เมียสารวัตร 4 - คุณนายสารวัตร

2385 Words
เวลาตีสามของวันที่แสนธรรมดา ลูกสาวคนเดียวของเรือนทนายราชันถูกปลุกขึ้นมาอาบน้ำเย็น ๆ ที่กว่าหนูนาจะยอมอาบได้ก็เล่นเอาปื๊ดแทบขาดใจ จากนั้นร่างเล็กก็ถูกพากลับขึ้นมาที่ห้องนอน ก่อนปื๊ดจะกดไหล่ทั้งสองข้างให้หนูนานั่งลงหน้ากระจกเงาบานใหญ่ “ฮ๊าววววว” “พี่หนูนา หาวปากกว้างน่าเกลียด” ปื๊ดถึงกับรับไม่ได้ มีอย่างที่ไหนโตเป็นสาวอายุยี่สิบปี จนวันนี้จะแต่งงานออกเรือนแล้วยังหาวปากกว้างแบบนี้ “ก็คนมันง่วง ง่วง ง่วง ง่วง ง่วง ได้ยินไหมวะว่าข้าง่วง อยากนอนต่อ ได้ยินไหมมม!” “ได้ยินแล้วจ้ะ แต่วันนี้วันแต่งงานของพี่กับสารวัตรศิลานะ ต้องรีบแต่งหน้าแต่งตัว ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันฤกษ์ทันยาม” “ก็ช่างมันสิ” “พี่หนูนา!” "ทำไมเล่า!" “ทะเลาะอะไรกันแต่เช้า” เสียงเย็น ๆ เอ่ยขึ้นเพื่อห้ามศึกน้ำลายของคนสองคน บานประตูไม้สักถูกเปิดออกกว้าง คนที่ก้าวเข้ามาเป็นคนแรกคือใบบัว ตามด้วยป้ามะลิ และพี่สาวคนสวยอย่างพี่เอื้อ “แล้วนั่นพี่ช้างเข้ามาทำไม” หนูนาถามคนที่เดินเข้ามาคนสุดท้าย ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายเข้ามาในห้องทำไมแต่ก็อดแกล้งไม่ได้ เห็นเอาแต่เดินตามพี่เอื้อต้อย ๆ จีบมาตั้งแต่พี่เอื้ออายุสิบแปดจนป่านนี้ก็ยังจีบไม่ติด แต่ก็สมควรแล้ว พี่เอื้อเป็นถึงลูกสาวผู้ใหญ่บ้านจะมาสนอะไรกับนักเลงหัวไม้ที่มีเรื่องกับคนอื่นไปวัน ๆ งานการไม่มีทำแบบนี้ “นั่นสิ พ่อช้างเข้ามาทำไมลูก น้องต้องแต่งตัวนะ ผู้ชายอยู่ไม่ได้” “แต่ไอ้ปื๊ดก็อยู่นี่จ๊ะแม่” ช้างเถียงแม่ ไอ้ปื๊ดเป็นชายเหมือนกันยังนั่งหน้าสลอนอยู่ได้ เขาที่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ก็ต้องอยู่ได้เหมือนกัน “ปื๊ดอยู่ได้เพราะปื๊ดเป็นน้อง...” “อย่างนั้นหนูก็อยู่ได้เพราะหนูเป็นพี่” “เอ๊ะ พ่อช้าง” “พี่ช้างจ๊ะ” เสียงอ่อนหวานเอ่ยเรียกเบา ๆ เพียงแค่นั้นคนดื้อดึงก็ตาหวาน เลิกเถียงแม่ทันทีทันใด “พี่ช้างออกไปรอด้านนอกก่อนนะ คนในนี้เยอะเกินไป จะแต่งตัวให้น้องได้ไม่สะดวก” “ก็ได้จ้ะน้องเอื้อ พี่จะออกไปรอน้องเอื้อข้างนอกนะจ๊ะ” เอื้อทำเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่นั่นก็ทำให้ช้างลิงโลดไปแล้วว่าน้องเอื้อมีใจให้! “น้าล่ะปวดหัว” เมื่อลูกชายยอมออกไปใบบัวก็อดหันไปบ่นกับเอื้อไม่ได้ มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าช้างชอบเอื้อ และมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเอื้อไม่ได้เล่นด้วย ทุกคนรู้ ยกเว้นช้างนั่นแหละที่ชอบคิดว่าเอื้อมีใจให้ แค่ยิ้มให้ก็คิดไปถึงวันแต่งงานโน้นแล้ว ปวดหัวจริง ๆ “รีบแต่งหน้าทำผมให้หนูนาดีกว่าใบบัว นั่น หลับน้ำลายยืดไปแล้ว” นี่ก็อีกคน ใบบัวเหนื่อยใจเกินจะกล่าว มีลูกสองคนสร้างแต่เรื่องปวดหัวมาให้ไม่หยุดไม่หย่อน นึกแล้วก็อิจฉามะลิกับสอง มีลูกแค่คนเดียวแต่เป็นเด็กดี เป็นกุลสตรีที่ใคร ๆ ก็อยากได้มาเป็นสะใภ้ และแน่นอนว่าใบบัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่พอหันกลับไปมองลูกชายที่เบ่งออกมาเองก็จำต้องถอดใจ ช้างเป็นแบบนี้ใครเขาจะอยากฝากชีวิตด้วย ให้เด็กดีอย่างเอื้อไปเจอคนที่ดีกว่านี้เถิด... . . หนูนาถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งหลังจากแต่งหน้าทำผมเสร็จ เพราะใบบัวรู้ว่าตัวเธอคนเดียวคงจับลูกแต่งหน้าไม่ได้ง่าย ๆ ถึงได้วานให้มะลิและเอื้อมาช่วย ตลอดเวลาที่แต่งหน้าทำผมหนูนาหลับตลอด ปื๊ดต้องคอยช่วยจับไม่ให้ว่าที่เจ้าสาวคอพับลงไประหว่างมวยผมสูง “อึดอัด” “แม่บอกแล้วว่ามื้อเย็นอย่ากินเยอะ” ใบบัวจับลูกสาวหมุนไปมา “สวยมากลูกสาวแม่” “สวยจริง ๆ หลานป้า ยิ่งแต่งชุดไทยแบบนี้ยิ่งสวย” “พี่เอื้อ หนูนาสวยไหม” “สวยจ้ะ สวยมากจริง ๆ” ได้ยินแบบนั้นว่าที่เจ้าสาวก็ยืดอกสูง ผู้หญิงที่ไหนจะไม่อยากสวย ถูกชมแบบนี้ก็ชักจะอยากเห็นตัวเองบ้างแล้ว หนูนาเดินไปที่กระจกขนาดเท่าตัว ดวงตากวางซุกซนกวาดมองหญิงสาวในนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงสวยหวานคนนั้นจะเป็นเธอจริง ๆ เธออยู่ในชุดไทยสีงาช้าง สไบมีสีเข้มกว่าตัวชุดเล็กน้อย ปักด้วยบางอย่างแวววาวเป็นรูปดอกไม้เล็ก ๆ กระจายไปทั่ว เครื่องประดับตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเป็นทองคำแท้ ชุดนี้เป็นชุดที่สารวัตรสั่งตัดให้ และคนที่ตัดเย็บให้ก็ไม่ใช่ใคร พี่เอื้อช่างเย็บเสื้อผ้าคนสวยพี่สาวของหนูนาเอง “ศาลาวัดก็ตาถึงนะเนี่ย” “สวยใช่หรือไม่ลูก แม่ว่าเข้ากับลูกมากเลยนะ” “สวยจ้ะ แต่แม่ว่าแบบนี้จะขายต่อได้เท่าไหร่...” “หนูนา” “ล้อเล่นจ้า” แกล้งแม่จนพอใจก็ยืนหมุนซ้ายหมุนขวา หนูนาอารมณ์ดีขึ้นเยอะเพราะวันนี้ตัวเองสวย หน้าที่ไม่เคยเจอเครื่องสำอางถูกแต่งอย่างปราณีต ขนาดเธอนั่งหลับป้ามะลิกับพี่เอื้อยังแต่งหน้าออกมาได้ดีขนาดนี้ สองแม่ลูกเก่งกาจสมคำร่ำลือ “อีกไม่เกินชั่วโมงสารวัตรก็มาแล้ว แม่ไปแต่งตัวก่อน หนูนาอย่าแอบนอนนะลูก เดี๋ยวผมพัง” “หนูนาไม่นอนแล้วจ้ะแม่ ไม่ง่วงแล้ว” “ดีแล้ว” ใบบัวลูบหัวลูกสาวเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมทุกคน ว่าที่เจ้าสาวในชุดไทยเดินไปหยุดที่ริมหน้าต่าง แสงแรกของพระอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้ารำไร ดวงตากวางมองไปทั่วบริเวณเรือนที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม เวลาเดินเร็วจนน่าใจหาย อีกไม่นานเธอก็ต้องจากเรือนหลังนี้ไป เพราะต้องไปใช้ชีวิตกับสารวัตรในตัวเมือง แม้ใจไม่อยากไปแต่มันก็เป็นธรรมเนียม หนูนาได้แต่ปลอบตัวเองว่าแค่สามเดือนเท่านั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้ว่าไม่ท้องเธอจะรีบขอหย่าทันที หลังจากนั้นก็จะรีบกลับมาอยู่ที่นี่ อยู่กับแม่ พ่อ พี่ชาย และน้องเหมือนเดิม ที่ยอมแต่งงาน เพราะเธอไม่อยากได้ยินคำนินทาจากคนอื่นว่าลูกสาวทนายถูกตำรวจเจาะไข่แดงแล้วทิ้ง งานแต่งในครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อรักษาหน้าตาของพ่อและแม่ไว้เท่านั้น หนูนาไม่เคยสนใจคำคนนินทาว่าร้ายตนเอง แต่เมื่อไหร่ที่ครอบครัวถูกแตะต้องเธอทนไม่ได้ พ่อกับแม่เป็นคนดี ช่วยเหลือทุกคนด้วยใจเสมอ ไม่ควรเลยสักนิดที่จะถูกว่าร้าย ความคิดที่ล่องลอยไปไกลถูกดึงกลับมาด้วยเสียงก๊อกแก๊กหน้าประตู ก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่คุ้นเคยของพี่ชายร่วมสายเลือด “หนูนา ให้พี่เข้าไปนะ” “เข้ามาเลยพี่ช้าง” หนูนายิ้มกว้างเมื่อได้เห็นชุดที่พี่ชายใส่ พอใส่ชุดไทยแบบนี้แล้วพี่ช้างดูโตขึ้นเป็นกอง รวมถึงสีหน้าจริงจังเต็มไปด้วยความเป็นห่วงที่ส่งเสริมให้บุคลิกของช้างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ “น้องสาวพี่สวยมาก” “เพิ่งรู้หรือ” “หึ รู้ตั้งแต่หนูนาอยู่ในท้องแม่แล้ว” “ขี้โม้จริง ๆ อ๊ะ...” เจ้าสาวร้องเสียงหลง เมื่อถูกพี่ชายดึงเข้าไปกอดแน่นจนจมหายเข้าไปอกกว้าง “หนูนา พี่ต้องคิดถึงน้องมากแน่ ๆ” “พี่ช้าง ทำเหมือนว่าตัวเมืองมันอยู่ไกล แค่ไม่กี่กิโลเอง หนูนาจะกลับมาบ้านทุกวันเลย” “ได้อย่างไร แต่งงานแล้วก็ต้องอยู่กับผัว จะกลับบ้านทุกวันได้อย่างไร” “อี๋ ผัวอะไรเล่า” หนูนารีบดันพี่ชายออกเมื่อได้ยินถ้อยคำแสลงหู ผัวเผออะไร ขนลุก “เอ้า น้องแต่งงานกับสารวัตรศิลาแล้วก็ต้องเป็นผัวเมียกันสิ” “พอเลยพี่ช้าง ไม่อยากฟังแล้ว” “ฮะฮ่า เฮ้อ... พี่รักหนูนานะ” พูดจบช้างก็รั้งร่างน้อยเข้ามากอดอีกครั้ง ไม่วายลอบหอมหัวน้องเบา ๆ เหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ใจหายเหลือเกิน น้องโตจนมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว “หนูนาก็รักพี่ช้าง พี่ช้างเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก” “หากมีเรื่องทุกข์ใจก็กลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ แต่หากไอ้สารวัตรมันนอกกายนอกใจน้องรีบมาบอกพี่ พี่จะพาพวกไปกระทืบมัน พี่ยอมติดคุกข้อหากระทืบตำรวจ!” “เรื่องนั้นไม่ต้องถึงมือพี่ช้างหรอก” หนูนาพูดเรียบ ๆ แต่พร้อมจะทำจริง ๆ ถึงจะแต่งงานกันเพราะความจำใจ แต่ช่วงที่ยังไม่หย่าร้างไอ้ศาลาวัดนั่นก็ไม่มีสิทธิ์นอกกายนอกใจเธอ ถ้าทำ เธอจะตัดไอ้นั่นมาสับให้เละเลยคอยดู “รู้ใช่หรือไม่ว่าไม่ว่าอย่างไรเรือนนี้ก็ต้อนรับน้องเสมอ” “หนูนารู้ดีที่สุดว่าไม่มีที่ไหนดีกว่าเรือนหลังนี้อีกแล้ว” . . พิธีแต่งงานผ่านไปอย่างเรียบง่าย หนูนาและศิลาในชุดไทยสีงาช้างคลานเข่าเข้าไปกราบผู้ใหญ่ทั้งสามคนจากฝั่งเจ้าสาว แต่ในส่วนของเจ้าบ่าวนั้นไม่มีญาติมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว ทุกคนเข้าใจว่าครอบครัวศิลานั้นอยู่ไกล เดินทางลำบาก คงมีแค่ศิลาคนเดียวที่รู้เหตุผลจริง ๆ “หนูนา” “ย่าอ่อนจ๋า” หนูนาซบตักย่าอ่อนอย่างออดอ้อน คงจะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่เด็กแสบอย่างหนูนาไม่แสดงท่าทีดื้อด้านต่อหน้า เมื่อไหร่ที่มีย่าอ่อนอยู่ด้วยหนูนาก็จะเป็นเพียงเด็กสาวน่ารัก อ่อนหวาน และว่าง่าย “แต่งงานแล้วอย่าดื้อด้านนัก” ทว่า แม่อ่อนหรือย่าอ่อนก็ไม่ต่างอะไรจากอดีต แม้จะแก่ตัวลงมากแต่เรื่องทันคนไม่เคยมีใครสู้ได้สักคน “หนูนาไม่ดื้อ” “ให้มันจริงเถิด” มือเหี่ยวย่นลูบผมหลานรักเบา ๆ “อย่างน้อย ๆ ก็เป็นถึงคุณนายสารวัตรแล้ว อย่าทำอะไรให้ผัวต้องขายหน้านัก พึงระลึกไว้ว่าอย่างไรผัวก็มีลูกน้องมากมายที่ต้องปกครอง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ชีวิตคู่จะได้ราบรื่นยืนยาว” “จ้ะ ย่าอ่อน” แม้ปากจะคันยุบยิบอยากเถียงแทบตายว่าเธอไม่มีทางอยู่กินกับตำรวจยืนยาวหรอก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าย่าอ่อนหนูนาไม่กล้าแผลงฤทธิ์มากนัก ได้แต่ตอบรับเสียงอ่อย “สารวัตร” ย่าอ่อนใช้ดวงตาฝ้าฟางจดจ้องชายหนุ่มผู้เป็นหลานเขย “หนูนายังเด็ก ดื้อไปบ้างแต่ไม่ใช่คนพูดไม่รู้เรื่อง หนูนามีเหตุผล เพียงแต่เอาแต่ใจไปหน่อย อย่างไรก็ฝากหลานฉันด้วยนะ” “ย่าอ่อน...” “ครับ ผมจะดูแลหนูนาให้ดีที่สุด” ได้ยินแบบนั้นคนดื้อก็ค้อนขวับ รีบกระซิบกับคู่ชีวิตหมาด ๆ เสียงแข็ง “ไม่ต้องมาดูแล ฉันดูแลตัวเองได้” “ได้ฤกษ์แล้ว จดทะเบียนสมรสกันเถิด” นายอำเภอนำเอกสารเข้ามาวางตรงหน้า หนูนารีบกระหวัดเขียนชื่อลงไปโดยไม่คิดอะไร มีเพียงสารวัตรหนุ่มที่ใช้เวลาคิดสักพัก ทว่าท้ายที่สุดก็ยอมจรดปากกาลงเป็นลายลักษณ์อักษร “สารวัตรศิลาและคุณคะนึงนิจเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะครับ” เมื่อเสร็จสิ้นพิธีปื๊ดก็อาสาประคองย่าอ่อนกลับเรือน คนแก่ออกมาตากแดดนาน ๆ ก็เริ่มไม่สบายตัว เมื่อไร้คนที่คอยควบคุมหนูนาก็กลับมาดื้อเหมือนเดิม ใบบัวส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อเห็นสีหน้ามุ่ย ๆ ของลูกสาว กำปั้นน้อยทุบน่องตัวเองไม่หยุด คงเมื่อยและร้อนน่าดู “สารวัตร ฉันฝากลูกด้วยนะ หากทนไม่ไหวก็แค่เอามาคืนที่นี่ อย่าได้ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันเลย” “แม่ หนูนาไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายร่างกายได้หรอกจ้ะ” หนูนารีบร้องขัด อย่างเธอน่ะหรือจะให้ใครมาทำร้ายร่างกายได้ฝ่ายเดียว ไม่มีทางเสียหรอก “สบายใจเถอะครับคุณน้าใบบัว ผมไม่มีวันทำร้ายร่างกายภรรยาตัวเอง ผมสาบาน” ใบบัวได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มแก้มปริ เริ่มรู้สึกพอใจลูกเขยขึ้นมาอีกหลายส่วน เธอประทับใจศิลาตั้งแต่วันที่เสนอตัวรับผิดชอบหนูนาโดยไม่ต้องถามแล้ว ยิ่งช่วงเตรียมงานที่ได้เจอกันบ่อย ๆ ก็ยิ่งประทับใจ ผู้ชายแบบนี้แหละที่ฝากลูกไว้ด้วยได้ ราชันที่นั่งเงียบมานานเริ่มทนไม่ไหว เขาขยับเข้าไปใกล้คู่ชีวิต ก่อนจะจูบแก้มเนียนเบา ๆ ให้ลูกหลานและชาวบ้านเห็น เขาเคืองที่ใบบัวยิ้มให้ไอ้ลูกเขยมากเกินไป ให้มันรู้เสียบ้างว่าใบบัวคนนี้เป็นของใคร ฮึ่ม! “โอ้ย พ่อกับแม่ยังไม่เลิกหวานกันอีก ลูกโตจนแต่งงานแล้วน้า” หนูนาได้ทีก็รีบกระเซ้า เห็นจนชิน แต่ก็อดเย้าไม่ได้ แม่ใบบัวเวลาเขินน่ารักจะตายไป “พี่ราชันก็...” ใบบัวตีอกแกร่งเบา ๆ เขินจนอยากมุดดินหนีเสียเดี๋ยวนี้ “เอ๊ะ แม่ว่าพ่อศิลาก็หอมแก้มน้องบ้างสิจ๊ะ” “ห๊า!” หนูนาร้องเสียงหลง หน้าตาเลิ่กลั่กไปไม่เป็น เธอถูกแม่แกล้งกลับเสียแล้ว! “วันนี้วันแต่งงานของลูก ๆ นี่นา เจ้าบ่าวเจ้าสาวยังไม่ได้หอมแก้มกันเลยนะ หอมกันสิจ๊ะ จะจูบก็ได้นะ อย่างไรก็เป็นผัวเมียกันแล้ว” “แม่จ๋าหนูนาไม่เอา ไม่หอม! ไม่จูบ! ห้ามเข้ามาใกล้นะสารวัตร!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD