บุรุษรุ่มร้อน

1165 Words
และจากเหตุการณ์นั้นเองฉีเล่อจึงไม่อาจรั้งรออีกต่อไป เวลาเพียงไม่กี่วันงานมงคลสมรสเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้นเฉินและแคว้นเป่ยฉีจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนกำหนดการจริงอยู่เกือบเดือน ทุกอย่างเกิดขึ้นดังใจสั่งของฉีเล่อผู้เป็นถึงโอรสคนรองแห่งองค์จักรพรรดิที่มีอำนาจสูงศักดิ์เป็นรองเพียงองค์ฮ่องเต้และองค์รัชทายาท  พิธีมหามงคลสมรสอันยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้นและผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแบบรวดเร็ว และเพียงไม่นานก็ถึงเวลาแห่งการรอคอย นั่นก็คือการเข้าหอ... เฉินลี่หลินในอาภรณ์สีแดงมงคลทั่วทั้งตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ากำลังนั่งหน้านิ่งในห้องหออันโออ่าแสนวิจิตร นางรอให้พี่สะใภ้นามว่าหลิงเวยและบ่าวรับใช้ออกไปจนหมดเพื่อที่นางจะได้นั่งไตร่ตรองแลประมวลผลแห่งความคิด   นางกำลังคิดชั่งใจในความรวดเร็วเกี่ยวกับบุรุษผู้หนึ่งและงานมงคลสมรสที่เกิดขึ้นกับชีวิตน้อยๆ ของนางอย่างรวบรัดเหลือเกิน นางยังมิทันได้จัดการองค์ชายสามนั่นเลย นางก็ถูกบุรุษใจร้อนขัดขวางแผนร้ายของนางโดยการใช้สมรสมัดตัวนางเอาไว้มิให้นางได้ไปเล่นซุกซนกับชายใด  องค์ชายฉีเล่อผู้นี้ช่างเป็นบุรุษเลือดร้อนไม่ต่างจากพี่ใหญ่ของนางเลยสักเสี้ยว ถึงแม้ว่าเขาจะมีท่าทางเย็นชาเรียบเฉยแลดูสุขุมนุ่มลึกเป็นอย่างมาก หากแต่กับนางเขาช่างใจกล้าบ้าบิ่น ทั้งใจร้อนใจเร็ว เขาทำให้นางสนใจในตัวของเขาได้ในเวลาแค่เพียงไม่นาน และเขายังจัดงานมงคลสมรสนี้อย่างยิ่งใหญ่อลังการเพื่อนางในเวลาแค่เพียงไม่นานเช่นกัน  แต่ทว่ามันเร็วไปหรือไม่ ไยนางกำลังเริ่มรู้สึกได้ว่า นางยังไม่ทันได้เตรียมตัว นางยังมิได้เตรียมใจ นางกำลังตี่นเต้น! ขอดื่มเหล้าย้อมใจหน่อยประไร  เมื่อคิดได้แล้วก็ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อเอากาเหล้าเล็กๆ ที่ซุกซ่อนเอาไว้ออกมาแล้วยกขึ้นดื่มอึกใหญ่ก่อนจะเอื้อมเรียวนิ้วปาดหยดสีใสของน้ำเมาให้ออกจากกลีบปากได้รูปสีสวยไปด้วยท่วงท่าคล่องแคล่วเกินสตรี มิรู้ว่าผิดธรรมเนียมประเพณีของที่นี่หรือไม่ แต่นางกำลังตื่นเต้นเหลือจะกล่าว การเข้าหอหมายถึงสิ่งใดไยนางจะไม่รู้ ท่วงท่าแนบชิดสนิทแนบแน่นเยี่ยงไรไยนางจะคิดไม่ออก คนสองคนเรือนร่างเปล่าเปลือยนอนซ้อนทับกัน บนเตียงนอนนั่น... หญิงสาวคิดมาถึงตรงนี้จึงปรายสายตาคมเฉี่ยวไปมองยังเตียงนอนสีแดงมงคลอันใหญ่โตเหมาะสำหรับการนอนมากกว่าหนึ่งคนทั้งยังสามารถเล่นท่าผาดโผนวาดวงแขนตีเรียวขาได้หลายท่วงท่า อา...บนเตียงนอนนั่น นางต้องอยู่ใต้ร่างของบุรุษ ต้องถูกเขากระทำอะไรต่อมิอะไร ต้องถูกขึ้นคร่อม ต้องถูกจับนั่นจับนี่ ลูบไล้เคล้นคลึง เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็พลิกสายตากลับมาแล้วก้มหน้าลงมองช่วงกลางลำตัวที่ส่วนสงวนของตน อา...ทำใจยังไม่ได้...ไม่ได้จริงๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็ยกกาเหล้าเล็กๆ ในมือขึ้นจรดริมฝีปากแล้วดื่มอึกๆ ติดกันอย่างหนักหน่วง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถทำให้นางทุเลาจากอาการตื่นเต้นเกินมนุษย์ อาซ้อบอกแก่นางว่าอย่างไรบ้างนะ ครั้งแรกนั้นจะเจ็บอยู่มาก เวลาเดินเหินก็จะลำบากมาก ขาสั่นพั่บๆ เลยก็ว่าได้ใช่หรือไม่ อา... ขอดื่มเหล้าย้อมใจอีกหน่อยเถิด... เวลาอันยาวนานเหลือเกินสำหรับฉีเล่อที่ถูกบุคคลทั้งหลายในงานมงคลรั้งตัวเอาไว้คล้ายกลั่นแกล้งกันแต่กลับสั้นหนักหนาสำหรับเฉินลี่หลินที่นั่งรอในห้องหอด้วยใจเต้นระส่ำร่ำๆ จะหลุดออกมานอกอก เสียงเปิดและปิดประตูห้องหอดังขึ้นแล้ว แต่ทว่าเจ้าสาวของเจ้าบ่าวยังคงนั่งนิ่งๆ เอามือเท้าคางอยู่ที่โต๊ะหน้าเตียงนอน เจ้าบ่าวในอาภรณ์สีแดงมงคลเดินเข้ามาใกล้เจ้าสาวที่อยู่ในอาภรณ์สีเดียวกันอย่างอารมณ์ดีแต่ทว่าเขารู้สึกผิดสังเกตบางประการ เขาจึงพาเรือนร่างสูงโปร่งงามสง่ามานั่งลงอยู่ข้างๆ เจ้าสาวที่โต๊ะตัวเดียวกันก่อนจะรีบทำตามพิธีการเปิดผ้าคลุมหน้าของเจ้าสาวออก มิใช่ว่าอยากมองหน้านาง แต่กำลังสงสัยว่านางนั่งเอามือเท้าคางแล้วเอนตัวเอียงหน้าเอียงหัวไปมาคืออันใด "ฉี...เล่อ..." "..." เจ้าสาวของเจ้าบ่าวหรี่ตาปรือฉ่ำน้ำแวววาวมองเจ้าบ่าวของตนนิ่งๆ พลางเรียกขานสรรพนามของเขาด้วยเสียงลากยาวชวนขนลุกชูชัน เห็นได้ชัดว่านางแอบดื่มเหล้า มันใช่หรือไม่!? ฉีเล่อจ้องมองคนเมาที่ใบหน้าของนางถูกตบแต่งเสียจัดจ้านในแบบที่ไม่เคยเป็น เขาจึงนึกขันขึ้นมา นางจัดได้ว่าเป็นสตรีที่มีใบหน้างดงามสวยเฉียบเป็นอย่างมากหากแต่ไม่นิยมแต่งหน้าแต่งกายให้เปิดเผยขับเน้นความงามสักเท่าไหร่ เมื่อครั้งแรกที่เจอกันเขายังจำได้ดี นางแต่งกายด้วยชุดทหารหญิงสีเข้มออกหม่นติดแผลเป็นเอาไว้บนใบหน้าจนน่าเกลียดกลบความงามจนสิ้น   มีเพียงดวงตาโฉบเฉี่ยวคู่นี้ของนางเท่านั้นที่เผยเสน่ห์ออกมา ชายหนุ่มเอื้อมเรียวนิ้วขึ้นมาแล้วบีบจมูกหญิงสาวตรงหน้าแล้วเอ่ย “สตรีประหลาด” “...” เขากล่าวจบคำก็คลี่ยิ้มชอบใจ เฉินลี่หลินที่แอบดื่มเหล้าย้อมใจไปหลายอึกและเริ่มเสียการควบคุมตัวตนจึงเอ่ย “ยิ้มพิฆาต...อีกแล้ว” นางยกนิ้วชี้ไปจิ้มที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าแล้วลูบเบาๆ สร้างอารมณ์สั่นสะท้านไม่เบาได้เขาเป็นอย่างมาก “อย่าไปยิ้มอย่างนี้ให้สตรีนางใดเชียว” หญิงสาวเอ่ยพึมพำเอียงหน้าน้อยๆ บนฝ่ามือที่ยังคงเท้าคางอยู่ สายตาคู่เรียวแต่สวยเฉี่ยวกำลังปรือมองอย่างริบรี่เต็มที “เจ้าก็อย่าได้มองใครเยี่ยงนี้” ฉีเล่อเอ่ยบ้าง หากนางใช้สายตาสวยเฉียบนั่นมองบุรุษสิบคน บุรุษทั้งสิบคนต้องหลงกลนางเป็นแน่ หญิงสาวหลุดหัวเราะคิก “ห้ามได้หรือ ในเมื่อคนมันงาม” ชายหนุ่มหลุดหัวเราะบ้าง “เชื่อข้าเถอะ ว่าเจ้ามิได้งามที่สุด” “หืม...” เฉินลี่หลินได้ยินพลันเลิกคิ้วขึ้นก่อนขมวดเป็นปม“ท่านก็มิได้งามที่สุดเหมือนกัน” ฉีเล่อหุบยิ้มก่อนแค่นเสียงฮึอยู่ในลำคอ เฉินลี่หลินเลิกคิ้วยียวนกลอกตาไปมาเหมือนเคย ทั้งสองจึงนั่งมองตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD