“น้องเอวาแน่ใจนะคะว่าเข้าไปคนเดียวได้ ให้พี่ลูซี่ไปด้วยดีไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ชายของเอวาอยู่ในนั้น พี่ลูซี่กลับไปพักเถอะ พรุ่งนี้มีงานเช้านี่คะ”
“อืม งั้นถ้ามีอะไรก็โทรมานะ”
“ค่ะ”
หลังจากเสร็จงาน เอวาก็แวะมาที่งานแต่งงานที่ธาราเคยชวนซึ่งงานถูกจัดที่โรงแรมสุดหรูและค่อนข้างเป็นส่วนตัว
ตลอดทางเดินเข้าไป เอวาถูกจับตามองจากคนรอบข้าง จนกระทั่งเจอเข้ากับโรมัน ที่ยืนอยู่ในกลุ่มเพื่อนของเขา
“พี่โรม!...”
แล้วก็...นั่นมัน...พี่ราม...
เอวาตะโกนเรียกโรมันโดยไม่ได้มองเลยว่าในกลุ่มของเขานั้นมีคนที่เธอไม่อยากเจออยู่ เธอถึงกับชะงักเมื่อมองไปเห็นรามินทร์ก่อนจะแกล้งยิ้มกว้างเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเดินเข้าไปหา
“นึกว่าจะมาไม่ได้”
“แหม ได้สิคะ งานแต่งของเพื่อนพี่โรมทั้งที”
โรมันถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจที่เอวามาได้เพราะเธอบอกว่าทำงาน ส่วนเอวาเดินเข้ามาควงแขนของโรมันอย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ
“เอวา นี่น้องเอวาที่เป็นดาราใช่ไหมครับ?”
ศิวะที่ยืนอยู่ในกลุ่มรีบถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เมื่อเธอกำลังโด่งดังมีหรือเขาจะไม่รู้จัก
“ค่ะ...”
“พี่ชื่อศิวะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ศิวะรีบยื่นมือไปทำความรู้จัก ซึ่งเอวาก็ตอบสนองกลับอย่างรวดเร็ว จนรามินทร์ที่มองอยู่เริ่มไม่พอใจ
“นี่เพื่อนพี่ ศิวะ นี่ราม ส่วนคนที่แต่งงานคือไอ้เทพ”
โรมันแนะนำออกมาทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเอวานั้นรู้จักเพื่อนของเขาทุกคนโดยเฉพาะกับรามินทร์
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนเลยนะคะ”
เอวาพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ทุกคน
“แล้วธารล่ะคะ”
“อยู่ในห้องนั้นน่ะ ไปหาสิ”
“ค่ะ”
และเอวาก็เดินไปหาธาราที่นั่งพักอยู่ในห้องพักแขกเพราะท้องที่โตเต็มที่ทำให้เดินเหินไม่สะดวก
“อะไรวะ ลูกพี่ลูกน้องแกเหรอ?”
พอเอวาเดินไปแล้ว ศิวะรีบถามขึ้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากรามินทร์ที่กำลังแปลกใจที่เอวารู้จักกับโรมัน
“ก็...ตอนนี้เป็นน้องสาวแล้ว อย่าคิดจีบนะ ฉันไม่ยกให้ใครหรอก”
โรมันแกล้งพูดกันท่า เมื่อเขารู้สึกถึงความไม่ปกติระหว่างรามินทร์กับเอวาแล้ว ซึ่งสาเหตุมันอาจมาจากเขาก็เป็นได้
“อะไรกัน แกไม่เห็นใจหนุ่มโสดอย่างฉันเลยรึไง ฉันน่ะ รักใครรักจริงพร้อมแต่งเลยนะเว้ย ว่าแต่ น้องสาวแกหน้าคุ้นๆนะ เหมือนฉันเคยเห็นที่ไหนเลย”
ศิวะที่มองตามเอวาไปแต่เขากลับนึกไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหน ทั้งๆที่งานแต่งของโรมันเขาเคยจีบเธอแท้ๆ
“จะเคยเห็นได้ไง พึ่งย้ายมาอยู่ไทย”
“อ้อ สเปคฉันเลย...”
ศิวะยังคงเพ้อพร้อมทั้งเริ่มกลับมามีสายตามุ่งมั่นเหมือนกับตอนที่ตามจีบวารีไม่มีผิด
“แกไม่เหมาะกับเอวาหรอก ถ้าเป็นไอ้รามยังเหมาะกว่าอีก อย่างแกน่ะตีกันตายตั้งแต่คบกันยังไม่ถึงอาทิตย์แน่นอน”
โรมันพูดขึ้นพร้อมกับดูท่าทีของรามินทร์ ซึ่งรามินทร์ก็เอาแต่ก้มหน้ามองแก้วในมืออย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เมื่อเขากำลังคิดถึงท่าทีและสิ่งที่เอวาแสดงออกมา
“ฉันขอตัวก่อนนะ”
รามินทร์บอกขึ้น ก่อนจะเดินหนีออกไป
“อ่าว ไอ้นี่ก็อีกคน มันเป็นไรไม่รู้ ตั้งแต่กลับมาจากงานแต่งแกมันก็แปลกๆ”
โรมันมองตามรามินทร์ไปด้วยสายตาแห่งความข้องใจ เมื่อเขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอวาและรามินทร์ เอวาที่เคยคลั่งไคล้รามินทร์กลับดูเฉยชาเหมือนไม่เคยรู้จักกันแบบนั้น
หมับ!
พี่ราม...
“มาคุยกันหน่อย”
รามินทร์ที่รอโอกาสจนกระทั่งเห็นว่าเอวากำลังเดินอยู่คนเดียวรีบเข้าไปหาแล้วคว้าแขนของเธอเอาไว้ ส่วนเอวา ถึงจะไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขาแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“พี่...พี่รามใช่ไหมคะ มีอะไรกับเอวารึเปล่าคะ?”
พอเขาพาเธอออกมายืนอยู่นอกสวนที่ห่างจากคนอื่นๆ เอวาก็ทำหน้าใสซื่อแล้วถามออกมา จนรามินทร์ที่มองอยู่ยิ่งขัดใจเข้าไปใหญ่
“ทำไม...ทำไมเธอต้องทำแบบนั้น”
เขาถามขึ้นพร้อมกับจ้องมองเธออย่างค้นหา
“เอวาเหรอคะ? เอวาทำอะไร”
เธอยังคงถามเขาเหมือนกับไม่ได้รู้เรื่องราวที่ผ่านมาจนรามินทร์ที่เริ่มทนไม่ไหวเดินเข้ามาใกล้แล้วจับสองแขนของเอวาเอาไว้พร้อมกับมองอย่างเริ่มโมโห
“อย่ามาทำเสแสร้ง เธอเข้าหาฉันแล้วก็หายไป แล้วตอนนี้กลับมาทำเป็นเหมือนไม่เคยรู้จัก คิดว่าฉันโง่มากรึไงห๊ะ!”
“อะไรคะ พี่รามพูดอะไรเอวาไม่เห็นเข้าใจเลย”
เอวายังคงแกล้งที่จะไม่รู้จักเขา
“เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ เธอต้องการอะไรกันแน่ บอกฉันมา”
เอวาเจ็บจนเผลอร้องออกมาเมื่อเขาดันเผลอบีบแขนของเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“พี่รามพูดเรื่องอะไร เอวาไม่เห็นเข้าใจ ปล่อยนะคะ เอวาเจ็บ”
“ไอ้ราม! นี่แกทำอะไรน้องเอวาวะ!”
ศิวะที่เดินเข้ามาเห็นรีบถามขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหา จนรามินทร์ยอมปล่อยมือออกจากแขนของเอวา
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เอวาจะล้ม พี่รามเลยช่วยจับเอาไว้ แต่จับแรงไปหน่อย...”
เอวารีบบอก
“อ้อ เหรอ พี่ก็นึกว่ามีเรื่องอะไร”
“แล้วนี่มาตามเอวาเหรอคะ งั้นไปกันเถอะค่ะ”
“ห๊ะ? เอ่อ ครับๆ”
เอวารีบเดินไปกอดแขนศิวะแล้วดึงให้เขาเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ส่วนรามินทร์ได้แต่มองตามเอวาไปอย่างโกรธเคืองเมื่อคิดว่าเธอกำลังปั่นหัวเขาอยู่ ทั้งๆที่เขาไม่ควรสนใจเธอแต่เขากลับทำแบบนั้นไม่ได้
“ราม? นี่รามจริงๆด้วย ซ่าร่านึกว่าตาฝาด มาทำอะไรที่นี่คะ”
ขณะที่ความโกรธกำลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ซาร่า สาวสวยที่รามินทร์เคยควงก็เดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง
“บังเอิญจังเลยนะคะ พอดีซาร่ามาประชุมที่นี่ สนใจไปดื่มต่อกันไหม...คืนนี้ซาร่าว่าง...”
และซาร่าก็เปิดทางสวาทให้กับรามินทร์อย่างเต็มที่ เมื่อล่าสุดที่เจอกันที่ผับนั้นอยู่ดีๆรามินทร์ก็หายตัวไป เธอเลยได้แต่แห้งเหี่ยวเมื่ออุตส่าคิดว่าจะถูกเขาลากขึ้นเตียง
“เอาไว้วันหลังเถอะ วันนี้ผมไม่สะดวก ขอตัวก่อนนะ”
รามินทร์ปฏิเสธแล้วเดินเลี่ยงออกไป ปล่อยให้ซาร่าได้แต่มองตามเขาอย่างเสียดาย เมื่อเธอชอบรามินทร์อย่างที่ไม่เคยชอบใครมาก่อน
ส่วนรามินทร์ พอเดินกลับเข้ามาในงานเขาก็เอาแต่มองหาเอวา และก็เจอเธออยู่กับศิวะพร้อมเพื่อนๆที่เคยเรียนด้วยกันกับเขา เธอดูมีความสุขและผ่อนคลายทั้งๆที่เขาเครียดจนแทบบ้า
“พี่โรมไปไหนเนี่ย...พรุ่งนี้มีงานเช้าด้วยสิ หรือกลับแท็กซี่ดี...”
หลังจากร่วมสนุกกับกลุ่มเพื่อนของศิวะจนดึกดื่น เอวาก็เลยขอตัวแยกออกมาเมื่อเธออยากกลับไปพักผ่อนแล้ว แต่เดินทั่วงานก็ไม่เจอโรมันกับธารา
“เอวา หาไอ้โรมอยู่เหรอ?”
“ค่ะ พี่ศิวะเห็นบ้างไหมคะ?”
“มันโทรมาบอกพี่ว่าเมียมันปวดท้อง เห็นว่าลูกดิ้นหนักเลยพากลับก่อน ฝากพี่ไปส่งเราน่ะ จะกลับแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ”
เป็นศิวะที่เดินเข้ามาอาสาจะไปส่ง เมื่อโรมันโทรมาบอกให้เขาช่วยดูแลเธอ
“เดี๋ยวฉันไปส่งเอง คู่ขาแกถามหาน่ะ ไปสิ”
และคนที่รอเวลาอย่างรามินทร์ก็เดินเข้ามาหา ทำเอาศิวะถึงกับอ้าปากค้างกับสิ่งที่รามินทร์พูดออกมา
“คู่ขาบ้าอะไร ฉันน่ะ...”
“ไปสิ ไหนว่าอยากกลับ”
ไม่พูดเปล่า แต่รามินทร์ยังเดินมาจับแขนของเอวาแล้วดึงพาเดินออกไปทันที ปล่อยให้ศิวะได้แต่มองตามด้วยท่าทางตกใจระคนแปลกใจกับสิ่งที่รามินทร์ทำ
ส่วนรามินทร์ เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เมื่อเขาคงอยู่เฉยไม่ได้อย่างแน่นอนกับสิ่งที่เอวาทำกับเขา
“ขึ้นไป”
เขาลากเธอออกมาจนถึงรถ ก่อนจะบอกขึ้น และเอวาก็ทำตามอย่างง่ายดาย
อะไรของเขา...ก็จะไม่ยุ่งแล้วไง ยังจะอะไรอีก...
พอขึ้นมาบนรถ เอวาอดคิดขึ้นในใจไม่ได้ ตอนที่เธอตามตื๊อเขาก็เอาแต่ขับไล่ไสส่ง แต่พอมาตอนนี้เขากลับเอาแต่ตามติดทั้งๆที่เธออยากถอยห่าง
“พี่รามมีอะไรรึเปล่าคะ?”
เธอแกล้งถามออกมา ก่อนรถจะจอดลงข้างทาง
“ฉันรู้ว่าเธอจำได้ เธอทำแบบนั้นทำไม”
รามินทร์หันมาถามอย่างจริงจัง
“พี่รามพูดอะไร เอวาไม่...”
หมับ!!
“อ๊ะ!”
รามินทร์ถึงกับหมดความอดทนคว้าเข้าที่แขนของเอวาด้วยความโมโห
“เธอเล่นตลกอะไรกับฉันห๊ะ!”
“เอวาไม่เข้าใจ อ๊ะ! เอวาเจ็บนะคะ”
เอวาเริ่มดิ้นเมื่อเขาบีบแรงขึ้นเรื่อยๆจนรามินทร์เริ่มคลายมือลงเมื่อดันเผลอตัวทำแรงเกินไป เขามองเอวานิ่ง เมื่อทำยังไงเธอก็ไม่ยอมรับ
“พี่รามจะพาเอวาไปไหนคะ...”
“..............”
และรามินทร์ก็ไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก เขาขับรถตรงไปยังเส้นทางที่คุ้นเคยโดยมีเอวานั่งอย่างเริ่มวิตก เธอมองทางข้างหน้าอย่างไม่คุ้นชินเมื่อมันไม่ใช่เส้นทางกลับคอนโดของเธอ ไม่นานรามินทร์ก็พาเธอมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังเล็ก
“ลงไป”
“ไม่...ทำไมเอวาต้องลง นี่ไม่ใช่บ้านของเอวาสักหน่อย”
“ฉันบอกให้ลงไป”
และพอเขาเน้นเสียงบอกออกมาอีกครั้ง เอวาจึงค่อยๆเปิดประตูออกไป เธอมองไปรอบๆบ้านอย่างหวาดระแวง เมื่อมันดูเงียบและมืดเกินกว่าจะมีคนอยู่
“จะยืนทำอะไร เข้าไปสิ”
และเอวาก็เดินตามเขาเข้าไปในบ้าน ซึ่งข้างนอกดูเล็กก็จริงแต่ข้างในกลับถูกตกแต่งเอาไว้อย่างลงตัวจนเธออดทึ่งไม่ได้
“เอวาอยากกลับ...”
“ถ้าไม่ยอมพูดความจริงก็อย่าหวังว่าจะปล่อยกลับ”
“พี่รามต้องการความจริงอะไรจากเอวาก็บอกมาสิคะ เอวาไม่มีความจริงอะไรจะบอกสักนิด”
เอวายังคงปากแข็ง เมื่อตอนนี้เธอไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว เธอมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ เมื่อเขาเริ่มทำเกินกว่าเหตุที่พาเธอมาที่นี่
“เธอรู้จักกับไอ้โรมได้ยังไง หรือว่าที่เข้าหาฉันเพราะว่ามัน”
“................”
เอวาถึงกับพูดไม่ออก เธอรีบหันหน้าหลบเมื่อที่เขาพูดมันดันเป็นความจริง
“หึหึ ใช่สินะ ทำไม มันให้เธอมาแยกฉันออกจากเมียมันรึไง”
“พูดเรื่องอะไร เอวาจะกลับบ้าน”
หมับ!
“ว๊าย! นี่! ปล่อยเอวานะ อ๊ายยยย พี่ราม!!”
ผลั๊ก!
“พะ...พี่ราม...จะทำอะไร...อย่านะ...”
รามินทร์ดึงร่างที่กำลังจะเดินไปที่ประตูแล้วกระชากเข้าหาตัว ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องนอนแล้วผลักลงไปบนที่นอนใหญ่ ทำเอาเอวาถึงกับตกใจ เธอถอยหนีอย่างเริ่มหวาดกลัว
“ทำไม? เธอช่ำชองเรื่องนี้นี่ อย่ามาทำเป็นกลัวหน่อยเลย ตอนนั้นเธอไม่ใช่เหรอที่ลากฉันเข้าห้อง”
ไม่พูดเปล่า รามินทร์ค่อยๆถอดชุดสูทที่เขาใส่อยู่ออก
“ไม่ใช่เอวา พี่ราม...พี่รามคงจำสับสน”
“ถ้าจะบอกว่ามีแฝดหรือความจำเสื่อมเธอก็น่าจะทำให้เนียนกว่านี้”
เอวามองหน้าเขาอย่างต้องการยืนยันในสิ่งที่เธอพูดโดยงัดเอาความสามารถด้านการแสดงออกมาอย่างเต็มที่
“ที่นี่ไม่ใช่เวที ไม่ต้องมาแสดงหรอก ฉันน่ะเป็นหมอ รู้ว่าใครแสดงใครเสแสร้ง”
รามินทร์ยังยืนยันว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน
“แล้วยังไง ถ้ามันจริงแล้วยังไง!”
และเอวาเองก็หมดความอดทนเช่นกัน เธอไม่เข้าใจรามินทร์เลยสักนิดว่าเขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ หรือแค่การยอมรับว่าเธอคือผู้หญิงที่คอยเอาแต่ตื๊อเขาเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
“ยอมรับแล้วสินะ หึหึ”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม? เป็นคุณไม่ใช่เหรอที่เอาแต่ผลักไล่ไสส่งให้ฉันไปไกลๆ คุณทั้งรังเกียจเหยียดหยามฉันสารพัด แล้วยังต้องการอะไรจากฉันอีก”
เอวาสารภาพออกมาเสียงดังพร้อมกับน้ำตาคลอเมื่อความเสียใจของเธอมันยังคงเด่นชัดอยู่ ยิ่งได้เห็นเขาเธอก็ยิ่งเสียใจกับเวลาที่ผ่านมา
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คืนนั้น...หลังจากวันนั้นเธอหายไปไหน แล้วทำไมเธอถึงต้องทำเหมือนกับไม่รู้จักฉันด้วย ทำไม”
“ฉันไม่อยากพูดถึงมัน ขอให้มันจบลงแค่นั้น ฉันไม่อยากเจอไม่อยากรู้จักคุณอีกแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันจะไม่มาให้คุณเจอหน้าหรือถ้าไปเจอกันที่ไหนฉันจะทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน และฉัน...และฉันขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา...ฉัน...ฉันไม่น่ามาเจอคุณเลย ไม่น่ามาที่นี่เลยตั้งแต่แรก...”
เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนี้กัน...ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้...
รามินทร์มองร่างบางที่กำลังสั่นเทา สายตาเศร้าสร้อยที่เหมือนจะร้องไห้แต่เธอก็พยายามกลั้นมันเอาไว้ เธอต่างจากเมื่อหลายเดือนก่อนอย่างสิ้นเชิง เมื่อตอนนั้นเธอทั้งร่าเริง ดื้อด้าน ไม่สนใจหรือไม่แคร์อะไร ต่างกับตอนนี้ เธอดูอ่อนแอและโศกเศร้าอยู่ตลอดเวลาโดยเสแสร้งแกล้งทำว่าเธอนั้นไม่ได้เป็นอะไร นั่นคือสิ่งที่เขาเห็น