หลังจากนั้นไม่นานธีรเดชก็ขอถอนหมั้นอย่างที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ และต่อให้เธอจะยืนกรานปฏิเสธ อ้อนวอน ร้องไห้ ถึงพ่อเธอและแม่ของเขาจะคัดค้านก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายสถานะการเป็นคู่หมั้นของทั้งคู่ก็สิ้นสุดลง พร้อมกับการมองหน้ากันไม่ติด อารญาไม่เคยเฉียดกายเข้าใกล้เขาอีกเลย กระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
อยู่ๆ เช้าวันหนึ่งเธอก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงของเขา แถมทั้งคู่ยังมีสภาพเปลืยเปล่าล่อนจ้อน ส่วนเตียงก็ยุ่งเหยิงประหนึ่งผ่านศึกสงครามมา และไม่ต้องบอกเธอก็รู้ดีแก่ใจว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในเมื่อปวดร้าวตรงกลางกายขนาดนั้น แถมการกระทำบางฉากบางตอนยังติดอยู่ในหัว จะเกิดอะไรได้ นอกจากทั้งคู่นอนด้วยกัน
“อย่าคิดนะ ว่าการที่เธอใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ฉันนอนกับเธอได้สำเร็จ จะทำให้ฉันยอมแต่งงานกับเธอ” หลังจากเดินโทงๆ ไปหาเสื้อคลุมใส่อย่างหน้าไม่อาย ธีรเดชก็เดินกลับมายืนกอดอกอยู่ข้างเตียง
“พี่ธีพูดอย่างนี้ได้ยังไง อายไม่รู้เรื่อง อายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมานอนอยู่ในห้องพี่ธีได้ยังไง” คนที่ห่อตัวซุกซ่อนความอัปยศไว้ใต้ผ้านวมสวนกลับเสียงสะท้าน
ธีรเดชแค่นยิ้มกับน้ำคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น เตรียมจะตอบโต้ หากว่าเสียงหนึ่งจะไม่ดังขึ้นเสียก่อน ชั่วอึดใจต่อมาหม่อมเจ้านภาลัยก็เยื้องย่างเข้าสู่ห้องนอนของบุตรชาย
“คุณพระ! มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องอายมานอนที่เตียงของชายธีได้”
“ถามคนดีของท่านแม่ดูสิครับ ว่าเมื่อคืนเธอทำอะไรลงไป”
ท่าทางหัวเสียในแบบที่นานๆ ครั้งจะได้เห็น ทำให้ท่านหญิงนภาลัยทำหน้าไม่ถูก หวนระลึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ หลังจากงานเลี้ยงฉลองครบรอบวันเกิดของตนเสร็จสิ้น อารญาก็เมาไม่ได้สติ ครั้นจะให้กลับบ้าน ดาริกาพี่สาวของเธอซึ่งมาด้วยกันก็เอ่ยทำนองว่าไม่สะดวกที่จะไปส่ง เพราะติดธุระด่วน
ครั้นจะให้รถของวังไปส่ง ดาริกาก็อ้างว่าสาวใช้ที่บ้านลาหยุดกันหมด คงไม่มีคนดูแลอารญาที่เมามากจนน่าเป็นห่วง ฉะนั้นท่านหญิงนภาลัยจึงตัดสินใจให้อารญานอนที่วัง ซึ่งดาริกาอาสาไปส่งน้องสาวที่ห้องนอนของแขก แต่ไม่รู้ไปส่งกันอีท่าไหนอารญาถึงได้มาโผล่ที่เตียงของธีรเดชได้
“พี่ธีพูดอย่างนี้ได้ยังไงคะ อายเป็นผู้เสียหายนะ” คราวนี้อารญาโต้กลับอย่างเหลืออด
“เธอเอายาปลุกเซ็กส์มาเป็นเครื่องมือ เพื่อจะทำให้ตัวเองเป็นผู้เสียหายต่างหากล่ะ”
น้ำเสียงขุ่นคลั่กที่กดต่ำเกือบเป็นคำรามทำอารญาตาโต อ้าปากค้าง ส่วนท่านหญิงนภาลัยก็ถึงกับยกมือขึ้นทาบอก สีหน้ากระอักกระอ่วน แล้วเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
“จริงเหรอน้องอาย”
“อายไม่ได้ทำนะคะท่านป้า จะให้อายไปสาบานที่วัดไหนก็ได้”
“แล้วไอ้ที่เธอใส่ลงไปในแก้วกาแฟของฉันล่ะ”
คราวนี้อารญาถึงกับสะอึก รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อกระหวัดคิดไปถึงกาแฟที่ตัวเองขันอาสาไปชงให้อีกฝ่าย ทั้งที่ชงกาแฟไม่เป็นแต่ก็อยากเอาใจคนที่ติดเคสสำคัญลากยาวจนถึงช่วงหัวค่ำ หากไม่มีกาแฟช่วยคงอยู่ร่วมงานไม่ไหว ฉะนั้นทันทีที่ก้าวเข้างานเขาก็ให้สาวใช้ไปชงกาแฟให้ แต่กลับเป็นอารญาที่เสนอตัว กาแฟเจ้าปัญหาเป็นเธอชงจริงๆ แต่ดาริกาคอยบอก และกำกับว่าจะต้องใส่ส่วนผสมอะไรบ้าง
“คอฟฟี่เมทไงคะ อายใส่คอฟฟี่เมท” เธอตอบอย่างซื่อๆ
“คอฟฟี่เมทที่พี่สาวเธอยื่นให้น่ะสิ”
ธีรเดชสวนกลับเสียงกระด้าง มุมปากหยักลึกปรากฏรอยยิ้มหยัน
จากนั้นเขาก็เอาภาพวีดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิด ที่เลขาเพิ่งส่งเข้ามือถือมาเปิดให้เธอและมารดาดู ภาพที่ได้เห็นทำให้อารญาช็อกจนพูดไม่ออก ส่วนท่านหญิงนภาลัยนั้นหันขวับไปมองสาวน้อยที่ตนรักใคร่ และเอ็นดู จนอยากได้มาเป็นสะใภ้ ด้วยสายตาผิดหวัง แล้วตำหนิเสียงเย็น
“น้องอายไม่น่าทำอย่างนี้เลย เสียแรงที่ป้ารักและเอ็นดู”
“ท่านป้าขา อายไม่ได้…”
อารญาส่ายหน้าปฏิเสธทั้งน้ำตา ทว่ายังเอ่ยไม่จบประโยคเสียด้วยซ้ำผู้สูงวัยก็ตัดบทเสียก่อน
“หลักฐานก็เห็นกันอยู่ทนโท่ ภาพจากกล้องวงจรปิดชัดขนาดนั้น หยุดแก้ตัว แล้วไปซะอารญา แล้วก็อย่ามาเหยียบที่นี่อีก วังรื่นฤดีไม่ต้อนรับเด็กหน้าไหว้หลังหลอกอย่างเธอ!”
วาจาเฉียบขาด และสรรพนามเรียกขานที่แปรเปลี่ยนไปเป็นเหินห่าง ทำให้อารญาน้ำตาไหลพราก พยายามเอื้อมมือไปไขว่คว้าแขนของอีกฝ่าย ทว่าหม่อมเจ้านภาลัยกลับมองอย่างเย็นชา สะบัดหน้าพรืด แล้วก้าวฉับๆ จากไป
“พี่ธี…”
“จะร้องไห้ทำไมอารญา ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะฝีมือเธอทั้งนั้น ถ้าจะมีใครต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้คนคนนั้นสมควรเป็นเธอ” เขาเอ่ยอย่างเฉียบขาด
“แต่ในเมื่อคุณชายทำลูกสาวอาเสียหาย คุณชายก็ต้องรับผิดชอบ”
นายปพลบิดาของอารญาที่เพิ่งเดินสวนกับท่านหญิงนภาลัยเข้ามา เอ่ยเสียงเข้มมีแววบีบบังคับ แต่หาได้ทำให้คนฟังสะทกสะท้านแต่อย่างใด ธีรเดชยังคงวางหน้านิ่ง
“คุณชายต้องแต่งงานกับลูกสาวอา!”
“ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง ยกเว้นการแต่งงาน”
“มันจะมากไปแล้วนะ!”
“คุณอาอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามาเถอะครับ อย่าอ้อมค้อมให้เสียเวลานักเลย”
คนเบื่อดูการเล่นละครของตาเฒ่ามากเล่ห์เอ่ยเสียงเรียบ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านายปพลกำลังดิ้นตายเพราะเดือดร้อนเรื่องเงิน และถ้าเดาไม่ผิดบ้านนี้ก็คงวางแผนกันมาเพื่อหวังว่าจะจับเขาเป็นลูกเขย
“พ่อคะ…พอเถอะค่ะ ได้โปรด” หญิงสาวส่ายหน้าวิงวอนทั้งน้ำตา
“หุบปากไปเลยนังลูกไม่รักดี! แกจะยอมให้เขาเจาะไข่แดงฟรีๆ หรือไง” หลังจากตวาดลูกสาวเสียงดังสนั่น นายปพลก็หันมายืนกรานเสียงแข็ง
“ยังไงคุณชายก็ต้องแต่งงานกับลูกสาวผม”
“ก็บอกแล้วไง ว่าผมให้ได้แค่เงิน ถ้าจะเอาก็ว่ามา” ชายหนุ่มยังย้ำคำเดิมอย่างหนักแน่น
“สิบล้าน”
“คุณพ่อ!”
อารญาอุทานเสียงหลง มองบิดาอย่างตกตะลึง ท่านกำลังจะขายความเป็นคนของเธอ
“ตกลงครับ” เขาตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิด เดินไปเอาสมุดเช็คในลิ้นชักโต๊ะทำงาน จรดปากกาเซ็นตัวเลขลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นให้นายปพล พร้อมเอ่ยออกมา
“ต่อไปนี้ ทั้งคุณและลูกสาวคุณ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ถ้าหมดธุระแล้วก็เชิญครับ”
การไล่อย่างสุภาพแต่เฉียบขาดทำให้คนที่ได้เงินสมใจหน้าตึง แต่ก็ยอมก้าวดุ่มๆ จากไปอย่างไม่เหลียวหลัง ลืมแม้กระทั่งลูกที่เขาขายศักดิ์ศรีจำนวนสิบล้านที่นั่งน้ำตาไหลพรากอยู่บนเตียง
พ่อขายพรหมจรรย์ของเธอให้เขาอย่างเลือดเย็น
ส่วนเขาผลักไสเธอออกไปจากชีวิตอย่างสิ้นเยื่อขาดใย
จะมีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการโดนผู้ชายที่รักมากที่สุดในชีวิตทั้งสองคนทำร้ายในเวลาเดียวกันล่ะ
“หยุดบีบน้ำตา แล้วลุกขึ้นมากินยา”
“ยา?” เธอทวนคำเสียงปนสะอื้น
“ก็ยาคุมฉุกเฉินไง เธอคงไม่อยากท้องในวัยเรียนหรอกจริงไหม”
“ค่ะ”
อารญาพยักหน้าทั้งน้ำตา ลุกขึ้นมากินยา โดยมีเขายืนคุมอยู่ไม่ห่าง กระทั่งกินยาเสร็จ ธีรเดชถึงเอายาคุมฉุกเฉินเม็ดที่เหลือยัดใส่มือเรียว และกำชับว่าให้กินให้ครบตามวิธีที่เขาบอกไป หากเธอตุกติกเขาจะเล่นงานเธออย่างหนัก
“ไปแต่งตัว เสร็จแล้วก็ลงไปข้างล่าง ฉันจะให้คนขับรถไปส่ง”
เขาช่างใจร้ายและเย็นชาเหลือเกิน
“ก่อนจะไป อายขอถามอะไรพี่ธีหน่อยได้ไหมคะ”