Raam-magian :: TALK
สายตาของผมทอดมองไปยังหน้าต่างที่ยังไม่ได้เปิดดีก่อนจะลุกขึ้นนั่งมองไปยังบนเตียงที่ไร้ซึ่งร่างของหญิงสาวที่พามาเสพความสุขด้วย ผมลงจากเตียงและหยิบผ้าขนหนูมาพันเอวเปิดประตูห้องนอนที่ไว้สำหรับนอนกับผู้หญิงคนอื่นออกมา สายตาก็จับจ้องมองไปยังเคาน์เตอร์ครัวที่ไร้ซึ่งร่างบอบบางที่คุ้นตา สาวเท้าเดินเข้าห้องนอนที่ไม่มีใครเข้ามานอกจากแอลคนเดียวเท่านั้น หยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาแอลทันทีแต่ก็ไม่มีคนรับสาย
“ทำอะไร” บ่นพึมพำก็ทิ้งมือถือลงบนเตียงจึงเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปเรียนซึ่งตอนนี้ก็เลยเวลาเข้าคลาสแรก เสร็จเรียบร้อยก็ขับรถมาถึงมหาลัยแต่ก่อนจะขับไปถึงคณะตัวเองก็จอดที่คณะของแอล จึงเห็นเพื่อนสนิทของเธอนั่งอ่านชีทงานอยู่พอเธอรับรู้การมาของผมก็เงยหน้าฉีกยิ้มให้
“หวัดดีรามเกียรติ์”
“แอลอยู่ไหน?” มัดหมี่ขมวดคิ้วก่อนจะทำหน้ามึนงง
“แอลไม่ได้บอกเหรอ”
“โทรไปไม่รับ” อธิบายออกไปว่าทำไมผมถึงต้องมาถามเธอ มัดหมี่ก็พยักหน้ารับ
“ฉันก็ไม่รู้ โทรไปก็ไม่รับเหมือนกัน”
“แน่ใจ” ถามย้ำมีเหรอว่าเธอเป็นเพื่อนคนสนิทจะไม่รู้ว่าทำไมแอลถึงไม่มาเรียน
“อือ พอทำรายงานกันเสร็จฉันก็กลับมาเลย พอแอลไม่มาเรียนนั่นแหละถึงได้โทรหาแต่ก็ไม่รับสาย”
“อืม”
ได้รับคำตอบที่จริงผมก็ขับรถมาถึงคณะ ถอนหายใจเมื่อนั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้สบตากับไอ้เทียนและไอ้ไฟที่มาเรียนได้แล้ว “มาเรียนแล้ว”
“เออ แพงไล่ไม่มาได้ไง”
“แต่มึงก็ง้อน้องพะแพงสำเร็จแล้วนี่หว่า เพียงแต่น้องพะแพงก็ไม่ได้ยอมคืนดีกับมึงง่ายๆ” ไอ้เทียนหัวเราะออกมาก่อนจะโดนไอ้ไฟตบศีรษะ
“กูรู้ แค่แพงให้โอกาสกูก็ดีแค่ไหนแล้ว” ไอ้ไฟเอนหลังพิงเก้าอี้ กระตุกยิ้มอย่างดีใจ “จากนี้จะทำให้ดีที่สุด ไม่ทำให้แพงเสียใจกับเรื่องเลวระยำของกูอีกต่อไป”
“ปรบมือผัวดีเด่นครับ” ไอ้เทียนปรบมือให้ไอ้ไฟ ส่วนผมก็ก้มหน้าลงเข้าไลน์ส่งข้อความให้แอลที่ยังไม่ยอมอ่าน โทรไปก็ไม่รับสายเป็นอะไรหรือเปล่านะ “ทำไมสีหน้ามึงดูว้าวุ่นจังวะไอ้ราม”
“นั่นดิ ทะเลาะกับแอลหรือไง?” สบตากับเพื่อนทั้งสองพลางถอนหายใจเพื่อเป็นคำตอบ
“ชัวร์ ทะเลาะกับเมีย”
“โทรไปไม่รับ” ชูสมาร์ทโฟนขึ้นส่ายหน้าก่อนจะยกเท้าขึ้นพาดบนโต๊ะ “ห่วง”
“ก็ไปหาที่บ้านดิ” ไอ้เทียนแนะนำผมก็ถอนหายใจ
“ถอนหายใจหลายเฮือกแล้วนะมึงอะ” ไอ้ไฟตบมือมาที่ท่อนขาของผม “เย็นนี้คลับเฮียแซค”
“มึงไปได้เหรอ ต้องไปรับน้องพะแพงนี่”
“เดี๋ยวกูขออนุญาตก่อน”
“แหม... ทำอะไรเดี๋ยวนี้ต้องขอเมียนะมึง กลัวเมียเห็นๆ”
แอลเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดเท่าตัวนะ และที่ไม่อยากไปหาที่บ้านก็เพราะว่ารำคาญพี่เอ็มพี่ชายของเธอที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมสักเท่าไหร่ วันนี้ทั้งวันผมเรียนไม่เข้าหัวเลยแต่พอมาที่คลับเฮียแซคก็ซัดเหล้าไปหลายพลางก็มองสมาร์ทโฟนไปด้วยก็ไร้วี่แววของแอล
“มึงงุ่นง่านมากอะ”
“นั่นดิ ว้าวุ่นขนาดนี้มึงก็ให้คนของคุณลุงตามหาเลยดิ” ไอ้ไฟแนะนำแต่ผมก็เลือกที่จะฟังไม่ตอบอะไรกลับไป กระทั่งไอ้ไฟดูเวลาที่ข้อมือก็ลุกขึ้นยืนจนพวกผมมึนงง
“มึงจะกลับแล้วเหรอ เพิ่งมาแดกไม่มีกี่แก้วเองนะ” มองไอ้เทียนที่ถามอย่างสงสัย แต่ผมก็รู้ดีที่มันรีบไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ หนึ่งในนั้นคือมีพะแพงอยู่ด้วยไง
“พะแพงให้กูมาก็จริง แต่กูก็อยากไปหาเมียอะ”
“หูย... ไอ้ไฟ มึงหลงเมียหนักมากอะ”
“เออ กูไปก่อน เจอกัน”
ไอ้ไฟโบกมือให้กับเราสองคนก่อนจะเดินจากไป ผมก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมากรอกผ่านลำคอมองสบตากับไอ้เทียนที่ดูเหมือนจะถามอะไรจึงรอให้ผมดื่มเหล้าจนหมด
“มึงถามแอลยังเรื่องที่กูเห็นคนคล้ายแอลไปทำงานที่บาร์กึ่งเปิดอะ”
“ถามแล้ว” ไอ้เทียนจับจ้องผมเพื่อที่จะรอฟังคำตอบอีกครั้ง “แอลบอกไม่ได้ทำ”
“เหรอวะ แต่กูว่ากูเห็นเหมือนมากเลยนะ”
“...”
“ไอ้เชนมันก็ไปนั่งกินเหล้าร้านนั่นบ่อยๆ” ชื่อของใครบางคนทำให้ผมตวัดสายตามองไอ้เทียน “ไอ้เชนจริงๆ กูจำรถมันได้ อีกอย่างคนอย่างมันใครจำไม่ได้บ้างวะ”
เชนหรือราเชนที่ไอ้เทียนเอ่ยถึงคือคนที่ผมไม่ได้ถูกชะตาด้วย อาจจะเพราะสองครอบครัวของเราไม่ได้ถูกกันจึงพาให้รุ่นลูกไม่ชอบหน้ากัน มีหลายเรื่องราวที่พ่อของไอ้เชนทำไว้กับพ่อของผม เรื่องนี้พ่อยังไม่เล่าให้ฟังว่ามันเป็นเรื่องอะไร
“ราม” เฮียแซคเรียกชื่อผมก่อนจะนั่งลงตามด้วยสีหน้าที่ตั้งคำถาม
“มีอะไรครับ?”
“แอลเมียมึงมีเพื่อนผู้ชายด้วยเหรอ” ชะงักมือที่กำลังเทเหล้าลงแก้วและสบตากับเฮียแซค “มึงหวงแอลจะตาย ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ไม่ได้ ถูกปะ”
“ใช่เลยเฮียแซค” ไอ้เทียนเป็นฝ่ายตอบคำถามเฮียแซคแทนผม “มันหึงเมียมันจะตาย”
“เฮียหมายความว่ายังไง?”
“วันก่อนกูเข้าไปซื้อกิจการที่บาร์กึ่งเปิด แล้วก็เจอแอลที่นั้น” รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองร้อนรนกระวนกระวายใจยังไงบอกไม่ถูก เพราะว่าสิ่งที่ไอ้เทียนเคยพูดกับผมและสิ่งที่เฮียแซคพูดตอนนี้มันตรงกันเลย “แอลบอกกูว่ามาหาเพื่อน แล้วเพื่อนคนนั้นก็คือผู้ชาย”
“...”
“กูก็สงสัยไงว่ามึงปล่อยให้ผู้ชายคนอื่นเข้าใกล้เมียตัวเองด้วยเหรอ?”
“บาร์นั่นอยู่ที่ไหน”
“มึงจะไปเลยเหรอไอ้ราม”
ผมไม่สนใจคำพูดของไอ้เทียนและฟังที่อยู่ของบาร์กึ่งเปิด ผมก็ขับรถตรงไปยังที่หมายลงจากรถและตรงเข้าไปในร้านทันที กวาดสายตามองหาพนักงานสาวที่กำลังเสิร์ฟว่ามีแอลอยู่ด้วยหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่มีจึงเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์