บทที่9 ไม่นานก็มาถึงยังด้านหน้าตำหนักหมิงเต๋อเรือนกายสูงใหญ่ของจ้าวเหลียงอี้จึงจำใจหยุดรอให้สตรีน่ารำคาญที่ช่วงขาสั้นนักเดินจากประตูชั้นในมาถึงหน้าตำหนักชักช้าอืดอาดจนเขาอารมณ์กรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้หานซางจื่อที่เร่งฝีเท้าตามมาอย่างระมัดระวังต้องหยุดลงเช่นกัน หญิงสาวมองบุรุษหน้าตาบึ้งตึงด้วยความไม่เข้าใจว่าตนเองทำสิ่งใดผิดอีกจ้าวเหลียงอี้จึงทำราวกับจะจับนางสับเป็นหมื่นชิ้นเช่นนี้แต่ไม่ได้ถามออกไปเป็นคำพูดนางถามเขาด้วยสายตากังขาแทน “ชักช้า!” ถูกตำหนิแทนที่จะโกรธเคืองหานซางจื่อกลับยิ้มหวานส่งไปให้อีกฝ่ายเสียอย่างนั้นในสายตาผู้อื่นอาจมองว่าพระชายาหานนั้นไร้เดียงสายิ่งนักแต่จ้าวเหลียงอี้กลับรับรู้ได้ถึงการยั่วยวนโทสะให้เขาโมโหจากรอยยิ้มไร้พิษภัยของสาวน้อยโฉมสคราญอย่างชัดเจน แต่ก็เช่นเดิมยิ่งหานซางจื่อเห็นชายหนุ่มโกรธจนเสียกิริยากลับยิ่งยิ้มกว้าง “ก้าวเดินให้มันเร็วหน่อย! รู้ว่าช่วงขาสั้น