หลังจากเลิกเรียนฉันก็แยกกับมัดหมี่และนัดกันว่าพรุ่งนี้จะไปค้างที่บ้านฉันเพื่อทำรายงาน แต่ฉันกลับยืนรอรามอยู่ที่หน้าคณะกระทั่งรถหรูที่คุ้นตาก็ขับมาจอดฉันจึงเดินอ้อมไปด้านข้างคนขับ รามก็ขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อพาฉันไปกินข้าว
“อยากทำอะไร?”
“หมายถึงอะไรอะ” ถามกลับไปคนข้างกายจึงหันมามองสบตากับฉัน
“กินข้าวเสร็จ”
“อ๋อ” พอบอกมาแบบนี้ก็ถึงบางอ้อ “เดินเล่นแล้วก็ดูหนังกัน”
“อือ”
“ได้อ่อ” มันแปลกจริงๆ นั่นแหละฉันถึงได้งงไงว่าทำไมจู่ๆ แฟนเนือยเฉื่อยของฉันถึงได้พาไปเที่ยวเหมือนกับที่แฟนคนอื่นเขาทำกันได้ด้วยอะ “ถามจริงนะ ที่ทำแบบนี้ต้องการอะไรหรือเปล่า?”
“หึ” หัวเราะออกมาแบบนี้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เลยนะเนี่ย “ค้างคอนโด”
นั่นไงล่ะ! ฉันกะแล้วว่าคนอย่างรามจะทำอะไรให้ใครจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนและข้อแลกเปลี่ยนของเขามันเอาเปรียบฉันแบบสุดๆ อะ
“กะแล้วว่าต้องอีหรอบนี้”
“ทำไม?” ถามด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “ค้างไม่ได้”
“พรุ่งนี้ฉันนัดกับมัดทำรายงานที่บ้าน”
“เดี๋ยวไปส่ง” กอดอกพลางถอนหายใจออกมา “แต่จะได้ตื่นหรือเปล่า อีกเรื่อง”
“หมายความ... ว่าไง” พอเขาพูดมาแบบนี้ฉันก็ดันถามอะไรที่ไม่ควรถามสินะ เพราะรอยยิ้มที่กระตุกตรงมุมปากทำให้ฉันวางมือไปที่ไหล่หนาและโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เข้า
“ขับรถอยู่”
“ไม่ตื่นหมายความไงอะ ตอบมาก่อนดิ”
“เธอก็รู้ดี”
ใช่ฉันรู้เลยล่ะ... รามหันมายักคิ้วให้ฉันจนทำปากจู๋ใส่เพราะรู้น่ะสิไอ้สิ่งที่เขาต้องการจากฉันอะ!
เราสองคนมาถึงห้างสรรพสินค้าในเวลาต่อมา รามก็เดินนำฉันไปตามทางเพื่อหาร้านอาหาร ทว่าด้วยเพราะความหล่อ รวยและตรงสเปกใครหลายคนทำให้ฉันออกอาการลมออกหูจึงเดินไปจับมือเขามากอบกุมไว้และเดินมองร้านอาหารที่จะกินกัน
“ทำอะไร?”
“จับมือไง ไม่ได้อ่อ” เอนศีรษะพิงท่อนแขนแต่รามก็ไม่พูดอะไร ไม่ได้ดึงมือออกหรือสะบัดตัวหนีทำให้ฉันรู้สึกชนะคนที่มองเขาจะได้รู้ไงว่าฉันคนนี้คือแฟนของเขา! “ร้านนี้เหรอ?”
“ทำไม”
“เปล่า” ส่ายหน้าไปมาเมื่อรามเข้าร้านอาหารซูชิซึ่ง... เขาไม่ชอบ แต่ฉันชอบ “จำได้ด้วยเหรอ?”
“ทำไมจะจำไม่ได้”
“น่ารักอะ” เมื่อนั่งประจำที่ฉันก็สั่งอาหารมาเยอะมาก แต่ด้วยเพราะว่ารามไม่ชอบกินเขาก็เลยสั่งสปาเก็ตตี้ผัดซอสมากินกับสเต็กไก่ ดีที่ร้านนี้ไม่ใช่แค่มีแต่ซูชิ
หลังจากกินจนอิ่มท้องฉันก็เดินไปตามทางมองดูของตามร้านต่างๆ “ไปเข้าห้องน้ำ”
“โอเค รอตรงนี้นะ”
รามเดินตรงไปตามทางก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ จึงยืนรอเขาอยู่ตรงข้ามร้านกระเป๋าแบรนด์เนมที่ราคาสูงสิบ แต่สายตาของฉันดันไปถูกชะตากับกระเป๋าใบหนึ่งสีดำที่โชว์อยู่ เขียนว่า ‘Hermes’ รุ่น 2014 pre-owned Jypsiere 31 crossbody bag - Black เป็นกระเป๋าสีดำสะพายไหล่แบบถอดปรับได้จะเป็นสะพายคาดอกหรือสะพายข้างก็ทำได้ แต่พอเห็นป้ายราคาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“สองแสนแปดหมื่น... โห แพงจัด”
“ดูอะไร?” นอกจากจะตกใจราคากระเป๋าแล้วยังตกใจกับใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มมาข้างๆ และมองกระเป๋าที่ฉันจับจ้องอยู่
“เปล่าๆ ไปซื้อตั๋วหนังกันเถอะ”
“อยากได้” ถามและชี้นิ้วไปยังกระเป๋าสีดำที่ถูกชะตากับฉัน พอรามพูดแบบนี้ก็ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ได้อยากได้ แต่เห็นมันสวยดี” บอกแค่นั้นเขาก็จูงมือฉันเข้าไปในร้านกระเป๋าแบรนด์เนมทันทีจนฉันขืนตัวไม่เข้าไป จนรามหันมามองฉันด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“อย่าดื้อ”
“แล้วพาเข้ามาทำไมอะ!”
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า สนใจตัวไหนเป็นพิเศษไหมคะ?” พนักงานสาวเดินมาหาเราสองคนและสบตากับรามที่แม้จะจับมือฉันไว้อีกข้างแต่มือซ้ายก็ชี้ไปยังตู้โชว์ที่ฉันดูกระเป๋าใบนั้นไว้
“ดูใบนั้นครับ”
“ราม”
“เงียบ” หันมาเอ็ดฉันเสียงดุ พนักงานสาวก็เดินไปยังตู้โชว์ก่อนจะหยิบกระเป๋าใบที่ฉันดูมาชูให้เราสองคน
“ใบนี้เหรอคะ?”
“ครับ” ตอบกลับก่อนจะปล่อยมือฉันและหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิดหยิบเอาบัตรการ์ดสีดำส่งให้พนักงาน “เอาใบนี้”
“ราม มันแพงนะ”
“แล้ว”
“สองแสนแปดหมื่นเลยนะราม ฉันเสียดายเงิน” เถียงเขาและมองกระเป๋าใบนั้นที่พนักงานสาวยืนรอรับบัตรการ์ดสีดำที่ฉันรู้ดีเลยว่ามันมีวงเงินไม่จำกัดอยู่ เพราะรามมักจะใช้มันรูดซื้อของที่แพงแสนแพงนับครั้งไม่ถ้วน
“แต่เงินฉัน”
“เงินนายก็เหมือนเงินฉันอะ”
“ฉันรวย” ข้อนี้รู้อยู่แล้ว! พูดอวดรวยกับฉันทุกครั้งเวลาที่จะซื้อขอแพงๆ ให้ จนยากจะปฏิเสธ “คิดเงินเลยครับ”
“ราม”
“คืนนี้ชดใช้สิ”
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ทำให้ฉันบีบท่อนแขนเขาแรงขึ้น แต่ก็รู้ว่าเขาไม่เจ็บหรอกมีแต่ฉันเนี่ยล่ะที่รู้สึกเหนื่อยไปกับแรงบีบ เมื่อพนักงานสาวคิดเงินเรียบร้อยก็ส่งถุงใส่กระเป๋าให้รามถือก็จูงมือฉันเดินออกจากร้านเพื่อขึ้นไปชั้นบนดูหนังกันต่อ
“เปย์เก่งแบบนี้ ถึงว่าผู้หญิงพวกนั้นถึงได้ติดหนึบขนาดนั้น”
“รู้ได้ไง” ระหว่างขึ้นบันไดเลื่อนก็มองฉันตาขวาง “พูดมั่ว”
“แล้วไม่จริง”
“เอาอะไรมาจริง” ตอบกลับด้วยความหงุดหงิด “คนเดียวที่ฉันเปย์คือเธอ”
“...”
“รู้ไว้ด้วย”