“อ่าว ไอ้ราม แกนอนนี่เหรอ?”
“ไอ้ศิวะ แกเห็นผู้หญิงคนเมื่อคืนไหม?”
“คนไหนล่ะ ผู้หญิงเป็นร้อย”
“คนที่เอาแต่เดินตามฉันไง ลูกครึ่งๆอ่ะ”
“หือ? สาวสวยอ่ะนะ ไม่เห็น นึกว่าอยู่กับแกซะอีก”
พอได้ยินแบบนั้น รามินทร์ถึงกับแปลกใจพลางมองไปรอบๆเมื่อเขาตื่นขึ้นมาเอวากลับหายตัวไปเสียอย่างนั้น เขาเดินออกมาตามหาเธอแต่กลับไร้วี่แววทั้งๆที่ไร่ชาก็มีห้องพักเพียงแค่ 10 ห้อง แสดงว่าเธอคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
“ไปๆซะได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องรำคาญอีก”
พอคิดว่าเธอคงจากไปแล้ว รามินทร์ก็อดที่จะรู้สึกใจหายแปลกๆไม่ได้ ก่อนเขาจะเดินกลับไปที่ห้องพัก ซึ่งก็น่าจะเป็นเธอที่ลากเขามาเมื่อเขานั้นเมาจนแทบจำอะไรไม่ได้หลังจากงานเลี้ยงจบลง
“ขอโทษนะครับ พอดีผมพกนี่มาด้วย เผื่อคุณจำเป็นต้องใช้มากกว่าผม”
เสียงอันนุ่มทุ้มของหนุ่มหล่อหน้าตาดี ทำให้เอวาค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง สองตาบวมช้ำแดงก่ำมองผ้าเช็ดหน้าในมือของเขาแล้วเอื้อมมือไปหยิบมันมา
“ขอบคุณ...”
เธอเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วก่อนจะก้มหน้าลงไปร้องไห้ต่อ ส่วนหนุ่มหล่อก็ได้แต่มองเธออย่างรู้สึกสงสัยและเห็นใจเมื่อเขามองเธอตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาแล้ว เธอเอาแต่ร้องไห้หน้าตาดูเศร้าโศกจนเขาอดที่จะสนใจไม่ได้ เขาเอาแต่นั่งมองไปที่เธอจนกระทั่งเครื่องบินค่อยๆลงจอดเมื่อถึงปลายทาง
“เฮ้อ ใช้เสร็จแล้วทิ้งเลยแฮะ...”
เขาเดินมาหยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองที่วางอยู่บนเบาะของคนที่พึ่งเดินจากไป เมื่อมันถูกวางทิ้งอย่างไร้เยื่อใยก่อนเขาจะเก็บมันเอาไว้ในกระเป๋าแล้วเดินลงจากเครื่องมา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไม...ฮึก ทำไมถึง...ฮือๆๆๆ”
พอมาถึงโบสถ์ขนาดใหญ่ใกล้บ้านของเธอ เอวาก็มองพิธีศพตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อเมื่อตลอดทางเธอเอาแต่ภาวนาขอให้เรื่องที่รับรู้มาเป็นเพียงแค่เรื่องโกหก แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเป็นเธอต่างหากที่โกหกตัวเองเมื่อบิดาสุดที่รักของเธอได้จากโลกนี้ไปแล้วจริงๆ เธอเดินผ่าฝูงชนเข้าไปนั่งฟุบลงบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
“พ่อคะ...ตื่นขึ้นมาสิ พ่อคะ...เอวามาแล้ว...พ่อคะตื่นขึ้นมาสิ ฮึก ฮือๆๆๆ ไม่จริง ฮือๆๆ ทำไมทิ้งเอวาไป ฮือๆๆๆ เอวาไม่ยอม ฮือๆๆ พ่อคะ ฮือๆ”
คนที่มาร่วมงานต่างมองเธออย่างรู้สึกสงสารเมื่อทุกคนต่างรู้ว่านอกจากบิดาเอวาก็ไม่ได้มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก นั่นก็แสดงว่าเธอต้องอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้เมื่อสูญเสียบิดาของเธอไป
“เอวา ไปนั่งก่อนนะ อีกเดี๋ยวจะเริ่มสวดกันแล้ว”
เพื่อนของบิดาเธอเดินเข้ามาพยุงให้เอวาลุกขึ้นไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะช่วยลูบหลังปลอบโยนอย่างเห็นอกเห็นใจเมื่ออยู่ดีๆคุณอีวานก็มาจากไปกะทันหันทั้งๆที่เป็นคนร่างกายแข็งแรงมาตลอด แต่ใครจะไปรู้ว่าแค่เดินสะดุดเพียงแค่ครั้งเดียวจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้แบบนี้
จากนั้นงานศพก็ดำเนินไปเรื่อยๆโดยมีคนที่มาร่วมงานช่วยงานไปด้วยเมื่อเอวาเอาแต่นั่งเงียบไม่ก็ร้องไห้อยู่ที่เดิมไม่ยอมกินไม่ยอมนอนจนทุกคนเริ่มเป็นกังวล
“เอวา ไปพักก่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวป้าจัดการทางนี้เอง”
“.................”
“หนูแทบนั่งไม่ไหวแล้วนะลูก...”
คุณแอนนี่ เพื่อนของคุณอีวานเดินเข้ามาบอก เมื่อเอวาเริ่มดูน่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เอวาก็ยังคงนั่งเงียบจนสุดท้ายคุณแอนนาต้องยอมแพ้
ส่วนเอวา เธอเอาแต่โทษตัวเองที่ทิ้งบิดาเอาไว้ที่นี่คนเดียวจนทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าเกิดเธออยู่ด้วยอาจพาส่งโรงพยาบาลทันแต่เธอกลับเอาแต่เที่ยวเตร่ไม่ยอมกลับเลยทำให้ทุกอย่างสายเกินไป
จากนั้นงานศพของคุณอีวานก็ดำเนินไปจนสิ้นสุด เอวาถูกพาส่งโรงพยาบาลเมื่อเธอร้องไห้จนเป็นลมล้มลงไปหลังงานสิ้นสุดลงแล้ว
“คนไข้ชื่ออะไร”
“เอวาค่ะ เห็นว่าไม่ได้พักผ่อนมาหลายคืน แล้วเธอก็ร้องไห้หนักด้วย น่าจะหมดสติเพราะเรื่องนั้น”
“อืม...”
คุณหมอหนุ่มอ่านชาร์ตคนไข้ในมือพร้อมกับเดินตรงมาที่เตียงคนไข้ฉุกเฉิน และพอเห็นหน้าคนไข้ของเขา อัศวิน หรือนายแพทย์อัศวิน เขาก็จำเธอได้ทันที
นี่มันผู้หญิงที่ร้องไห้บนเครื่องนี่...
เขาคิดขึ้นก่อนจะรีบตรวจเช็คร่างกายของเธอและพบว่าเธอขาดสารอาหารอย่างหนักและร่างกายอ่อนเพลียจนน่าเป็นห่วง เขาเลยให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลและพอถามหาญาติคนไข้กลับพบว่าเธออยู่คนเดียวและพ่อแท้ๆก็พึ่งเสียชีวิตไป
“เดี๋ยวให้พยาบาลพิเศษมาคอยดูแลทีนะ”
“ได้ค่ะ”
อัศวินบอกออกมา
“ผมเป็นญาติของคุณเอวาครับ”
แต่ดันมีหนุ่มหล่อเดินเข้ามาแจ้งว่าเป็นญาติของเธอ อัศวินค่อยๆหันไปมองร่างสูงที่แต่งตัวด้วยสูทราคาแพง ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกเสียดาย เมื่อคิดว่าเธออาจมีแฟนแล้ว
“เชิญทางนี้ครับ”
เขาบอกออกมา พร้อมกับพา โรม หรือ โรมัน ที่พึ่งบินมาถึงหลังจากรู้ข่าวการเสียชีวิตของ คุณอีวาน เขารีบจองตั๋วเครื่องบินมาที่นี่ แต่ก็ยังช้าเกินไปเมื่อพิธีศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“คนไข้มีอาการอ่อนเพลีย ขาดสาร...”
“ผมขอพบเธอเลยได้ไหม...พอดีผม เอ่อผมนายแพทย์โรมัน...”
“เฮ้ย! อย่าบอกนะคุณคือศาสตราจารย์โรมัน หมอศัลฯประสาทและทรวงอก...”
“ครับ...ผมขอเจอเธอเลยได้ไหม”
“ได้สิครับ เชิญเลย”
อัศวินถึงกับอ้าปากค้าง เมื่อนายแพทย์ผู้โด่งดังและยังเป็นตัวอย่างของแพทย์หนุ่มๆอย่างเขายืนอยู่ตรงหน้า เขารีบเดินนำเข้าไปหาเอวาที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่หลังจากได้รับยาที่ช่วยให้เธอได้พักผ่อนและสารอาหารต่างๆทางสายน้ำเกลือ
โรมันมองเอวาอย่างรู้สึกสงสารและเห็นใจ เมื่อเขารู้ดีว่าเอวารักคุณอีวานมากมายขนาดไหน แล้วตอนนี้เธอเหลือตัวคนเดียวคงยิ่งเคว้งคว้างอย่างมาก เขานั่งเฝ้าจนกระทั่งเอวาค่อยๆรู้สึกตัวหลังจากผ่านไปเป็นวันๆ
“พี่โรม...ฮึก ฮือๆๆๆ พ่อ ฮือๆๆๆ พี่โรม พ่อจากเอวาไปแล้ว ฮือๆๆๆ พี่โรมช่วยเอวาด้วยฮือๆๆๆ”
และพอลืมตาขึ้นมาเจอโรมัน เอวาก็โผเข้ากอดร่างสูงของเขาแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ซึ่งโรมันก็ได้แต่กอดปลอบเธออย่างเข้าใจ นานสองนานกว่าเอวาจะเริ่มดีขึ้นหลังจากร้องไห้จนตาบวมแดงก่ำ
“แล้ว ฮึก...แล้วพี่โรมมาคนเดียวเหรอ”
“อืม มันสะดวกกว่า แล้วเราจะเอายังไงต่อ”
เขาถามขึ้น เมื่อเอวาเหลือตัวคนเดียว เขาคงปล่อยให้เธออยู่ในสภาพนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน
“เอวา...เอวาไม่รู้ ฮือๆๆ เอวาไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไง ฮึก จะทำอะไรต่อ เอวาไม่รู้เลยจริงๆ ฮือๆๆๆ”
เอวาบอกออกมาพร้อมกับร้องไห้อีกครั้ง
“ไปอยู่กับพี่ไหม?”
“คะ?...ฮึก พี่โรม ฮึก พี่โรมว่ายังไงนะ...”
เธอถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองโรมัน เมื่อตลอดเวลาโรมันชอบรักษาระยะห่างกับเธอแท้ๆ
“มีน้องสาวมาช่วยใช้เงินอีกสักคน พี่คงต้องทำงานหนักขึ้นซะแล้ว”
เขาแกล้งพูดออกมา ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาพูดเล่นแบบนี้ จนคนที่อยากร้องไห้อดที่จะขำไม่ได้
“ตั้งแต่มีเมียนี่เปลี่ยนไปเยอะนะคะ ฮึก...”
“ไปไหมล่ะ ไปรอเลี้ยงหลานด้วย”
“บ้า! แค่ดูแลตัวเองยังยาก จะให้เอวาไปดูแลเด็ก...เอวาขอเวลาจัดการเรื่องที่นี่ก่อน แล้วเอวาจะบินไปอยู่กับพี่โรมที่โน่น...”
“ดีแล้ว แล้วพี่จะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ ก่อนเราจะบินไป”
“ขอบคุณนะคะที่ไม่ทิ้งเอวา”
และเอวาก็เริ่มน้ำตาซึมออกมาอีกครั้ง โรมันดึงเธอเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้กับเธอ คุณอีวานเคยฝากฝังเอวาให้เขาช่วยดูแลถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ