“รับอะไรดีครับ”
“รู้จักแอลหรือเปล่า?” บางทีแอลอาจจะมาหาเพื่อนจริงๆ แต่เพื่อนนอกจากมัดหมี่แล้วเธอก็ไม่ได้คบหาใคร โดยเฉพาะกับผู้ชาย
“ครับ” กวาดสายตามองชายคนนี้ก็ถ่ายรูปส่งให้เฮียแซคดูซึ่งเฮียคอนเฟิร์มว่าคนนี้คือเพื่อนของแอล ผมก็ตวัดมือกระชากคอเสื้อมันเข้ามาใกล้ “คะ คุณลูกค้าจะทำอะไรครับ!”
“อย่ายุ่งกับแอล”
“!”
“คราวหน้าจะไม่ใช่แค่เตือน”
ผลักมันจะเซล้มไปด้านหลังก็มีพนักงานเสิร์ฟมาประคองมันให้ลุกขึ้นผมก็เดินออกมาเพื่อตรงไปที่รถของตัวเอง ทว่ากลับเดินสวนใครบางคนทำให้หยุดชะงัก
“อ้าว รามเกียรติ์” น้ำเสียงแหบทำให้ผมค่อยๆ หันไปสบตากับคนตรงหน้าที่ยกยิ้มมุมปากก่อนจะยกแขนทั้งสองกอดไปที่อกของตัวเองอย่างไอ้ราเชน “มาเที่ยวที่นี่ด้วยเหรอ?”
“เสือก”
“โห ทักทายกันแบบนี้ฉันเสียใจแย่นะ” คนที่ทำให้ผมเกลียดขี้หน้าและมันเองก็คงไม่ต่างจากผมที่ต่างคนต่างเกลียด ด้วยเพราะเรื่องของครอบครัวที่ไม่ถูกกัน “ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าไม่ได้มาเที่ยว”
“อย่าทักกู”
“โอเค ไม่ทักก็ไม่ทัก” ยกมือทั้งสองข้างขึ้นชูราวกับยอมแพ้ “ไปก่อนนะ พอดี... ติดสาวที่นี่น่ะ”
ไม่ได้อยากจะรู้เรื่องของมันสักนิด ผมก็ขึ้นรถและขับตรงไปยังบ้านของแอลแม้ว่าจะโดนพี่เอ็มมองแบบไม่ชอบหน้า แต่เพราะแอลไม่รับสายบวกกับเรื่องที่เฮียแซคเล่าทำให้ผมต้องถามเธอให้แน่ใจ
ออด ออด~
ผมรัวกริ่งหน้าบ้านของเธอ มองเข้าไปด้านในจึงได้เห็นว่ามีคนอยู่เพราะไฟเปิดทิ้งไว้ ถอนหายใจก่อนจะหันหลังพิงกับขอบประตูรั้วหน้าบ้านแอลพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบเพื่อไล่ความหงุดหงิด
“มาทำไม?” น้ำเสียงเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่ยืนกอดอกหลังจากเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ ผมไม่พูดอะไรกลับเดินสวนเขาเพื่อจะเข้าไปหาแอลแต่ท่อนแขนแกร่งก็ยกขึ้นบดบังร่างผมเอาไว้ “เข้าไปฉันแจ้งข้อหาบุกรุกแน่”
“ผมจะคุยกับแอล”
“แอลไม่อยู่”
“ผมไม่เชื่อ” ไม่ว่าเปล่าก็ผลักท่อนแขนพี่เอ็มออกและเดินตรงเข้าไปในบ้าน ท่อนแขนก็ถูกคว้าไว้ซะก่อนทำให้ผมหันไปมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “แอลเป็นแฟนผม”
“อ๋อเหรอ?” พี่เอ็มกระตุกยิ้มที่มุมปาก “นึกว่ามีแต่แอลที่คิดแบบนั้น”
“ปล่อย” มองลงมาที่ฝ่ามือบีบข้อศอกผมไว้ “หรือจะให้ผม...”
“ใครมาเหรอพี่เอ็ม...!”
คนที่ผมต้องการเจอโผล่หน้าออกมาพอเห็นผมก็ทำหน้าตกใจ ทว่าสายตาของผมต่างหากที่มองไปยังเรือนร่างที่สวมแค่กางเกงยีนขาสั้นกับเสื้อเอวลอยแบบบางจนเห็นชั้นในสีดำ ความหงุดหงิดที่มีก่อนหน้านั้นก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“ออกไป”
“แอล” ผมไม่คิดจะขู่แอลหรอกนะ แต่ถ้าหากไม่ได้คุยกันในเรื่องที่เกิดขึ้นผมคงรู้สึกหงุดหงิดมากกว่านี้แน่ “ถ้าไม่คุย รู้นะว่าจะเจอกับอะไร”
“นี่นายขู่แอลงั้นเหรอ!” พี่เอ็มตะคอกผมด้วยสีหน้าโกรธเคือง ผมจึงยกยิ้มมุมปากและหันไปมองแอลที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ก็ลองดู”
“มึง...”
“แอลจะคุยกับรามเองพี่เอ็ม” เธอรู้สิว่าถ้าผมพูดหรือขู่อะไรออกมา นั่นเท่ากับว่าผมทำจริงๆ และในหัวของผมก็คิดไว้แล้วด้วยจะทำให้พี่เอ็มตกงานได้อย่างง่ายดาย แอลเดินนำผมไปยังด้านนอกซึ่งผมก็ยืนพิงรถของตัวเองมองแอลที่อยู่ตรงหน้า นานหลายนาทีกว่าผมจะเอ่ยคำถามที่สงสัย
“เฮียแซคบอกเจอเธอ” แอลพยักหน้ารับโดยไม่ปฏิเสธ “มีเพื่อนผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ห๊ะ”
“ผู้ชายที่อยู่บาร์ ทำไมฉันถึงไม่รู้” ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกมา แน่นอนว่าผมไม่รู้ตัวเองแอลถึงได้งงไงว่าคนอย่างรามเกียรติ์ที่ขี้เกียจพูด ดันพูดได้ซะยาวเหยียดจับประเด็นได้โดยไม่ต้องพูดซ้ำ
“ก็...”
“ฉันปะติดปะต่อเรื่องที่ไอ้เทียนเล่า กับที่เฮียแซคบอก” แอลคงไม่รู้ตัวสินะว่าเวลาตัวเองโดนต้อนจะชอบทำหน้าเลิ่กลั่กจนผมจับได้ “บอกมาให้หมด”
“ไม่มีอะไร”
“แอล” กระชากท่อนแขนจนร่างเล็กเซมากระทบกับร่างผม ใบหน้าของเราสองคนเสมอกันและผมก็ใช้สายตาคาดคั้นเธอที่ยังคงบอกว่ามันไม่มีอะไร “ถ้าไม่... มันจมตีนแน่”
“อย่าทำอะไรเป้นะ”
“แล้วมันเป็นใคร!”
ตะคอกจนเสียงดังเป็นผลให้แอลตกใจจนน้ำตาคลอ พอได้ยินแอลปกป้องมันแบบนี้ผมก็ยิ่งโมโหจนเผลอขึ้นเสียงทั้งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน ถอนหายใจและยกมือไปแนบแก้มของเธอ “ขอโทษ”
“เป้เป็นเพื่อนกับมัดด้วย”
“แน่ใจ” ย้ำชัดแอลก็ค่อยๆ ผงกศีรษะโดยไม่สบตากับผม “แล้วได้ไปทำงานที่บาร์”
“ไม่ได้ไป” เธอตอบผมก่อนจะได้ฟังคำถามจบ “ไปก็รู้อยู่แล้ว”
“ใช่” ผมเลื่อนแขนซ้ายของตัวเองโอบเอวเธอให้ขยับเข้ามาใกล้ กระทั่งฝ่ามือทั้งสองของแอลจะวางตรงตำแหน่งหน้าอกจนผมใช้มืออีกข้างช้อนปลายคางเธอขึ้น
“แล้วโมโหอะไรอะ”
“ทุกอย่างที่เธอทำ”
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” เถียงจนต้องบีบแก้มเธอจนปากยู่ แอลก็ปัดมือผมออกไปแถมยังเชิดหน้าใส่อีกต่างหาก
“งอนอะไร?” คิดว่าถามจะได้คำตอบกลับมาไหมล่ะ บอกเลยว่าไม่สำหรับแอล
“เปล่า” ผิดปากผมซะที่ไหน
“โทรมาก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่อ่าน” สบตากับแอลที่หลับตาลงค่อยๆ เอนใบหน้ามาซบลงกับไหล่ของผม “เป็นอะไร?”
“อยากได้รามคนเดิม” พอพูดออกมาแบบนี้ผมก็ชะงักมือที่กำลังจะดันไหล่เธอออก
“คนนี้ไม่ใช่”
“ไม่” ส่ายหน้าไปมาก่อนจะกดจูบลงที่ลำคอของผมซุกไซ้จนผมจำต้องเงยหน้ามองท้องฟ้าและมึนงงกับคำถามเธอ
“อะไร”
“รามคนนั้นน่ารัก ใจดีแล้วก็เชื่อฉันทุกอย่าง” ถอนหายใจวางมือลงที่เอวเธอทั้งสองข้างบีบเบาๆ จนแอลหยุดจูบลำคอของผม ฉับพลันคำพูดของแอลก็ทำให้ผมนึกคิดไปถึงรามคนที่เธอพูดถึง
“คนเดียวกัน”
“เมื่อวานฉันไปหานาย” ดวงตาทั้งสองกระตุกลอบมองใบหน้าของแอลที่เศร้าจนผมรับรู้ได้ “ทำไม...”
“แอล”
“ทำไมต้องมีคนอื่นทั้งที่มีฉันอยู่ด้วย”
“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดเรื่องนี้” ดันไหล่แอลออกห่างจากตัวอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมไม่ฟังกันบ้าง”
“...” แอลก้มหน้าลงมองเท้าและเพราะเธอชอบพูดอะไรแบบนี้มันก็ทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง
“คบกันแบบไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวกันจะได้ไหม?” ผมเคยบอกและกำชับเธอเสมอ อย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม ถึงยังไงสำหรับผมแอลก็คือคนที่คบหาด้วยไม่ใช่ผู้หญิงนอนด้วยชั่วครั้งชั่วคราว
“ได้” เธอเงยหน้าสบตากับผม รอยยิ้มที่ผุดขึ้นทำให้ผมรู้สึกตงิดใจยังไงบอกไม่ถูก “งั้นนายก็อย่ายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉันเหมือนกัน”
“แอล”
“ฉันคิดว่ามันไม่แฟร์สำหรับฉันเหมือนกัน เพราะงั้นเอาตามนี้” พอได้ยินคำตอบแบบนี้ผมจะทำอะไรได้นอกจากพยักหน้ารับตกลง เพราะผมรู้ดี... ยังไงแอลก็ไม่มีทางมีคนอื่นได้
เธอรักผมมาก รักมานานแค่ไหนแอลรู้ตัวเองดีและผมมั่นใจ
ไม่ว่าจะทำอะไรหรือไปที่ไหน... กลับมาก็จะเจอแอลอยู่เสมอ เพราะเธอคือของตายสำหรับผม
“ตกลง”
Raam-magian :: TALK END