แต่งตัวเสร็จปุณวริทธิ์ก็เดินออกมาด้านนอกโดยไม่หันไปให้ความสนใจกับผู้หญิงที่นั่งซึมดวงตาแดงก่ำในรัศมีสายตาเขาเลยแม้สักนิด เขาไม่ได้สนใจว่าเธอจะเจ็บปวดกับสิ่งที่เขาพูดกับเธอมากเพียงใด รู้แต่เพียงว่าต้องการให้เธอไปเสียที
‘พูดชัดขนาดนี้ จะได้ไม่ต้องยื้ออะไรอีก’
เขาสืบเท้าตรงมายังประตูทางออกอย่างรวดเร็วราวกับคนที่อยู่ใต้น้ำและต้องรีบพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำเพราะลมหายใจที่กลั้นไว้กำลังจะหมด หยิบกุญแจรถที่แขวนไว้ตรงทางออกสวมรองเท้าคู่โปรดที่ถูกจัดวางไว้โดยไม่ต้องเสียเวลาเลือก ทุกอย่างคือความเคยชินที่เขาไม่เคยให้ความใส่ใจในรายละเอียดเหล่านั้น
แทนตานั่งมองจนร่างสูงหายลับออกไป เมื่อกะพริบตาลงอีกครั้งหยาดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ก็ไหลล้นออกมา ในปีแรกที่อยู่ด้วยกันเขากับเธอเข้ากันได้ดีทุกเรื่อง ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ เธอรู้จักเพื่อนสนิทเขาแต่เขาไม่เคยสนใจพูดหรือถามถึงเพื่อนสนิทหรือครอบครัวของเธอ เขารู้แค่ว่าตอนนี้เธอไม่มีญาติสนิทแล้วเพราะทุกคนไปอยู่บนสวรรค์กันหมดเหลือแค่เธอที่ยังอยู่บนโลกบูด ๆ เบี้ยว ๆ ใบนี้ ตอนที่เขาฟังเรื่องนี้เขายังมองหน้าเธอด้วยความสงสารและบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นว่า
“ไม่เป็นไร ผมจะดูแลคุณเอง”
ตั้งแต่วันนั้นเธอก็เผลอยึดเขาเป็นสรณะ คิดว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนที่เธออยู่ด้วยไปชั่วชีวิต ไม่เคยคิดถึงวันที่ต้องแยกจากกัน
ความรักที่ไม่เท่ากันคนที่รักมากกว่าย่อมเป็นฝ่ายเจ็บปวดเสมอ แต่ในกรณีของเธอความเจ็บปวดยิ่งทบทวีเพราะมันไม่ใช่ความรักที่ไม่เท่ากันแต่เขาไม่ได้รักเธอเลย! และเป็นเธอที่ต้องตัดใจ เพราะเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไร...สำหรับเขาเธอมันก็คงเป็นแค่รองเท้าคู่หนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่มันเก่า ขาด หรือตกรุ่น ก็แต่สลัดมันออกจากเท้า
หญิงสาวถอนสะอื้นยกมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าก่อนเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก่อนจะชะงักปลายนิ้วที่กำลังจะจิ้มที่ไอคอน Find My อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอทำโดยไม่ได้บอกเขา ถ้าเขารู้... เธอไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมีความคิดที่จะติดตามเขาว่าทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่ระยะหลังมานี้ เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากรู้และอยากอยู่ใกล้เขาตลอดเวลา ถึงขั้นกระวนกระวายเวลาเขาไม่อยู่ เป็นความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ เหมือนมีบางอย่างส่งสัญญาณเตือนเธอว่าเขากำลังห่างเธอออกไปทุกที
เธอรู้รหัสเข้าสมาร์ตโฟนของเขา อยู่ด้วยกันมากว่าสามปีตอนที่ยังสนิทแนบชิดกันก็เห็นเขากดตัวเลขรหัสบ้างจึงจดจำได้ เธอจึงสามารถใช้แอปพลิเคชัน Find My เพื่อหาที่อยู่ของเขาได้
แทนตาตัดสินใจวางโทรศัพท์ลงไม่กดเข้าไปดูว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้เธอก็ต้องออกไปข้างนอกเหมือนกัน ของใช้ส่วนตัวและส่วนรวมในห้องหลายอย่างใกล้หมดเธอจึงจะออกไปซื้อ ถ้าเขาทำตามนัด วันนี้ก็คงได้ออกไปซื้อด้วยกัน
ปุณวริทธิ์นั่งรอองค์อรในร้านอาหารที่นัดกันไว้ในห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่วันนี้มีอิเวนต์ส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เป็นน้ำผลไม้ผสมโซดาของบริษัทในเครือของครอบครัวเขา ชายหนุ่มจึงถือโอกาสแวะมาดูกระแสและถือโอกาสนัดองค์อรมาคุยเรื่องที่ค้างกันไว้เมื่อวาน ซึ่งคุณหนูสาวก็ตอบรับมาเจอกันในร้านอาหารตอนกลางวัน
“ขอบคุณพี่ปุณมากนะคะที่เข้าใจและยอมช่วยแสดงเป็นแฟนหลอก ๆ ให้อร”
“ไม่เป็นไรครับ แต่พี่คงทำได้แค่ตอนอยู่ต่อหน้าคุณแม่น้องอรเท่านั้น ช่วงเวลาอื่นพี่ไม่สะดวก ไม่อยากให้เป็นข่าวออกสื่อ จะได้เลี่ยงตอบคำถามจุกจิกจากคนอื่นด้วย สื่อสังคมเดี๋ยวนี้ขุดคุ้ยจนไม่มีความเป็นส่วนตัว พี่ไม่ชอบ” เขาบอกเงื่อนไขไปตามตรงตามนิสัยที่ไม่ชอบอ้อมค้อม
คุณหนูไฮโซยิ้มหวาน “แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะพี่ปุณ งั้นเพื่อเป็นการซ้อมบทเวลาอยู่ต่อหน้าคุณแม่อร เดี๋ยวทานข้าวเสร็จเราลงไปเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตด้านล่างกับอรได้มั้ยคะ อรจะซื้อผลไม้”
“ครับ”
บ่ายโมงเศษแทนตาก็ขับรถมาถึงห้างสรรพสินค้าเธอตรงดิ่งไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ถือโอกาสเดินสำรวจราคาสินค้าที่วางขายในห้างซึ่งเป็นสินค้าแบบเดียวกันกับที่เธอไลฟ์ขายให้กับบรรดานักช็อปออนไลน์เพื่อจะได้แจ้งราคาขายของสินค้าที่นำเสนอให้ลูกค้าได้ทราบ ซึ่งส่วนต่างของราคาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ดึงดูดใจลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อผ่านไลฟ์สินค้าที่แทนตาไลฟ์ขายมีทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้าหลากหลาย ของใช้ตั้งแต่ก้นครัวอย่างทัพพี กระดาษซับน้ำมัน หรือของกินอย่างกะปิหวาน ขนมกรุบกรอบ ไปจนถึงของชิ้นใหญ่อย่างเครื่องไฟฟ้า ล่าสุดเมื่อคืนแทนตาก็ไลฟ์ขายน้ำผลไม้ผสมโซฟาของบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ภายใต้แบรนด์เครื่องดื่ม ‘เอสที’ ที่แตกไลน์ผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ออกมา เธอรู้ว่าสินค้าชิ้นนี้เป็นหนึ่งในไลน์ผลิตจากบริษัทของปุณวริทธิ์ หญิงสาวจึงเดินมาดูราคาขายบนเชลฟ์เพื่อครั้งหน้าจะได้โพรโมตได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น
แทนตาเดินดูของแบบเรียบเรื่อยเหมือนแม่บ้านที่มาเดินเลือกของลดราคาก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ล็อกสินค้าเครื่องดื่มน้ำอัดลม ปากพูดพึมพำกับตัวเอง
“อยู่ไหนน้า น้ำแอปเปิลโซดาของเอสที”
เธอไม่ได้สนใจใครที่เข็นรถเข็นผ่านไปผ่านมา จนกระทั่งได้ยินเสียงกร้าวกระด้างของใครคนหนึ่งที่พูดอยู่ด้านหลังทำให้หญิงสาวสะดุ้งหันกลับไปมองก็เห็นสีหน้าถมึงทึงของปุณวริทธิ์
“ตามมาอีกแล้วใช่มั้ย”
เขาพูดในระดับเสียงที่ไม่ได้ดังมาก ได้ยินแค่คนตรงหน้าเท่านั้น แทนตามีสีหน้าตกใจปนงุนงงที่พบเขา เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“เปล่านะ แทนไม่ได้ตามคุณนะคะ แทนมาซื้อของ”
“จะให้เชื่อ?” เขาหรี่ตามองเธอ สายตาบอกว่าไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว
“แทนไม่ได้ตามคุณจริง ๆ นะ ก็เห็นอยู่ว่ามาเดินซื้อของ นี่ไง”
เธอชี้นิ้วลงมายังรถเข็นที่มีของใช้บางส่วนอยู่ในนั้น หากแต่คนที่ปักธงลงมาแล้วว่ามันคงไม่บังเอิญขนาดที่แทนตาจะมาซื้อของที่ห้างเดียวกับเขาและยังเป็นเวลาเดียวกันได้โดยที่เธอไม่รู้มาก่อน
“เรื่องนี้ฉันเตือนเธอหลายครั้งแล้วนะแทนตาว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาคอยตามฉัน”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าแทนไม่ได้ตามคุณมา แทน...” เธอกำลังจะแก้ต่างให้ตัวเอง ผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็เดินเข้ามาเสียก่อน พร้อมกับส่งเสียงขัดจังหวะ
“มีอะไรรึเปล่าคะพี่ปุณ”
น้ำเสียงนั้นหวานหยดเข้ากับรูปร่างหน้าตาที่ดูอ่อนหวานของเจ้าของเสียง แทนตาหันมองผู้หญิงที่สวมเดรสสีชมพูหรูราคาเกินครึ่งแสนที่เธอเห็นในช็อป กระเป๋าคล้องไหล่แบรนด์เนมรุ่นใหม่ล่าสุดราคาเกินหกหลัก รองเท้าส้นเข็มงานเปลือยให้เห็นเท้าเรียวขาวสะอาด และเช่นกันคู่นี้ราคาหลายหมื่นผู้หญิงคนนี้แพงระยับทั้งตัว
ปุณวริทธิ์ละสายตาขวางขุ่นเอาเรื่องจากผู้หญิงตรงหน้าหันไปมองอีกคนด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง
“ไม่มีอะไรหรอก จำคนผิดน่ะ ไปเถอะ”
ดวงตาคมเหลือบมองหน้าหญิงสาวแวบหนึ่งก็กุมมือคนที่ยืนเคียงข้างกันเดินผ่านหน้าเธอไป แทนตาไม่ได้หันมองตามเพราะภาพที่เขาจับมือกับผู้หญิงอีกคนเมื่อครู่ยังคงติดตรึงในใจจนเธอตัวชาดิกขยับขาไม่ได้ ในใจพร่ำถาม
“ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
เดินออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตอุ้งมือใหญ่ก็ปล่อยออกจากมือเรียวสวยขององค์อร เธอจึงเอ่ยเย้ากึ่งอยากรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงคนนั้นที่มองแวบเดียวก็มองออกว่าต้องมีอะไรกันแน่ ๆ
“พี่ปุณรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ”
ชายหนุ่มหันมาสบตา ถอนหายใจเบา ๆ
“ไม่มีอะไรครับ”
“เสน่ห์แรงจังเลยนะคะพี่ปุณ อรคิดผิดรึเปล่านะที่ให้พี่ปุณช่วย ดูท่าทางของผู้หญิงคนนั้นเอาเรื่องน่าดูนะคะดูจากสายตาเธอที่มองอร”
องค์อรทำหน้าฉงนน้อย ๆ นัยน์ตาใสซื่อราวกับเด็กน้อยที่ไม่เคยผจญกับคนที่ไม่เป็นมิตร
“ผู้หญิงคนนั้นไม่กล้าทำอะไรน้องอรหรอกครับ”
“เอ่อ...” คุณหนูองค์อรกัดริมฝีปากอย่างน่ารัก
“คือ...พี่ปุณจะไม่มีปัญหานะคะ อรไม่อยากให้พี่ปุณลำบากใจ”
“พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น น้องอรไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก”
“เอ...ก็เมื่อกี๊พี่ปุณพูดเหมือนกับเขาคอยตามพี่ปุณ ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วทำไมเหมือนผู้หญิงคนนั้นเขารู้ว่าพี่ปุณอยู่ที่ไหนล่ะคะ แปลกจัง”
องค์อรทำหน้าบ้องแบ๊ว พยายามให้เบาะแสเขาเพิ่มว่า
“หรือว่าเขาใช้ Find My ตามพี่ปุณคะ ถ้ารู้ขนาดนี้มีแต่ใช้แอปติดตามเท่านั้นแหละค่ะ”
หญิงสาวมองเขาตาใส เหมือนไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่สงสัยใคร่รู้และวิเคราะห์ตามสถานการณ์ ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง
ได้ยินคำว่า ‘แอปติดตาม’ ปุณวริทธิ์ก็ตวัดสายตามองเธอนิ่งก่อนจะเบือนหน้าออกไประบายลมหายใจด้วยความหงุดหงิด ถ้าแทนตาใช้วิธีนี้ติดตามเขาได้เห็นดีกันแน่ กล้าดียังไงมายุ่งกับมือถือของเขา ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตามติดเขาทุกฝีก้าว ขนาดคนในครอบครัวที่ให้กำเนิดยังไม่เคยทำแบบนี้เลย มันมากเกินไปแล้ว
^
^
^
***เป็นกำลังใจให้ลูกสาวด้วยนะคะมี้ๆ อ่านแล้วส่งหัวใจ คอมเมนต์มาด้วยน้า จะได้อัปหลายๆ ตอนจ้า