ฉันตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันก็เพราะว่าเพลียจากรามเมื่อคืน กวาดสายตามองหาคนที่อยู่ในห้องก็ไม่เจอจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเดิมของตัวเอง เพราะฉันไม่เคยนำของตัวเองมาไว้ที่ห้องของรามเพียงเพราะเขาบอกว่าไม่ชอบให้ของของใครมาปนกับของเขา แม้จะเป็นของฉันก็ตามที
“หายไปไหน?” เมื่อออมาจากห้องนอนฉันก็ไม่เห็นรามแต่เดินไปหน้าตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำดื่มก็เจอกระดาษที่เขียนด้วยลายมือของรามแปะไว้
‘ไปข้างนอก จะกลับก็กลับได้เลย... รามเกียรติ์’
น้ำขวดที่ถูกกระดกจนหมดขวดถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ลมหายใจถูกถอนออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้นะว่าทำไมรามถึงรีบร้อน ไม่รู้หรอกนะว่าเขาจะไปไหน...
ฉันรู้ แต่อย่างที่บอกว่าแสร้งทำเป็นไม่รู้ เมื่อคืนฉันแอบดูมือถือเขา รามนัดกับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อไปเที่ยวด้วยกัน ความรู้สึกมันจุกจนระบายออกมาเป็นคำพูดไม่ออก ฉันก็กลับมาถึงบ้านด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวแต่ก็อย่างที่บอก ต้องทำตัวให้ร่าเริงเอาไว้เพราะว่าพี่ชายสุดที่รักยืนกอดอกรอฉันอยู่ตามด้วยมัดหมี่ที่มารอตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“มัดมารอตั้งแต่เช้า”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เอ็ม มัดรอได้” มัดหมี่รีบห้ามปรามพี่เอ็มกำลังใช้สายตาสำรวจร่างกายของฉัน จนสายตามาหยุดที่ลำคอซึ่งเป็นรอยคิสมาร์กที่รามทำเอาไว้จึงรีบเอามือปกปิดมันแต่ว่าคงจะไม่ทันสินะ
“พี่ขอคุยกับแอลแปบหนึ่ง มัดช่วยไปรอที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านก่อนได้ไหม?”
“ได้ค่ะ” มองเพื่อนสาวที่หอบหิ้วโน้ตบุ๊คและชีทออกไปข้างนอกที่มีร่มเงาของต้นไม้ไว้นั่งเล่น นั่งทำงาน
“แอลขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” เดินสวนพี่เอ็มไปทว่าฝ่ามือใหญ่ก็คว้าต้นแขนเอาไว้ซะก่อน
“ทำไมมันไม่มาส่ง” คำถามของพี่เอ็มทำให้ฉันกัดปากตัวเอง ไม่บอกว่ารามไปไหนเพราะไม่อยากให้พี่เอ็มต้องเกลียดรามไปมากกว่านี้
“กลับบ้าน แอลเพิ่งตื่นเลยกลับมาเอง”
“พี่จะไม่ถามนะว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงที่ดูอ่อนล้าของพี่เอ็มทำให้ฉันต้องหันไปมองสบตากับเขา “คนเป็นแฟนกันจะมีเซ็กซ์กันมันไม่แปลก”
“พี่เอ็มจะพูดอะไรกันแน่?” รู้สึกหงุดหงิดกับเขาจำต้องสะบัดต้นแขนออกจากฝ่ามือและการกระทำของฉันมันทำให้พี่เอ็มถึงกับไปไม่เป็นเลย
ฉัน... ทำบ้าอะไรลงไป!
“พี่แค่เป็นห่วง”
“แอลโตแล้ว” ตอบกลับทันควันและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง “เลิกเจ้ากี้เจ้าการแอลสักที”
“โอเค” พอพี่เอ็มตอบตกลงทั้งที่ถ้าฉันทำตัวแบบนี้พี่เอ็มจะตะคอกและจับตัวฉันเขย่าไปมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ หากแต่ตอนนี้สายตาของพี่เอ็มทำให้ฉันที่ทำห้าวเมื่อกี้ถึงกับหัวใจมันวูบหล่นลงทันที “พี่จะไม่ยุ่งเรื่องของแก”
“พี่เอ็ม...” หวังจะคว้าท่อนแขนพี่เอ็มที่หยิบกระเป๋าสะพายไหล่แต่ก็คว้าเอาไว้ไม่ทันเพราะเขาเดินห่างฉันออกไปยังประตูทางเข้าออกแล้ว
ทำบ้าอะไรลงไปเนี่ยแอล! ได้แต่ด่าทอตัวเองก่อนจะออกไปหามัดหมี่ที่ทำรายงานรอฉัน
“ทะเลาะกับพี่เอ็มเหรอ?”
“อือ” ตอบกลับเพื่อนพลางเอามือกุมศีรษะตัวเอง “เผลอทำตัวไม่ดีใส่เขา”
“พี่เอ็มเป็นห่วงแกมากเลยนะ” สบตากับมัดหมี่ที่พยักหน้ารับ “มีงานสำคัญจะไปก็ได้ แต่ก็รอให้แกกลับมา”
พอมัดหมี่พูดแบบนี้ฉันยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีกเท่าตัว ถอนหายใจและก้มหน้าหาข้อมูลในโน้ตบุ๊คแต่ก็รับรู้ถึงการจับจ้องจึงหันไปมองเพื่อนสาวก็นั่งเท้าคางมองอยู่ก่อนแล้ว “อะไร?”
“คอเป็นรอยเลย” ไม่ว่าเปล่าก็ยื่นนิ้วชี้มาจิ้มที่ต้นคอจนฉันปัดมือเพื่อนออกเบาๆ “พี่เอ็มถึงได้ห่วง”
“ฉันรู้ตัวเองดีว่าควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร”
“แล้ววันนี้ไปทำงานหรือเปล่า?” มัดหมี่ถามขณะกำลังอ่านชีทในมือและสบตากับฉันอีกครั้งที่พยักหน้ารับ เนื่องจากเมื่อคืนไม่ได้ทำงานเพราะรามดันชวนไปเที่ยวและ... ก็ตามนั้น “เรื่องพี่เอ็มล่ะ”
“เฮ้อ งอนแบบนี้ไม่กลับบ้านแน่”
หลังจากที่ทำรายงานกับมัดหมี่เรียบร้อยก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็น ฉันก็โบกมือให้เพื่อนที่ขึ้นรถของที่บ้านซึ่งมารับกลับ หมุนตัวเดินเข้าไปในบ้านและเตรียมตัวไปทำงานทั้งที่สมองกลับเอาแต่คิดถึงเรื่องพี่เอ็ม อันที่จริงฉันก็ซีเรียสเรื่องของรามที่ไปหาผู้หญิงคนอื่น หากแต่ว่าพี่เอ็มสำคัญกว่ารามไม่ใช่ว่ารามไม่สำคัญนะ สำหรับฉันแล้วถ้าให้จัดอันดับพี่เอ็มต้องมาที่หนึ่ง
พอได้คิดว่าทำตัวไม่ดีใส่พี่ชายที่ดูแลและห่วงใยฉันมาตลอดก็พาให้อารมณ์บูดบึ้ง รู้สึกผิดจำต้องดึงศีรษะตัวเองเพื่อลงโทษกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปกับพี่เอ็ม เดินเท้ามาใกล้จะถึงร้านแล้วแต่ด้วยเพราะโทษตัวเองทำให้เดินไม่ระวังชนเข้ากับร่างของชายสูงใหญ่คนหนึ่งที่ประคองโอบเอวฉันไว้ไม่ให้หงายหลังเท้าชี้ฟ้า
“ขอบโทษนะคะ” ยกมือไหว้คนตรงหน้าพลางสบตาก็ต้องเบิกตาด้วยความตกใจ
“แอล”
“ฮะ เฮียแซค!”
เขาตกใจ ฉันก็ตกใจ... เฮียแซคชายหนุ่มแบดบอย พูดน้อยต่อยหนักอายุยี่สิบแปดปี ฉันรู้จักเขาดีเลยล่ะเพราะว่าเขาคือลูกพี่ลูกน้องของรามที่มีอิทธิพลมากๆ คนหนึ่ง
“เฮียมาทำอะไรที่นี่คะ?”
“เฮียต่างหากที่ต้องถามแอลว่ามาทำอะไรแถวนี้” พูดพลางยกแขนที่มีรอยสักเต็มทั้งสองข้างชี้ไปยังด้านหลังซึ่งมันก็คือบาร์กึ่งเปิดที่ทำงานของฉัน สายตาคมมองฉันด้วยความสงสัยจึงหาคิดคำพูดที่จะปฏิเสธ จะให้เฮียแซครู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าฉันทำงานอยู่ที่นี่เพราะถ้าเฮียแซครู้ เรื่องนี้จะต้องถึงหูของรามและนั่นหมายความว่าฉันจะไม่สามารถมาทำงานที่นี่ได้อีกไง!
“แอล...” กัดปากตัวเองไม่สบตาคนตรงหน้าฉุกคิดขึ้นมาได้ก็ฉีกยิ้มกว้าง “แอลมาหาเพื่อนค่ะ”
“เพื่อน?” เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงผ้าสีดำ พยักหน้ารับให้เฮียแซคเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดออกไปเพราะตอนนี้ก็กลัวว่าความลับจะแตกเอาน่ะสิ
“ค่ะ เพื่อนแอลทำงานที่นี่”
“คนไหน” กลืนน้ำลายลงคอมองเฮียแซคที่สั่งให้ลูกน้องของตัวเองสองคนออกไปจากตรงนี้ “ว่าไง”
“เฮียจะทำไมคะ?” เบี่ยงเบนประเด็น “เฮียจะเอาเพื่อนแอลไปอยู่ในฮาเร็มเหรอ”
“เฮียไม่เคยทำแบบนั้น” ตลกที่สุด! ใครๆ ก็รู้ว่าเฮียแซคสร้างฮาเร็มส่งเสียเลี้ยงดูผู้หญิงที่ถูกตาต้องใจและผู้หญิงก็จะต้องเต็มใจยอมรับด้วยนะ “ที่เฮียถามเพราะจะได้ให้ผู้จัดการขึ้นเงินให้”
ขมวดคิ้วทันทีกับสิ่งที่เฮียแซคพูด ทำไมพูดเหมือนกับว่า... “ทำไมเฮียถึงต้องทำแบบนั้นคะ”
“เพื่อนไม่ได้บอกเหรอ” ฉันมองเฮียแซคที่กระตุกยิ้มมุมปากและหันไปมองบาร์กึ่งเปิดที่ตอนนี้กำลังจะเปิดให้บริการในอีกไม่ช้า “บาร์กึ่งเปิดอยู่ในความดูแลของเฮีย”
“!”
“เฮียเพิ่งเข้ามาซื้อเมื่อบ่ายนี้เอง”
อะไรมันจะ... บังเอิญขนาดนี้!