บทที่7
ทางด้านตำหนักซู่จิ้งอ๋องนั้นหลังจากหมอหลวงจากไปก็พอดีกับที่คนจากวังหลวงเร่งร้อนมารับตัวเฝิงกุ้ยเฟยกลับวังตามบัญชาของฮ่องเต้จ้าวเหลียงอี้จึงต้องไปส่งมารดาของเขาส่วนหานซางจื่อนั้นเพราะข้อมือบาดเจ็บจึงได้รับการยกเว้นไม่ต้องออกไปส่งมารดาของสวามีตามกฎเกณฑ์ของราชวงศ์ นั่นจึงทำให้สาวน้อยค่อยหายใจหายคอโล่งไม่น้อย
เนื่องจากสามชั่วยามที่ผ่านมาจ้าวเหลียงอี้จับตามองไม่ห่างจะทำสิ่งใดก็ยากไปหมดนี่ก็เลยจากที่นางมีนัดสำคัญคาดว่าคนผู้นั้นคงร้อนใจไม่น้อยแล้ว หานซางจื่อเรียกหาเพียงถิงเฟยโดยอ้างกับซูผิงและหงเจี๋ยว่าตนเองรู้สึกเหมือนจะมีไข้จึงอยากพักผ่อนวันนี้เลยไปจนถึงกลางคืนอาจจะนอนหลับยาวห้ามรบกวน
“หากมีเหตุฉุกเฉินก็แก้ไขไปตามสถานการณ์เช่นที่ข้าเคยสั่งสอนก็พอ”
กำชับถิงเฟยที่ปลอมตัวเป็นนางเช่นทุกครั้งแล้วหานซางจื่อที่แต่งกายจนรัดกุมก็ซ่อนเร้นหลบหลีกเหล่าองครักษ์มากมายภายในตำหนักซู่จิ้งอ๋องออกไปตามนัดทันทีกิริยาบอบบางราวกับดอกสาลี่เปียกฝนหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ข้อมือที่เคลื่อนถูกขยับไม่กี่ครั้งก็กลับมาใช้การได้ปกติแล้ว แต่ยุ่งยากอยู่บ้างกว่าจะออกจากตำหนักได้ก็ใกล้ค่ำพอดีนับว่าเลยเวลานัดหมายไปไม่น้อยแต่เมื่อความปลอดภัยหานซางจื่อจึงต้องยอมไปสายสักหน่อย
อาชาสีดำแต้มขาวช่วงหน้าอกถูกบังคับให้มุ่งหน้าไปยังหอชมเมืองด้านทิศตะวันออกรวดเร็วไม่ถึงหนึ่งชั่วยามนางก็มาถึงจุดหมายผิวขาวราวหยกมันแพะถูกซุกซ่อนอยู่ในอาภรณ์สีดำกลมกลืนไปกับสีของราตรีใบหน้าแท้จริงที่บอบช้ำก็ถูกปกปิดด้วยหน้ากากหนังมนุษย์จนเปลี่ยนไปเป็นหนุ่มน้อยผู้หนึ่งที่มีใบหน้าแสนจะธรรมดา มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่เป็นสีจริง
“ข้านึกว่าเจ้าจะไม่มาเสียแล้วนะเฉียนซือ” บุรุษหนุ่มวัยราวยี่สิบเจ็ดถึงยี่สิบแปดหนาวเปิดเผยใบหน้าหล่อเหลาราวกับคุณชายเจ้าสำราญไม่มีส่วนใดบอกเลยว่าคนผู้นี้เป็นคนของกองทัพของเทียนสุ่ยเอ่ยทักทายขึ้นหลังจากคนที่เขารอคอยมากว่าสี่ชั่วยามโผล่มาได้สักคราแต่ภายใต้คำทักทายกึ่งหยอกล้อนั้นกลับแฝงเอาไว้ด้วยความตำหนิติเตียนชัดเจนซึ่งหากว่าคนผู้นี้ฝีมือไม่เด็ดขาดเขาคงไม่อดทนรอคอยได้ถึงเพียงนี้เป็นแน่
“ก็ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเฉียนซือไม่เคยผิดนัดอาจจะมาสายไปบ้างย่อมมีใช่หรือไม่เล่า เฉียนซือ?"
บุรุษที่ปกปิดใบหน้าแท้จริงเอาไว้ซึ่งคนผู้นี้หานซางจื่อคุ้นเคยดี ทว่าก็ไม่ได้สนิทกันจนสามารถเปิดเผยตัวตนแท้จริงให้กันและกันรู้จักได้ที่เป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ภายในห้องรับรองพิเศษนี้ด้วยก็เอ่ยขึ้นมาบ้างราวกับจะแก้ต่างให้แก่นางหากทว่าสายตานั้นกลับมีโทสะอ่อนๆ แฝงอยู่ไม่น้อยเช่นกันหากแต่หานซางจื่อกลับวางสีหน้าเรียบเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสายตาของบุรุษทั้งสองที่มองมาอย่างกดดันค่อนไปทางไม่พึงใจอย่างยิ่งแม้แต่น้อย
“ข้าผู้แซ่เฉียนก็เคยเตือนพวกท่านทั้งสองไปแล้วมิใช่หรือว่านัดวันนี้ข้าค่อนข้างไม่สะดวกแต่ทั้งสองกลับดื้อดึงจะนัดพบกับข้าให้ได้เองมิใช่หรือเช่นนั้นจะกล่าวโทษกันก็ออกจะหน้าด้านเกินไปหรือไม่”
คำตอบเนิบช้าขณะที่เรือนกายภายในอาภรณ์สีดำทรุดลงไปนั่งพร้อมกับรินน้ำชาใส่ถ้วยแล้วดื่มราวกับคำตำหนิคาบคายดังกล่าวออกไปใส่หน้าของบุรุษทั้งสองที่มากทั้งวัยและสูงด้วยฐานันดรกว่าตนเองมากนักนั้นไม่ได้ผิดอันใดแม้แต่น้อยที่สำคัญกิริยาดื่มโดยไม่ระวังนี้ช่างกวนโทสะบุรุษทั้งสองอย่างยิ่งแต่เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่พวกเขาจะต่อสู้ด้วยได้จึงจำใจต้องเก็บโทสะลงท้องไป
“เจ้านี่มัน!...”
“เจ้า!...”
สองบุรุษต่างพากับสบถคำหยาบคายที่หากบรรพบุรุษของพวกเขามาได้ยินอาจไม่กล้านับญาติเสียเป็นแน่แต่หานซางจื่อกับทำเพียงไหวไหล่ราวกับว่าทั้งสองกำลังร้องเพลงขับกล่อมตนเองเสียอย่างนั้น
“นัดมาแล้วก็คุยแต่สิ่งมีประโยชน์เถิด เพราะเวลาของข้าผู้แซ่เฉียนนั้นไม่ได้มีมากเช่นพวกท่านทั้งสองช่วยเข้าใจด้วยหายใจหนึ่งครั้งมีค่านักเกรงว่านานไปจะมีคนจ่ายไม่ไหว”
ถ้วยน้ำชาถูกเติมแล้วดื่มตามลงไปอีกสองถ้วยราวกับผู้มาใหม่กระหายนักหนาก่อนที่หนึ่งในสองคนนั้นจะส่งกระดาษแผ่นเท่าฝ่ามือมาตรงหน้าของหานซางจื่อหญิงสาวในคราบของเด็กหนุ่มในตาสีดอกจื่อเถิงหลัวหนึ่งข้างจะรับมาอ่านเพียงอึดใจเท่านั้นก็เผาทิ้งไปทันทีไม่นานก็เหลือแค่เศษฝุ่นผงที่ค่อยๆ ลอยหายไปในที่สุด
“เขาเป็นถึงขุนนางขั้นสามของราชสำนักค่าหัวก็คงต้องมากตามไปด้วยไม่ทราบว่าพวกท่านทั้งสองเต็มใจจะจ่ายใช่หรือไม่ หากเต็มใจก็เสนอราคาที่คู่ควรมา”
กล่าวจบแล้วมือเรียวของหานซางจื่อก็คลึงถ้วยน้ำชาเล่นส่วนดวงตาสีแปลกนั้นกลับหรี่ลงเปิดเพียงครึ่งเดียวและมองแค่เพียงปลายนิ้วที่ถูกซ้อนเอาไว้ในถุงมือหนังสีดำอีกทีแต่ผิวขาวผุดผ่องก็ยังมีให้เห็นได้จากช่วงลำคอของนางอยู่ดีและหนึ่งในสองบุรุษที่นั่งอยู่คนละฝั่งก็เผลอมองเพลินไปเลยและอดจะเสียดายไม่ได้ที่อีกฝ่ายเป็นหนุ่มน้อยหาใช่สาวน้อยหาไม่เขาคงจะลองเสี่ยงชีวิตหยอกล้อกับคนผู้นี้ดูสักครั้ง
“เช่นนั้นห้าหมื่นตำลึงแลกกับชีวิตของขุนนางที่โกงเงินหลวงถือว่าคุณชายผู้นี้นั้นจ่ายไหวหรือไม่?”
อีกคนที่ปกปิดตัวตนยื่นตั๋วเงินมาให้ตรงหน้าหานซางจื่อไม่กล่าวอันใดเพราะกังวลห่วงใยไปถึงถิงเฟยอยู่มากนางทำเพียงยื่นมือไปรับมาไปตั๋วเงินมาไม่ขอต่อรองราคาที่สูงขึ้นทั้งที่ทราบดีว่าบุรุษที่ทำตัวเป็น'คนกลาง'ผู้นี้คงกินนายหน้าไปไม่น้อยก็ตามเรือนกายอรชรลุกขึ้นยืนรวดเร็วจนบุรุษที่กำลังจับจ้องลำคอเล็กระหงนั้นตกใจเล็กน้อยจนเสียกิริยาเล็กน้อย
“อีกไม่เกินห้าถึงเจ็ดวันศีรษะของคนผู้นี้จะไปรอท่านที่ศาลาแปดเหลี่ยมที่นอกเมืองทิศใต้ก่อนยามจื่อแน่นอน”
กล่าวจบหานซางจื่อก็จากมาทอดทิ้งหนึ่ง‘นายหน้า’ กับหนึ่ง ‘ลูกค้า’ เงินหนาเอาไว้เบื้องหลังเพราะภายในใจกังวลอย่างยิ่งกลัวว่าถิงเฟยจะถูกจับได้เพราะตำหนักซู่จิ้งอ๋องไม่ใช่จวนสกุลหานที่นางทั้งสองเติบโตมาลำพังตัวของนางไม่ห่วงนางเป็นห่วงก็แต่สาวใช้เท่านั้นดังนั้นนางจึงเร่งฝีเท้าม้าไม่หยุดพักก่อนจะอาศัยความมืดแฝงเร้นกายกลับเข้าไปยังห้องพักที่จ้าวเหลียงอี้ได้ให้หวังเฉาชุ่นจัดให้ใหม่ได้อย่างปลอดภัย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ราวกับอีกฝ่ายของจ้าวเหลียงอี้นั้นมีตาทิพย์เพราะเพียงแค่หานซางจื่อก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องได้สำเร็จยังไม่ทันได้เปลี่ยนอาภรณ์และ'ลอกคราบ'กลับไปเป็นพระชายาหานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเช่นกัน
“ไปรับหน้าเอาไว้ก่อนข้าจะเปลี่ยนชุด”
ถิงเฟยรับคำแล้วพุ่งกายซึ่งจัดการให้คืนสภาพมาเป็นเพียงสาวใช้ของพระชายาหานเรียบร้อยแล้วไปเปิดประตูแล้วแทรกกายออกไปรับหน้าผู้ใดก็ตามซึ่งมาเคาะประตูห้องดึกดื่นเช่นนี้โดยปิดประตูแน่นหนาปล่อยให้ผู้เป็นนายจัดการตนเองเสียก่อน
“ซะ…ซู่จิ้งอ๋อง!”
แต่คนที่มาปรากฏตัวกลับน่าหวาดกลัวกว่าปีศาจพันปีเสียอีกทำเอาถิงเฟยเสียขวัญจนอาการติดอ่างกลับมากำเริบอีกครั้งทั้งที่ปกติมันก็หายมาหลายหนาวแล้วแท้ๆ
“ตกใจอันใดของเจ้า เร่งเปิดประตูสิ!”
เฮือก!
ถิงเฟยตกใจจนผวาเมื่อมู่สือตวาดก้องแต่ถึงจะหวาดกลัวเพียงใด ทว่าเด็กสาวก็ยังห่วงใยผู้เป็นนายสาวอยู่ดีนางจึงไม่ยอมเปิดซึ่งเด็กสาวคงไม่รู้ว่ายิ่งนางดูหวงแหนประตูให้ฆ่าจนตายคาดว่านางก็คงไม่เปิดจะทำให้บุรุษสองคนจะยิ่งสงสัย
“เปิดประตูสิ เปิ่นหวางจะเข้าไปเยี่ยมพระชายาหาน”
จ้าวเหลียงอี้เอ่ยย้ำคำของคนสนิทอีกครั้งคราวนี้ถิงเฟยตัวสั่นสะท้านไปหมดแต่เช่นไรก็ไม่ยอมเปิดประตูชายหนุ่มจึงพยักหน้าส่งสัญญาณให้กับมู่สือจัดการสาวใช้คนสนิทออกไปเสียให้พ้นจากประตู
“โอ๊ย!”
ถิงเฟยถูกกระชากแล้วเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังอีกด้านเปิดทางให้จ้าวเหลียงอี้ได้เปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปภายในห้องดูให้ชัดเจนว่ามีสิ่งใดปิดปกเขาอยู่กันแน่? …
โครม!!!
“!!!”