและด่าทอกับหนิงเซียนเป็นบางครั้ง แต่ไม่เคยลงไม้ลงมือกันเลย
สวีจิ้งเทียนที่ลงมาจากหลังม้า เขากำลังยืนมองสตรีที่มีผ้าสีแดงปิดบังใบหน้าเอาไว้ด้วยสายตาเย็นชา
เขาเดินเข้าไปรับนางด้วยตนเอง ฮูหยินใหญ่ส่งมือของหนิงเจียวให้แก่สวีจิ้งเทียน เขารับมันมา ก่อนจะคารวะฮูหยินใหญ่ และพานางออกไปนั่งภายในเกี้ยวเจ้าสาว
สวีจิ้งเทียนบีบมือของหนิงเจียวจนนางสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดแต่ยังคงเก็บอาการเอาไว้ ไม่แสดงออกมา
เกี้ยวเจ้าสาวเดินทางมาถึงจวนตระกูลสวีอย่างสมเกียรติ สินเดิมก็มากมายนับไม่ถ้วน
สวีจิ้งเทียนยื่นมือมารับหนิงเจียวให้เดินเข้าไปภายในจวนตระกูลสวีพร้อมกัน
"เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว"
และนั่นเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นหน้าสามีของนาง
ใบหน้าคมสันแต่แฝงไว้ด้วยความดุดันและเย็นชา ดวงตาเรียวงามคู่นั้นมองนางด้วยสายตาดูถูกไร้ความรักใคร่ที่สามีพึงมีต่อภรรยาอันเป็นที่รัก สวีจิ้งเทียนมองนางด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
แต่จะว่าไปแล้วเขาก็หล่อโดนใจยังพอให้อภัยได้บ้าง!!!
ถึงแม้ใบหน้าของนางจะอัมพาตไร้ความรู้สึกและไม่สามารถแสดงออกผ่านทางสีหน้าได้ แต่ในใจของนางกำลังกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
หล่อ!!!!โหด!!!สเป็ค
พิธีคำนับฟ้าดินผ่านไปได้ด้วยดี ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลสวีรวมถึงแม่สามีก็ดีต่อหนิงเจียวไม่น้อย ยิ่งได้รู้ว่านางป่วยเป็นอัมพาตที่ใบหน้าก็ยิ่งสงสารจับใจ
หนิงเจียวเดินเข้ามานั่งรอในห้องหอ นางรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย แม้จะเคยผ่านการแต่งงานมาครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม
นางมองสวีจิ้งเทียนที่เดินเข้ามา เขาสะบัดมือไล่สาวใช้ออกไปจนหมด ก่อนจะปรายตามองมาที่นาง
มองทำไมคะสุดหล่อ?
"เจ้านี่ช่างเสแสร้งเก่งเสียจริง เหมือนพี่สาวเจ้าไม่มีผิด งูพิษทั้งคู่!!!"
หนิงเจียวมองสวีจิ้งเทียนด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่ใจกำลังลอบก่นด่าเขา
ปากคอเราะร้ายไม่เบา!!!
"เหตุใดจึงยังนิ่งเฉยอยู่เล่า อ้อ!!ข้าลืมไป เจ้าเป็นอัมพาตที่ใบหน้า เป็นผลจากโรคกรรมเก่า ความชั่วร้ายจากพี่สาวสู่น้องสาว โรคของสตรีจิตใจวิปริต!!!"
เหตุใดจึงปากร้ายเช่นนี้ นางไปทำอะไรให้เขาโกธรเกลียดนักหนากันนะ?
"หากไม่อยากแต่งงานกับข้า เหตุใดจึงไม่ปฏิเสธเล่าเจ้าคะ?"
สวีจิ้งเทียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ ก่อนจะเดินเข้าไปจับไหล่นางเอาไว้แน่น
"เจ็บเจ้าค่ะ"
"แต่หน้าเจ้ามันบอกว่าไม่เจ็บ!!!"
หน้าเป็นอัมพาตค่ะสุดหล่อ มันตึงไปหมดขยับหน้าไม่ได้ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอคะ?
"หน้าข้าเป็นอัมพาตเจ้าค่ะ"
สวีจิ้งเทียนผลักหนิงเจียวลงไปบนเตียงอย่างรุนแรง
"เห็นหน้าแล้วเสียอารมณ์ โชคของข้าช่างไม่ดีเสียจริง ที่ต้องแต่งภรรยาหน้าเป็นอัมพาตไร้ความรู้สึกเช่นนี้!!!"
เขาสะบัดชายเสื้อเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองหนิงเจียวอีก นางถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกที่รันทดในใจไม่น้อย
แต่งงานกับคนที่เขาเกลียดนางจนเข้ากระดูกดำ ชีวิตมันจะไปมีความสุขได้เช่นไรกัน
หลังจากที่ส่งแขกเหรื่อกลับไปจนหมดแล้ว สวีจิ้งเทียนก็กลับเข้ามาในห้อง ก่อนจะพบว่าหนิงเจียว ได้เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดนอนเสียแล้ว นางนอนหลับส่งเสียงกรนจนดังลั่น เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากนางให้ลุกขึ้นมา
หนิงเจียวที่กำลังนอนหลับสบาย พลันลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียเพราะถูกปลุก ก่อนจะพบว่าสวีจิ้งเทียนกำลังยืนจ้องนางอยู่อย่างไม่ละสายตา
หึ!!!นางไม่หลงความหล่อของเขาแล้ว หล่อแต่นิสัยเฮงซวย!!!
"หลับก่อนข้าได้อย่างไร สตรีไร้มรรยาท!!!"
"ท่านพูดดีดีไม่เป็นหรือเจ้าคะ?"
"ข้าจะพูดดีดีกับคนที่ควรพูดเท่านั้น ยกเว้นสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า!!"
หนิงเจียวลอบสบถในใจ สวีจิ้งเทียนผู้นี้เกิดมาเพื่อด่านางหรืออย่างไรกัน เป็นเครื่องด่าอัตโนมัติกลับชาติมาเกิดหรืออย่างไร!!!!
"ไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวนอนต่อนะเจ้าคะ"
"ไม่ได้!!!"
หนิงเจียวจ้องสวีจิ้งเทียนด้วยแววตาไร้ความรู้สึก ก่อนที่ใจของนางจะเต้นรัวเร็วเมื่อสวีจิ้งเทียนกำลังถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ยืนตัวเปลือยเปล่าต่อหน้านาง
อุ๊ยยย!!!ใหญ่มาก
ไม่ใช่สิ!!!
"ท่านถอดอาภรณ์ให้ข้าดูทำไมเจ้าคะ?"
"หึ สตรีพิการทั้งกายใจเช่นเจ้าไม่คู่ควรที่จะได้ดูของสงวนตรงนี้ของข้าด้วยซ้ำ ถือว่าข้ายังมีความปรานีหลงเหลือต่อเจ้าบ้าง!!ข้าจะให้เจ้าได้ดู แต่ไม่มีวันที่จะได้สัมผัสมัน!!!"
หนิงเจียวมองดูแท่งสวรรค์ของสวีจิ้งเทียนที่ชูปลายด้ามชี้โด่เด่มาที่หน้าของนางด้วยใจที่เต้นระรัว นึกขอบคุณที่ใบหน้าเป็นอัมพาตตอนนี้ ทำให้เขามองไม่ออกว่านางรู้สึกเสียวซ่านเพียงใด
สวีจิ้งเทียนใช้มือลูบไล้แท่งมังกรผงาดของเขาไปมาคล้ายกับจะยั่วยวนหนิงเจียว เขาค่อยๆรูดลำแท่งขึ้นลงช้าๆ ช้าๆ ก่อนจะถี่รัวเร็วขึ้น
"อ่าห์!!โอววว"
หนิงเจียวอยากจะตะโกนบอกสวีจิ้งเทียนว่าหยุดเถิด แต่อีกใจหนึ่งนางก็ยังอยากดูเขารูดลำแท่งสวรรค์นั้นจนเสร็จ
"โอววว หนิงเจียว เจ้าคงกำลังร้อนรนสินะ ซี๊ดดดด!!!อ่าห์!!!ดูเอาไว้ แต่เจ้าจะไม่มีวันได้ครอบครองมัน!!อ่าห์"
สวีจิ้งเทียนยกขาข้างหนึ่งยันเตียงเอาไว้ และเริ่มขยับลำแท่งของเขาถี่รัวเร็วขึ้น เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นมาที่ใบหน้าของเขาอีกครั้ง ลมหายใจถี่ระรัวด้วยความเสียวซ่าน ยิ่งได้มองใบหน้าไร้อารมณ์ของนางยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง น้ำขาวขุ่นชวนน่าลิ้มลองกำลังล้นทะลักออกมาจากแท่งมังกรผงาดของสวีจิ้งเทียน พุ่งตรงมาที่หนิงเจียว นางรีบเบี่ยงตัวหลบ ทำให้สายน้ำแห่งความสุขสมของสวีจิ้งเทียนสาดกระเด็นไปบนผ้าปูที่นอนจนเลอะเทอะไปหมด
โอว มาย ก็อดดดดด!!!นี่ข้าแต่งงานกับสามีจิตไม่ปกติ ชอบช่วยตนเองให้ภรรยาดูเช่นนั้นหรือ?
สวีจิ้งเทียนทิ้งตัวนั่งลงเอนกายพิงหัวเตียงด้วยความเสียวซ่านที่สุขสมอารมณ์หมาย ก่อนจะมองหนิงเจียวที่นั่งเป็นรูปปั้นไร้ความรู้สึกอยู่ที่ปลายเตียง
"ข้าจะทำให้เจ้าดูทุกวัน ให้เจ้าทนไม่ได้และประสาทเสียจนตายไปเอง!!!"
จิตใจช่างอำมหิตยิ่งนัก แต่นางจะไม่ยอมตายง่ายๆหรอก นางจะรอดูของเขาทุกวัน!!!
"ไม่น่าเชื่อนะเจ้าคะว่าท่านจะเป็นคนติดมือเช่นนี้?"
"ติดมือ?เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"
หึ!!!รูดขึ้นรูดลงระดับเทพขนาดนั้นยังกล้ามาถามนางว่าติดมือคืออะไร!!!
"ท่านทำเช่นนี้บ่อยหรือเจ้าคะ?"
"เจ้าถามทำไม?"
"ระวังสุขภาพด้วยนะเจ้าคะ ข้าเตือนด้วยความหวังดี!!"
"นี่เจ้าไม่กระดากอายบ้างหรือ?!!!"
"ถามตัวท่านเองเถิดเจ้าคะ รูดขึ้นรูดลงต่อหน้าข้าเช่นนี้ ท่านไม่อายบ้างหรือ?"
สวีจิ้งเทียนเม้มริมฝีปากแน่น มองหนิงเจียวด้วยสายตาเกลียดชัง
"หน้าด้านหน้าทนยิ่งนัก คงสมใจเจ้าแล้วสินะที่ได้เห็นแท่งหยกมังกรผงาดของข้า!!!"
สวีจิ้งเทียนเอ่ยพลางอ้าขาให้กว้างมากขึ้นเพื่อยั่วยวนหนิงเจียว
ดูสิ!!ดูให้เต็มตาเสียหนิงเจียวเอ๋ย!!!
หนิงเจียวร่างสองกำลังแลบลิ้นเลียริมฝีปากบางอย่างหิวกระหาย เพราะอยากดูดดื่มกับความหอมหวานของแท่งหยกมังกรผงาดของสามีตนเอง
"เจ้าคะ ใหญ่ยาวดี ข้าชอบมากเจ้าค่ะ"
หนิงเจียวเอ่ยด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก จนสวีจิ้งเทียนต้องรีบลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมตัวนอกมาสวมใส่
"ชอบมากแค่ไหน!!ข้าก็จะให้เจ้าทรมาณ เพราะไม่มีทางได้สัมผัสลูบไล้มันแม้เพียงนิด!!!"
ยามเช้าหลังจากที่คำนับฮูหยินผู้เฒ่า และเหล่าพ่อแม่สามีแล้ว สวีจิ้งเทียนกับหนิงเจียวก็กลับมารับสำรับเช้าที่เรือนของตนเอง
สวีจิ้งเทียนใช้เลือดของเขาหยดลงบนผ้าปูเตียง ก่อนจะส่งมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่า แม่สามีเองก็มองผ้าผืนนั้นด้วยแววตาพึงพอใจไม่น้อย
หึ!!!เลือดพรหมจรรย์ลวงโลกน่ะสิไม่ว่า!!!เมื่อคืนมีแต่เขาคราง โอว อ่าห์ ซี๊ดดด!!!อยู่เพียงผู้เดียว นางไม่ได้ไปจับไปลูบคลำของเขาแม้แต่น้อย
"ฮูหยินน้อยเจ้าคะ วันนี้บ่าวได้กล้วยหอมลูกใหญ่มาเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อยจะรับหรือไม่เจ้าคะ?"
"โอวว จริงรึ รับสิข้าชอบกินกล้วยยิ่งนัก"
หนิงเจียวหันไปมองสวีจิ้งเทียน ก่อนจะเน้นคำว่า 'กล้วย' แล้วมองหน้าเขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ไป๋เฉียนรีบยกถาดกล้วยหอมมาให้หนิงเจียว นางหยิบกล้วยหอมผลโตขึ้นมาลูกหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆปอกเปลือกและอมมันเข้าไปครึ่งลูกด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน นางอมรูด อมรูด กล้วยผลนั้นสองถึงสามครั้ง ก่อนจะกัดกินมันอย่างเอร็ดอร่อย
"เจ้ากินอย่างคนปกติไม่เป็นหรือฮูหยินน้อยสวี"
สวีจิ้งเทียนเอ่ยเตือนหนิงเจียวด้วยสายตาตำหนิ
"ทำไมเล่าเจ้าคะ? ข้าก็กินปกติ ข้าชอบอมกล้วยมาตั้งแต่ยังเด็ก เป็นนิสัยที่แก้ไม่หายน่ะเจ้าค่ะ ขออภัยที่ไม่ได้บอกท่านก่อน"
"หึ!!!เจ้าคิดยั่วยวนข้า?"
"เหตุใดท่านจึงคิดเช่นนี้เล่าเจ้าคะ! ข้าแค่ชอบอมกล้วย ไม่ได้คิดยั่วยวนท่านเสียหน่อย"
สวีจิ้งเทียนไม่ใส่ใจกับคำพูดของหนิงเจียวอีก หลังจากรับสำรับเช้าเสร็จ เขาก็ออกไปวังหลวงทันที
หนิงเจียวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะรับยารักษาอาการอัมพาตจากไป๋เฉียนขึ้นมาดื่ม ยานี่ขมจนนางแทบจะอาเจียน
"ฮูหยินน้อยช่างเก่งยิ่งนักเจ้าค่ะ ยาขมเช่นนี้แต่กลับยังมีสีหน้าเรียบเฉย"
"ไป๋เฉียนอัมพาตกินหน้าข้าอยู่?"
"อุ๊ย!!บ่าวขออภัยเจ้าค่ะฮูหยินน้อย!!!"