ตอนที่ 3 สมรสพระราชทาน

2565 Words
หอสูงตระหง่านอักษรสีทองประดับประดาโคมแดง ค่ำคืนยาวนาน บุรุษหาความสำราญ ยากข่มตาหลับได้ลง หยางเจี้ยนยังคงคิดคำนึงถึงใครบางคนที่ตายภายใต้คมกระบี่สุริยันของเขา แววตาเจิดจรัสแก่กล้าของนางทำให้เขาคล้ายรับรู้ได้ถึงคำขอบคุณกับการปลดปล่อย ซึ่งครุ่นคิดเท่าใดก็ไม่เข้าใจ “เหตุใดทำหน้าอมทุกข์เช่นนั้นเล่า เจ้ากำลังจะมีงานมงคลมิใช่หรือไร? ไยไม่รู้สึกดีที่จะมีสตรีให้นอนกอด” องค์รัชทายาทแคว้นเยี่ยนที่คืนนี้ปลอมตัวมาร่ำสุราที่หอบุปผากับสหายอย่างแม่ทัพหยางยังคงหยอกเย้าอารมณ์ดี มิได้รับรู้ถึงความทุกข์ใจของอีกฝ่ายแต่อย่างใด “มาเถิด ยกจอก ไม่เมาไม่เลิกรา” หยางเจี้ยนจึงสลัดความคิดคำนึง ยกจอกเหล้าขึ้นเบื้องหน้าของตน แล้วดื่มรวดเดียวหมดจอก “อ่า...ต้องอย่างนี้ สหายข้า” รัชทายาทหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนยกจอกเหล้าขึ้นดื่มเช่นกัน ข้างกายสูงค่าของเขานั้นห้อมล้อมไปด้วยสตรีงดงามทั้งด้านซ้ายและด้านขวา หยางเจี้ยนยกมือปาดน้ำเมาออกจากริมฝีปากได้รูปอย่างเย็นชา ทว่าท่วงท่ากลับงามสง่าอย่างมาก  แรงที่นิ้วแกร่งขยี้กลีบปากจนช้ำทำให้สีแดงสดนั้นคล้ายดอกกุหลบก็มิปาน ใบหน้าคมคายยังฉายเสน่ห์ลึกล้ำ ทำเอามวลผกาประจำหอบุปผาที่ได้รับสิทธิ์ให้ปรนนิบัติคืนนี้ต่างจับจ้องไม่วางตา พวกนางเผลอไผลไปกับความหล่อเหลาที่ผสานความกร้าวแกร่งทรงพลังอย่างลงตัวนั้นกันถ้วนหน้า “คุณชาย ดื่มอีกนะเจ้าคะ ข้ารินให้เจ้าค่ะ” สาวงามคนหนึ่งรีบยกกาเหล้าขึ้นรินใส่จอกให้เขา หวังมอมเมาอีกฝ่ายให้ขาดสติ จะได้พากันขึ้นห้องไปทำอะไรต่อมิอะไรกันสองต่อสอง นางผู้นี้เป็นสตรีอันดับหนึ่งของหอบุปผา ทั้งท่วงท่าและกิริยาจึงไม่ต่างจากคุณหนูสูงศักดิ์ในตระกูลใหญ่สักนิด นางมีจริตน่ามอง ใบหน้าสวยสดหมดจด เนตรงามฉ่ำหวานบาดตาบาดใจ บุรุษส่วนใหญ่เพียงถูกนางปรายตามองเป็นต้องลุ่มหลง ทั้งตัวและหัวใจอ่อนยวบแทบเท้านางทั้งสิ้น หญิงสาวฉลาดหลักแหลมมาก เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่าบุรุษตรงหน้าฐานะไม่ธรรมดา ต่อให้เขาปลอมตัวปกปิดฐานะแท้จริงก็ไม่อาจบดบังรัศมีอันแก่กล้าได้สักเสี้ยว นางคิดว่าหากได้บุรุษตรงหน้าซื้อตัวกลับไป ชาตินี้ทั้งชาติย่อมสุขสบายไร้กังวล ต่อให้เขามีฮูหยินอยู่แล้ว นางก็ไม่สน สาวงามรอจนหยางเจี้ยนดื่มสุราจอกที่นางยื่นให้จนหมดเกลี้ยงก็รีบคะยั้นคะยอ “คุณชาย อีกจอกนะเจ้าคะ” สิ่งหนึ่งที่ต้องทราบ นอกจากกำยานปรุงพิเศษเพื่อกล่อมเกลาจิตใจให้บุรุษโอนอ่อนตามสาวงามแล้วในน้ำเหล้ายังผสมสิ่งหนึ่งที่ทำให้บุรุษยิ่งกว่ามัวเมา ทุกจอกที่ดื่มลงคอยิ่งส่งผลให้คนลุ่มหลงยากถอนใจ คงไม่ต้องบรรยายว่าคือสิ่งใด ชายใดแค่ได้ชิดใกล้ย่อมปรารถนาได้ลิ้มลอง ซึ่งมิใช่แค่น้ำเมา หลายครั้งที่พวกเขาถึงขั้นหลงลืมภรรยาเพราะกำลังติดอกติดใจในหญิงงาม มิใช่จอกเหล้าในมือตน     รสเสน่หากามารมณ์อันล้ำเลิศจากบุปผาอันดับหนึ่งคือสุดยอดแห่งปรารถนา หยางเจี้ยนหรี่ตามองเจ้าของเนินอกอวบอิ่มที่พยายามเบียดชิดท่อนแขนแกร่งของตน “ดื่มอีกจอกนะเจ้าคะ คุณชาย...” “ถอยออกไป...” น้ำเสียงกล่าวอย่างเย็นชา ดวงตาคู่คมมองอย่างเยือกเย็น แม่ทัพหนุ่มเพียงรับจอกเหล้ามาดื่มเท่านั้น ไม่คิดดับกระหายด้วยเรือนกายอิสตรีนางใด สาวงามถึงกับหน้าเจื่อน เมื่อสาวงามอันดับหนึ่งถูกไล่เช่นนั้น แม่นางทั้งหลายจึงถึงคราวได้ทีบ้าง รีบเข้ามาพะเน้าพะนอแทนที่ “คุณชาย ดื่มจอกของข้าดีกว่าเจ้าค่ะ” ทั้งจอกเหล้าและกับแกล้มถูกสาวงามสองนางยื่นมาตรงหน้าอย่างเอาอกเอาใจ แต่หยางเจี้ยนขึงตาใส่ รัชทายาทหนุ่มมองอย่างหมั่นไส้ “จะหวงเนื้อหวงตัวไปถึงไหนเล่า?” เพราะปลอมตัวเป็นเพียงคุณชายไร้บรรดาศักดิ์ กิริยาวาจาและท่าทีจึงมิจำเป็นต้องสูงส่งหรือมีสัมมาคารวะนอบน้อมอันใด หยางเจี้ยนจึงเอ่ยเสียงหนักไปทางรัชทายาท “ข้าไม่สะดวก” “ไม่สะดวกหรือรังเกียจกันเล่า เอาเถิด คืนนี้แค่เลือกซื้อตัวสาวบริสุทธิ์สักคนก็ใช้ได้แล้ว พาไปเลี้ยงดูยังได้นะ” คำของรัชทายาททำแม่นางสองคนที่นั่งจ้องมองอยู่พลันมีดวงตาที่ทอประกายวาววับ นึกหาญกล้าขึ้นมา “ข้าน้อยเจ้าค่ะ ข้าน้อยผุดผ่องยิ่งนัก” “ข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ ไม่เคยรับแขกคนใดเลย” สาวงามอันดับหนึ่งมีหรือจะช้า นางรีบผลักสาวงามสองคนออกไปแล้วถลันเข้ามา “ฮวาเอ๋อร์มอบชีวิตให้ท่าน” ทว่าหยางเจี้ยนไม่ตอบรับแม้ครึ่งคำ ยังคงดื่มเหล้าอย่างเงียบงันเย็นชา ปล่อยความแสบร้อนของน้ำเมาไหลผ่านลำคออย่างช้าๆ ฤทธิ์ของมันทำเขาเคลิบเคลิ้มและคิดถึงแววตาชวนสนเท่ห์และเปี่ยมเสน่ห์มนต์มารอีกครั้ง รัชทายาทจึงแค่นเสียงเฮอะก่อนหันไปสนใจสาวงามของตนโดยไม่สนใจสหายรักอีก แค่ได้สมรสพระราชทานกับสตรีที่ไม่ได้รักจะทุกข์ใจอันใดนักหนาเล่า ตัวเขาต้องแต่งชายาเข้าวังบูรพามากมาย โดยไม่มีสตรีใดน่าพึงใจสักคนยังไม่บ่นสักคำ หลังจากแยกย้ายจากรัชทายาท หยางเจี้ยนก็ควบม้ากลับเข้าจวนสกุลหยาง เมื่อกลับถึงห้อง เขาก็ล้มตัวลงนอน ในห้วงนิทรา เขาเห็นแต่ภาพเงาเลือนรางของสตรีนางหนึ่ง นางผู้นี้ล่องลอยยั่วยวนชวนหวั่นไหวอยู่ในอากาศ ฝ่ามือหนาค่อยๆ เอื้อมคว้าสุดแขน หมายดึงนางเข้ามากอดเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นทดแทนคมดาบเย็นเยียบที่สะบั้นคอนาง หัวใจของหยางเจี้ยนเต้นระส่ำรุนแรง โลหิตในกายพลุ่งพล่าน เขาจ้องนางไม่วางตา ด้วยเกรงว่านางจะหายไป ภายใต้สีหน้าเย็นชา หัวใจบุรุษปวดร้าวเกินบรรยาย  โม่หมิงเยว่ลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ พร้อมความทรงจำที่ไม่เคยเลือนหาย ทุกเรื่องราวไม่ว่าของชาตินี้หรือชาติไหน นางจดจำได้แม่นยำ ร่างระหงนอนทอดกายอ่อนล้าบนเตียงใหญ่ในห้องรโหฐานอย่างเดียวดาย ไป๋หมิงเยว่ คือนามเดิม แต่แซ่สกุลใหม่ สวรรค์! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ อดีตหัวหน้าโจรถ่อยโม่หมิงเยว่ยามนี้ กำลังอยู่ในร่างของคุณหนูผู้อ่อนแอแห่งจวนไป๋ มิใช่ว่ามีผู้ใดบังอาจเล่นเล่ห์ร่ายมนต์คาถาคมขลังกับดวงวิญญาณของนางหรอกกระมัง? บ้าไปแล้ว ใครจะทำเรื่องเยี่ยงนั้น! ครั้นนึกขึ้นมาก็คล้ายได้ยินเสียงหนึ่งจากดินแดนแสนไกล ‘จิตวิญญาณเจ้าผสานหยดเลือดข้า ขอชาติหน้าได้ผูกวาสนา มิต้องเข่นฆ่าเฉกเช่นชาตินี้’ สองตาของหมิงเยว่เหลือกไปเหลือกมาเลิ่กลั่ก แน่นอนว่าหญิงสาวยามนี้มืดมิดทั้งแปดด้าน นางไม่รู้เรื่องวิชานอกรีตนั้น และยิ่งไม่รู้ว่าใครกัน นางได้ยินแค่เสียงอันแผ่วเบาจากดินแดนแสนไกลที่ติดวิญญาณของนางมา เจ้าผู้นั้นเป็นใครกัน? หลงรักข้าถึงเพียงนี้ ชั่วช้ายิ่ง! ขณะกำลังตัดพ้อด่าทอ ความทรงจำค่อยๆ ไหลเวียนเข้ามาในห้วงภวังค์ หมิงเยว่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ได้สามวันหลังจากเจ้าของร่างเดิมตรอมตรมใจสลายจนสำลักโลหิตออกมาเป็นลิ่มๆ แล้วสลบแน่นิ่งไป หญิงสาวค่อยๆ ระลึกถึงอดีตของร่างใหม่ที่ตนพลั้งพลัดหลงเข้ามาอาศัยโดยมิได้ไปเกิดใหม่อย่างใครเขา ไป๋หมิงเยว่ผู้นี้เป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนขุนนางไป๋ บิดาหลงใหลภรรยารองจนภรรยาเอกตรอมใจตายไป มีน้องสาวคนหนึ่งก็ทำตัวน่าชังแย่งชิงคนรักอย่างเลือดเย็น ส่วนชายคนนั้นที่เป็นคนรักก็มักง่ายโลภมากและเห็นแก่ตัว คิดจะกุมหัวใจทั้งพี่ทั้งน้องในคราวเดียว ไป๋หมิงเยว่เริ่มป่วยบ่อยอย่างปริศนา ท้ายที่สุดก็ถูกสหายรักชักชวนล่อลวงให้ดื่มน้ำชา ไม่นานต่อมาพลันนอนหลับมิรู้ตื่น ยามสะลึมสะลือนอนซมสิ้นสติ สาวใช้จิ่นซินไปเรียกให้คนช่วยก็ประจวบเหมาะกับบิดาไม่อยู่ แม่เลี้ยงไม่สนใจ น้องสาวหรือ? ยิ่งปิดประตูใส่หน้าไม่ไยดี ไป๋หมิงเยว่จึงกลายเป็นผีได้ปล่อยวางแล้วไปเกิดใหม่ ทิ้งให้หมิงเยว่ต้องเข้ามาสวมรอยชดใช้กรรมแทนปะไร! เฮอะ! ชดใช้กรรมรึ? มีเพียงต้องเรียกคืนความยุติธรรมต่างหาก! ทว่าแม้ใจคิดเช่นนั้น แต่จะทันกาลหรือไม่นั่นล่ะคือปัญหา เพราะยามนี้หมิงเยว่ถูกจับมาแต่งตัวราวตุ๊กตาหยกสวมผ้าสีชาดจนกลายร่างเป็นเจ้าสาวแล้วโดยสมบูรณ์ จวนแม่ทัพใหญ่โตโออ่าและกว้างขวาง ขนาดและอาณาเขตของมันบ่งบอกถึงอิทธิพลและอำนาจแห่งเจ้าของ รับรู้ได้ถึงความมีเกียรติมีศักดิ์ศรีเปี่ยมไปด้วยบารมีมากล้น ผู้คนที่มาร่วมงานจึงมีมากมายจากทั่วสารทิศ แม้จะถูกผ้ามงคลปิดหน้าบดบังสายตาไปกว่าครึ่ง แต่หมิงเยว่ก็สัมผัสได้ถึงอำนาจน่าเกรงขามยามที่แขกเหรื่อโค้งกายนอบน้อมให้แก่เจ้าบ้าน โดยเฉพาะยามที่เจ้าบ่าวข้างกายพานางเดินผ่านผู้คนเหล่านั้น ความยำเกรงพินอบพิเทาของเหล่าผู้คนยังแผ่ซ่านออกมาอย่างไร้ขีดจำกัด เจ้าบ่าวหรือก็ตัวโตสูงใหญ่ กำจายกลิ่นอายอันน่าครั่นคร้ามกดทับผู้คนอย่างประหลาด เป็นอำนาจแห่งพลังการกดดันที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ชัดเจนว่ามีอย่างมหาศาล พิธีการมงคลถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่พร้อมพรั่ง กระทั่งจบลงในห้องหออย่างเรียบง่ายเงียบสงบ ผิดแผกจากบรรยากาศครึกครื้นชื่นมื่นภายนอกอย่างสิ้นเชิง หมิงเยว่ยังคงฉงนมึนงงในดงบุปผาแดงฉานแสบตา ท่ามกลางผ้าสีชาดที่ถูกรังสรรค์อย่างประณีตบรรจงเหล่านั้น นางนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรงหมดพลัง ร่างกายนี้ช่างบอบบางเยี่ยงคุณหนูในห้องหอทุกประการ ปราศจากซึ่งกำลังภายในพื้นฐาน ลมปราณอันใดก็ไม่มี หมิงเยว่ให้รู้สึกอึดอัดทรมานยิ่งนัก สิ่งหนึ่งที่นางอยากกัดลิ้นตัวเองให้สิ้นใจตายวันละหลายรอบยิ่งกว่าการที่ต้องเป็นวิญญาณมาสิงร่างนี้ก็คือ  การแต่งงานกับบุรุษที่นางยินดีตายภายใต้คมกระบี่ของเขา แต่จะไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา หยางเจี้ยน... หมิงเยว่คิดในใจอย่างอดสู ไม่เข้าใจว่าทำไมนางต้องเข้าสิงร่างบุปผากลีบบางที่ต้องเป็นภรรยาของเขา หมิงเยว่คิดในใจอย่างอดสู ไม่เข้าใจว่าทำไมนางต้องเข้าสิงร่างบุปผากลีบบางที่ต้องภรรยาของเขา จังหวะนั้นประตูห้องหอพลันถูกเปิดออกแล้วปิดลงอย่างไม่ใส่ใจ เรือนร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ปรากฏกายตรงเข้ามา หญิงสาวมองเห็นบุรุษสง่างามน่าเกรงขามผู้ซึ่งอยู่ในห้วงคำนึงแค่รำไรผ่านผ้าคลุมสีแดงที่ปิดใบหน้า แม้จะเห็นแค่เพียงรำไร ทว่ากลิ่นอายอำมหิตสังหารกลับเข้มข้นขุ่นคลั่กผสมผสานกลิ่นสุราคละคลุ้งทั่วทั้งตัว หยางเจี้ยนเดินเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ริมโต๊ะข้างเตียง  คันชั่งหรือสุรามงคลล้วนไม่ถูกแตะต้อง ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเจ้าสาวของตน ใบหน้าหล่อเหลายิ่งนานยิ่งเยือกเย็นดั่งมีน้ำแข็งพันปีที่ไม่มีวันละลายเกาะกุมอย่างแน่นหนา หมิงเยว่จึงเปิดผ้าคลุมหน้าด้วยตัวเองเสียงดังพรึบ นางไม่จำเป็นต้องง้อบุรุษผู้นี้แต่อย่างใด ใส่ใจแค่ความเป็นอยู่ของร่างใหม่ก็พอกระมัง หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายเขา หยิบอาหารมงคลกินอย่างไม่เกรงใจ ช่วยไม่ได้ที่นางหิ้วท้องจนปวดมาทั้งวัน จะอดทนหิวโหยต่อไปเพื่ออันใด? ระหว่างนั้นสายตาก็เหลือบเห็นหยางเจี้ยนมองมา โดยไม่พูดจา สีหน้าและสายตาเย็นชาที่สุด เขายกสุราขึ้นดื่มอึกๆ ดื่มเอาๆ ราวกับต้องการลืมเรื่องราวช้ำใจอันใด แน่นอนว่าหมิงเยว่ไม่คิดถามแม้ครึ่งคำ เพราะเพียรสังเกตเอาเองย่อมได้คำตอบแน่ชัดไม่มากก็น้อยในไม่ช้า ทว่าเขาผู้นี้แม้หล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์ร้ายกาจ แต่กลับมีใบหน้าไร้อารมณ์เป็นนิตย์ หรือเรียกว่าหน้าตายเป็นเอก ยามนี้หมิงเยว่ย่อมไม่อาจเข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เนื่องจากได้เจอกันก็แค่สองครั้ง คือก่อนตายในหุบเขากับหลังกลับชาติมาแล้วได้นั่งในห้องหอกับเขาวันนี้เท่านั้นเอง สงสัยจะช้ำใจที่ถูกบังคับให้แต่งงานโดยไม่เต็มใจ เฮ้อ! พวกคนเมืองหลวงก็เช่นนี้ มีดีที่ใด? พวกเขาคิดแค่สร้างทายาทไม่สนใจความรักบริสุทธิ์ บุตรสาวมีไว้เชื่อมสัมพันธ์ บุตรชายมีไว้เสริมอำนาจเท่านั้น แต่หากบุรุษเปี่ยมอำนาจมากเกินไปก็ต้องถูกสตรีฉุดดึงลงมาให้ตกต่ำ ต้องย่ำอยู่กับที่หรือย่ำแย่มากกว่าเดิม ถึงจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ มองปราดเดียวก็รู้ คนผู้นี้มาตรฐานสตรีสูงลิบ แต่งงานกับสตรีระดับองค์หญิงก็ยังได้ ไหนเลยจะพึงพอใจกับสตรีต่ำต้อยอย่างคุณหนูไป๋เล่า หญิงสาวล้วนเข้าใจ นางส่ายหน้าน้อยๆ คิดเห็นใจคนตรงหน้าครามครัน พลางยกจอกสุราขึ้นดื่มเป็นเพื่อนเขา นิสัยใจคอชาวยุทธ์อย่างนางก็เช่นนี้ ห้าวหาญเปิดเผยแถมใจกว้างหยั่งรู้ และเมื่อพบสหายรู้ใจ หมื่นจอกมิเมามายแน่นอน หมิงเยว่รินสุราใส่จอกที่ว่างเปล่าให้หยางเจี้ยนก่อนแล้วก็รินให้ตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่จะว่าไป คนที่น่าเห็นใจที่สุด ไยมิใช่เจ้าของร่างนี้หรอกหรือไร? ถูกคนในครอบครัวทำร้าย สหายเกลียดชัง  ยังได้แต่งงานกับบุรุษผู้นี้ ที่มองอย่างไรก็ไม่เต็มใจเป็นสามี ดูเถิด สายตาคมกริบของเขาเสมือนรั้งรอใครบางคนตลอดเวลา บ่งบอกได้ว่าเขามีใจให้สตรีอื่นไปเรียบร้อยแล้ว หาใช่สตรีตรงหน้าอย่างไป๋หมิงเยว่ไม่ ยังมีเรื่องน่าสังเวชกว่านี้อีกไหม? หมิงเยว่เป็นสตรีที่มองคนได้ทะลุปรุโปร่งรู้แจ้งยิ่งนัก หากนางไม่เก่งกาจคงมิใช่อดีตหัวหน้าค่ายโจรจันทราแดงฝ่ายอธรรมที่ยิ่งใหญ่ชื่อดังในยุทธภพจนสำนักอื่นต่างริษยา หยางเจี้ยนผู้นี้แม้ภายนอกแลดูแข็งแกร่งและเย็นชา ท่าทีสุขุมนิ่งขรึมของเขาดูสูงส่งอย่างที่ผู้ใดก็มิอาจเอื้อมถึง ทว่าภายในกลับอบอุ่นอ่อนโยนหากแต่หนักแน่นมั่นคง ที่สำคัญ เขามีนางในดวงใจแล้ว การแต่งงานกับคุณหนูไป๋คือเรื่องที่เขาเศร้าใจมาก คิดพลางดื่มสุราเงียบๆ จอกแล้วจอกเล่า เคียงข้างบุรุษอีกคนที่เอาแต่ดื่มน้ำเมาอย่างแข็งกร้าวดุดัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD