เมขลากดวางสายหลังจากจบการสนทนาแล้ว พอเห็นผู้จัดการส่วนตัวตีสีหน้าแสนเสียดาย ก็ยิ่งยั่วให้อีกฝ่ายร้องโอดครวญมากกว่าเดิม
“พี่มอลลี่รู้ไหมคะว่า คุณไทซี่ไปกินหนุ่มๆ มาทั่วโลกแล้ว”
“อุ้ย! อย่ามาพูดให้พี่น้ำลายหกเลย แหม...มีของดีก็ไม่บอกพี่ จะแอบไปกินคนเดียว”
มอลลี่ค้อนตาคว่ำ ต่อว่าไม่ได้หยุดปาก
เมขลาแหงนศีรษะหัวเราะร่วนกับคำต่อว่าของมอลลี่ ดวงตาทั้งคู่เผยความหิวกระหายในตัวกัปตันบอลลูนให้เห็นโดยไม่ต้องปิดบัง
“อย่าเพิ่งต่อว่ากันสิค่ะ ฮันนี่ยังไม่รู้เลยว่ากัปตันคาลมิลจะยอมให้ฮันนี่กินหรือเปล่า”
“นี่รู้ชื่อของกัปตันด้วยหรือ” มอลลี่เบิกตาโตด้วยความแปลกใจขณะเอ่ยถาม
“รู้สิค่ะ”
เมขลาจีบปากจีบคอตอบ พลางหยิบโทรศัพท์มาจ้องมองภาพถ่ายของกัปตันคาลมิล ที่เปลือยกายท่อนบนเห็นกล้ามเป็นมัดๆ พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอด้วย จากนั้นก็แสร้งบ่นอิดออดอีกครั้งว่า
“กัปตันคาลมิลคงไม่ยอมให้ฮันนี่กินเขาแน่”
“ฮึ! ถึงกัปตันคาลมิลไม่ยอมให้กิน แต่...มีหรือที่จะรอดมือของฮันนี่ไปได้ พี่กล้าเอาหัวเป็นประกันว่าเธอตั้งใจยั่วยวนให้กัปตันคาลมิลตกเป็นของเธอตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงประเทศตุรกีแล้ว”
“เบื่อคนรู้ทันจริงๆ” เมขลามองค้อน แบะปากใส่ขณะต่อว่าผู้จัดการส่วนตัว
มอลลี่หัวเราะเสียงดัง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ดาราสาว แล้วเอ่ยถามว่า “หรือมันไม่จริง ว่าแต่...ตอนนี้น้องฮันนี่ของพี่ เก็บแต้มได้กี่คนแล้ว”
“เก้าคนค่ะ” เมขลาตอบกลับในทันที
“ว๊ายย...ทำไมน้อยจังเลย พี่เก็บได้สิบเอ็ดคนแล้ว ส่วนยัยน้ำหวานเก็บแต้มนำโด่งได้สิบห้าคนแล้วจ้ะ” มอลลี่เอ่ยบอกด้วยความภาคภูมิใจกับภารกิจของตนและเพื่อนในแก๊ง ที่สามารถทำคะแนนชนะดาราสาวได้
และเมขลาก็ร้องเสียงหลงกับจำนวนคะแนน ซึ่งเพื่อนคนอื่นๆ นำทิ้งห่างจากเธอไปมาก
“อะไรนะ ยัยน้ำหวานได้สิบห้าคนแล้วหรือ”
“ใช่แล้ว”
“ขอดูหลักฐานหน่อยสิ ฮันนี่ไม่เชื่อเด็ดขาดถ้าไม่มีหลักฐานมาให้ดู”
“เมื่อน้องขอมา พี่ก็จัดให้ จะให้ดูหลักฐานกันชัดๆ ทั้งของพี่และของยัยน้ำหวาน”
ว่าแล้วมอลลี่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดให้เมขลาได้เห็นหลักฐานของกิจกรรมเก็บแต้ม ที่พวกตนในแก๊งได้แข่งกันว่าใครจะสามารถมีเซ็กกับหนุ่มหล่อๆ หุ่นล่ำๆ ได้มากกว่ากัน
ทางด้านของเมขลาพอเห็นภาพของผู้จัดการส่วนตัว รวมทั้งเพื่อนร่วมแก๊งอีกหลายคน ซึ่งต่างก็ส่งภาพที่นอนอยู่บนเตียงกับหนุ่มๆ ทั้งในสภาพที่มีเสื้อผ้าครบชุด หรือบางภาพก็ดูอุจาดตาในสายตาของคนอื่นๆ
และบางภาพก็เปลือยด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก็ร้องโวยวายเสียงหลงด้วยความอิจฉา และต้องการเอาชนะบรรดาเพื่อนๆ ร่วมแก๊ง
“นังน้ำหวานมันร้ายนัก ส่วนพี่มอลลี่ก็ร้ายไม่เบา จิกหนุ่มหล่อ หุ่นยังกับนักรบไปนอนกกกอดบนเตียงได้”
“อย่าให้แพ้พวกพี่ๆ ละ ไปถึงตุรกีแล้วต้องจัดภาพสวยๆ และเปลือยแบบนี้มาอวดกันบ้าง ไม่เช่นนั้นคุณน้องฮันนี่จะตามไม่ทันคนอื่นนะคะ”
มอลลี่ยุส่ง มั่นใจเกินร้อยว่าทริปไปเที่ยวประเทศตุรกีในครั้งนี้ เมขลาไม่พลาดเรื่องบนเตียงกับกัปตันคาลมิลสุดหล่อเป็นแน่
และเมขลาก็ตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาเป็นประกายของความมุ่งมั่น ที่จะเอาชนะเพื่อนๆ ร่วมแก๊งให้จงได้
“แน่นอนค่ะ พี่มอลลี่ไม่ต้องห่วง แล้วพี่จะได้เห็นภาพเด็ดระหว่างฮันนี่กับกัปตัน
คาลมิลสุดหล่อ ฮันนี่จะทำให้ทุกคนอิจฉาฮันนี่จนตาลุกเป็นไฟเลยค่ะ”
เมขลายิ้มเย็น เธอเตรียมพร้อมทั้งกายและเสื้อผ้าอาภรณ์ต่างๆ ที่จะพกไปยั่วยวนกัปตันคาลมิล ซึ่งเธอบอกกับตัวเองว่าไม่เกินหนึ่งวัน! กัปตันคาลมิลจะต้องสยบอยู่แทบเท้าของเธอ!
ในวันนี้เป็นวันที่คณะทัวร์จากประเทศไทยได้เดินทางด้วยเครื่องบินจากสนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกี มายังสนามบินที่เมืองไคเซอรี (Kayseri) ซึ่งเป็นสนามบินที่อยู่ห่างจากเมืองเกอเรเม โดยประมาณหกสิบกิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางด้วยรถบัสจากสนามบินมายังโรงแรมเดอะควีนโฮเทล (The Queen Hotel) หนึ่งชั่วโมงกับอีกสามสิบนาที
เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่งระหว่างรอให้นักท่องเที่ยวจากแผ่นดินสยามเดินทางมาเยือน ช่างเป็นเวลาที่ดูเนิ่นนานสำหรับผู้เป็นเจ้าของโรงแรมซะเหลือเกิน
คาลมิลออกมายืนรอนักท่องเที่ยวอยู่ด้านหน้าโรงแรม สีหน้าและดวงตาคมกริบของกัปตันหนุ่มเต็มไปด้วยความตื่นเต้น รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาในตลอดเวลา จนผู้เป็นบิดาซึ่งนั่งจิบชาอุ่นๆ อยู่ใกล้กันอดแซวออกมาไม่ได้
“ไอ้กัปตันจะตื่นเต้นไปถึงไหน มานั่งลงจิบชากับพ่อก่อนก็ได้ อีกนานกว่ารถบัสจะมาถึง”
“คุณพ่อดื่มชาคนเดียวเถอะครับ ผมอยากยืนรอนักท่องเที่ยวครับ”
คาลมิลเอ่ยตอบบิดาโดยไม่ได้หันมามองหน้าท่าน ดวงตาสีดำดั่งสีนิลยังคงจ้องมองไปยังท้องถนน รอคอยรถมินิบัสซึ่งส่งไปรับนักท่องเที่ยวถึงสิบคันด้วยกันได้เดินทางมาถึงโรงแรมของตน
ยิ่งเห็นท่าทีเต็มไปด้วยความตื่นเต้นของลูกชาย ท่านไอเดอร์ก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ สัพยอกลูกชายแกมเอ่ยถามในตอนท้าย
“จะตื่นเต้นมากเกินไปแล้วนะไอ้กัปตัน ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้นี่ ทำไมรอบนี้คาลมิลถึงได้ตื่นเต้นนัก จะว่าไม่เคยต้อนรับนักท่องเที่ยวคณะใหญ่ๆ ก็ไม่ใช่”
คราวนี้คาลมิลหมุนตัวหันหลังเดินมาทรุดตัวลงนั่งใกล้กับบิดา ใบหน้าหล่อเหลาส่ายปฏิเสธช้าๆ ขณะเจ้าตัวเอ่ยตอบ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไมใจของผมถึงได้เต้นแรงขณะรอนักท่องเที่ยวที่จะเดิน
ทางมาถึง ในใจของผมมีความรู้สึกราวกับว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างวิ่งเข้าหา ผมสารภาพตรงๆ เลยนะครับคุณพ่อ ว่าเมื่อคืนผมตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลยละครับ”
“เออ...เป็นเอามาก”
ท่านไอเดอร์เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะและมองค้อนด้วย ไม่เข้าใจความรู้สึกที่ลูกชายเอ่ยบอก จึงได้แต่หัวเราะด้วยความขบขำกับอาการของลูกชาย
คาลมิลไม่ได้สนใจเสียงหัวเราะของบิดา นอกจากก้มหน้าลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือ จากนั้นก็ตีหน้านิ่วคิ้วขมวดบ่นอุบอย่างคนใจร้อน
“ทำไมป่านนี้แล้วยังมาไม่ถึงสักที จากสนามบินมาโรงแรมไม่น่าจะขับรถเกินหนึ่งชั่วโมงครึ่ง”