“อะไรของแก ทะเลาะกันอีกหรือไง?”
“เอาเป็นว่ารามไม่เคยหึงแอล พี่เอ็มเข้าใจตรงนี้ด้วย โอเค๊!”
แค่นั้นฉันก็ลุกขึ้นเดินไปยังห้องของตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนอนคว่ำทั้งที่ยังไม่คิดจะไปอาบน้ำ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูหน้าจอก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อปลายสายที่ขึ้นมันดันเป็นชื่อของคนที่ไม่ค่อยได้โทรหาฉันเพราะจะเป็นฉันไงที่โทรหาเขาตลอดเวลา
‘Baby Raam’
“โทรมาทำไม?” นี่คือคำถามของฉัน แต่ก็เลือกที่จะไม่โทรกลับเพราะว่ามันง่วงนอนเกินกว่าจะคุยกับเขาหรือทะเลาะกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอีก ฉันหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าแบบสุดๆ
เช้านี้ฉันมาถึงมหาลัยในเวลาเกือบสิบโมงเช้า แถมยังอดเข้าคลาสในช่วงเก้าโมงอีกต่างหากทำให้ต้องมานั่งจ๋องอยู่ที่หน้าคณะรอมัดหมี่ออกคลาสและรอเข้าใหม่ตอนสิบเอ็ดโมงเพราะวันนี้เลิกช่วงบ่ายเร็วหน่อย
“ตื่นสายหรือไง?”
“อือ พี่เอ็มไม่ปลุกอะ” ยกมือปิดปากหาวก่อนจะมองของดองที่มัดหมี่ซื้อมาเพื่อให้ฉันกินและตื่นจากอาการง่วงหาวตอนนี้ กัดมะม่วงแช่อิ่มเคี้ยวหน้าตายมองสบตากับเพื่อนสาวที่ยื่นเอกสารมาให้ตรงหน้า
“ชีทงาน ไปถ่ายเอกสารมาให้”
“งือ ขอบคุณนะ” พนมมือไหว้มัดหมี่พลางมองไปรอบๆ คณะ แดดตอนนี้ก็ช่างแรงเหลือเกิน
“แล้วไม่ได้ไปหารามเกียรติ์ที่คอนโดอ่อ” ชะงักมือที่กำลังกินของดองสบตากับมัดหมี่พลางส่ายหน้าไปมา “ทะเลาะกันเหรอ?”
“ไม่ใช่ แต่แค่ไม่อยากเจอกันตอนนี้”
“ทะเลาะกันชัวร์” เบ้ปากใส่มัดหมี่เพราะเอาเข้าจริงฉันไม่ได้อยากมีปัญหากับรามหรอกนะ เพียงแต่ว่าแค่เพราะเรื่องส่วนตัวของเขาที่ฉันเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้นี่สิ และมันจะมีเหตุผลอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เพราะเขาควงผู้หญิงคนอื่นทั้งที่มีฉันอยู่
ไม่มีความเกรงใจให้กันเลยสักนิด ทั้งที่ฉันมักจะทำมันเสมอเวลามีผู้ชายหลายๆ คนเข้าหา จะบอกพวกเขาว่ามีแฟนแล้ว รามเกียรติ์ล่ะ... เคยบอกผู้หญิงพวกนั้นหรือเปล่าว่ามีแฟนแล้ว ฉันคิดว่าความเนือยของเขาคงไม่อยากจะพูดเรื่องนี้หรอก
“ช่างเถอะ ถึงยังไงเขาก็คงไม่ได้สนใจฉันหรอก”
“แกแน่ใจเหรอแอล”
“อือ ทำไมอะ?” มองมัดหมี่ที่เอียงคอและพยักเพยิดหน้าไปด้านหลังซึ่งพอฉันมองไปก็พบกับร่างสูงที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงตรงมาหาพวกเรา รามเดินมาหยุดข้างฉันพลางมองมัดหมี่ที่ทำหน้าเจื่อนๆ
“หวัดดีรามเกียรติ์”
“อือ”
“ฉันไปรอที่คลาสนะแอล” ยัยเพื่อนตัวดีรีบรวบรวมของไว้กับอกและเดินปรี่หนีฉันเข้าคณะไป ทิ้งฉันไว้กับแฟนเนือยเฉื่อยที่ไม่พูดอะไรเอาแต่จับจ้องมองฉัน
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“โทรไปทำไมไม่รับ” แค่จะมาถามแค่นี้อ่อ ไม่มั้ง คนอย่างรามคงไม่มาหาฉันที่คณะเพียงเพราะมาถามแค่นี้แน่ๆ
“เมื่อคืนนอนหลับเร็วอะ” โกหกให้เนียนที่สุดเลยนะแอล เพราะถ้าหากรามรู้ว่าฉันไปทำงานบาร์กึ่งเปิด ก็ไม่รู้ว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นยังไงต่อจากนี้ “แล้วก็ตื่นสายด้วยเลยไม่ได้ไปปลุกนาย”
“แน่ใจ”
“อือ แน่ใจ” ฉีกยิ้มกว้างให้กับเขาซึ่งสายตาของรามก็ยังคงจับจ้องมองฉันไม่วางตา “แล้วโทรมามีไรอะ”
รามยังคงเงียบและมองฉันอย่างจับผิด “ไอ้เทียนบอกมา”
“ลี้เทียนเหรอ? บอกอะไร”
“บอกว่าเห็นเธอทำงานที่บาร์”
“!”
กลืนน้ำลายลงคอนิ่งไปกับคำพูดของรามที่พูดได้ยาวขึ้น แต่ก็ยังคงเว้นจังหวะการพูดแบบฉบับคนขี้เกียจอย่างเขา แม้แต่พูดยังขี้เกียจเลยทำไมเซ็กซ์ถึงไม่ขี้เกียจบ้างนะจะได้เลิกไปกินตับกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน
“ลี้เทียนมั่วแล้วล่ะ” ฉันรีบกลบเกลื่อนอาการของตัวเองทันที “เมื่อคืนฉันอยู่บ้านตลอด แถมยังนอนเร็วอีกต่างหากจะไปทำงานแบบนั้นได้ไง”
“อือ”
“นายเชื่อลี้เทียนเหรอ?” จับมือของเขามาบีบเบาๆ ออดอ้อนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงอแง “รามอ่า”
“ไม่เชื่อ” จากนั้นรามก็เท้ามือลงกับโต๊ะหินอ่อนและโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนฉันใช้สองมือยันแผ่นอกแกร่งเอาไว้ด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก
“ระ ราม” กระพริบตาถี่รัวเมื่อจับจ้องมองไปยังดวงตาคมที่มองฉันอยู่แบบนั้น และรู้ไหมว่าสายตาของรามสามารถฆ่าฉันได้เลยล่ะ “ทำอะไร คนมองนะ”
“แล้วไง”
“ก็... คนมองไง”
“ไม่สน”
“แต่ฉันสน” เถียงคำไม่ตกฟาก รามก็ขยับตัวไปยืนตัวตรง
“เย็นนี้ไปกินข้าว”
“จริงเหรอ?” ต้องถามให้แน่ชัด ปกติรามจะไม่ใช่คนที่ชวนฉันไงและพอฉันชวนเขาก็มักจะปฏิเสธตลอด มันเป็นครั้งแรกเลยมั้งตั้งแต่คบกันมา
“เลิกกี่โมง”
“บ่ายสอง”
“รอที่หน้าคณะ”
สั่งเสร็จสัพก็เดินจากไปจนฉันได้แต่มึนงงกับการกระทำของราม ปกติเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะหรือว่ากำลังจะขอโทษฉันอยู่... แล้วตัวเขาไปทำอะไรผิดมาล่ะ ไม่สิ มันต้องมีอะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะสนใจฉันที่ไหน แม้ว่าจะตามใจทุกอย่างสนใจเป็นบางครั้ง แต่นี่มันน่าสงสัยอะ