แทนตากลับมาถึงคอนโดตอนเที่ยงคืนกว่า เธอรู้ว่าเขากลับมาแล้วเพราะเห็นรองเท้าคู่ที่เขาใส่ประจำจอดอยู่หน้าประตู เธอก้มลงจัดรองเท้าหนังสีน้ำตาลให้เข้าคู่กันแล้ววางในตำแหน่งที่หันปลายเท้าออกหากเจ้าตัวจะใส่อีกครั้งก็สามารถสวมเท้าเข้าไปได้เลย เดินเข้ามาอีกหน่อยก็เห็นกุญแจรถพอร์ชคันโปรดของเขาวางอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์อย่างโดดเดี่ยว เธอก็หยิบไปแขวนไว้ที่ที่ประจำของมันซึ่งอยู่ติดผนังตรงทางเดินออก จานช้อนที่ใช้แล้วรวมถึงกล่องบรรจุอาหารวางอยู่ในซิงก์ล้างจานหญิงสาวทำทุกอย่างด้วยความเคยชินและอยากทำโดยไม่ได้รู้สึกว่ามันขัดตาถึงต้องทำ
ร่างโปร่งบางเดินมาหยุดยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนโดยที่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปในทันทีเหมือนทุกครั้ง เรื่องเมื่อเช้ายังติดอยู่ในสมองแม้กระทั่งตอนทำงาน เธอกลัวว่าถ้าเปิดประตูเข้าไปแล้วพบว่าเขายังไม่นอน เขายังจะพูดแบบนั้นกับเธอไหม ที่สุดแล้วเธอคงจะยืนอยู่แบบนี้ไปตลอดทั้งคืนไม่ได้ ไม่ว่าอะไรจะรออยู่ในห้องก็ต้องรับให้ไหว แทนตาสูดลมหายใจเข้าลึกเป็นกำลังให้ตัวเองก่อนจะผลักบานประตูเข้าไป รับรู้ถึงกระแสความอ้างว้างที่ลอยอยู่ในอากาศก่อนปะทะเข้าที่หน้า ภายในห้องเปิดไฟสว่างแต่ไร้ความเคลื่อนไหวที่บ่งบอกว่ามีเขาอยู่ คิ้วเรียวเหนือดวงตาคู่สวยขมวดมุ่น เมื่อกวาดสายตาไปทั่วห้องที่ไม่มีสิ่งบดบังสายตาแล้วไม่พบใครจึงสืบเท้ามายังวอล์ก อิน โคลเสต มองตู้เสื้อผ้าฝั่งของเขาก็มีร่องรอยการเลือกเสื้อผ้า ครีมบำรุงผิวของชายหนุ่มที่วางไว้ก็เคลื่อนจากตำแหน่งปกติที่เธอจัดวางเป็นประจำ เมื่อเดินเข้าไปสำรวจในห้องน้ำก็เห็นหลอดยาสีฟันและแปรงสีฟันที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเคาน์เตอร์ที่แสดงว่าเพิ่งผ่านการใช้งานจากเจ้าของ
“มาแล้วนี่ อยู่ไหน”
เวลาก็ล่วงเข้าวันใหม่มาแล้ว เขายังจะออกไปไหนอีกหรือ แทนตานิ่งคิดแล้วเดินออกไปดูที่ด้านนอก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะออกไปอีก เธอเดินกลับไปสำรวจที่ชั้นวางรองเท้าก็เห็นว่าอยู่ครบทุกคู่เธอเป็นคนจัดเรียงมันทุกวันทำไมจะไม่รู้ว่าเขามีรองเท้ากี่คู่ ชอบใส่คู่ไหนเป็นประจำ ของใช้ส่วนตัวทุกอย่างของเขาเธอรู้หมดเพราะเธอเป็นคนซื้อให้เอง
หญิงสาวหมุนตัวเดินกลับมาหยุดที่ห้องโถง กวาดสายตามองหาเท่าที่จะมองเห็นเหมือนตอนนี้เขากำลังเล่นซ่อนหากับเธอ และแอบได้เงียบที่สุดราวกับว่าไม่อยากให้เธอหาเจอ ก่อนสายตาหญิงสาวจะพุ่งเป้าไปที่ประตูห้องห้องหนึ่งที่ถูกปิดไว้ ปลายเท้าเรียวขาวพาตัวเองเดินไปหยุดอยู่หน้าห้อง ยกมือขึ้นจับลูกบิดหมุนเบา ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่ามันถูกล็อกจากทางด้านในซึ่งต่างจากปกติซึ่งมันจะไม่ถูกล็อก แสดงว่า...มีคนอยู่ในนั้น
ตั้งแต่เธอตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดกับเขาหลังจากคุยกันได้สามเดือนก็ไม่มีคืนไหนที่จะนอนแยกห้องกัน การที่เขาทำแบบนี้มันตอกย้ำให้เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังกลัวมันกำลังเกิดขึ้นจริง หญิงสาวยืนน้ำตาริน อารมณ์อ่อนไหวในช่วงนี้ทำให้เธอตัวงี่เง่าไร้เหตุผลถึงขนาดทำให้เขาเบื่อหน่ายรำคาญจนถึงขนาดต้องการเลิกกับเธอ หรือว่า...มันมีเหตุผลอื่น
แทนตายกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อซึมออกมา ตอนเช้าร้องไห้หนักแล้วกลางคืนยังต้องมาร้องไห้เพราะเขาอีก คิดว่ากลับมาจะได้นอนคุยปรับความเข้าใจกันได้แต่เหมือนช่องว่างระหว่างเธอกับเขามันยิ่งห่างออกไปจนเอื้อมไม่ถึง หญิงสาวลากเท้าที่แทบไร้แรงพาตัวเองกลับเข้าไปในห้องนอน เธอไม่ได้คิดจะทุบประตูเรียกให้เขาออกมาคุยกลางดึก ช่วงที่ผ่านมาเธอทำตัวเหมือนคนไร้สติกับเขามามากพอแล้ว
แทนตานอนไม่เต็มอิ่ม พยายามบอกตัวเองให้หลับแต่สมองก็วนเวียนอยู่กับเรื่องราวสารพัดจนเธอไม่อาจข่มตาหลับยาวได้ทั้งคืนจึงออกมานั่งรอเขาที่โซฟา เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูห้องออกมาตอนเก้าโมงเขาก็มองผ่านเธอไปเหมือนมองอากาศธาตุ เดินกลับไปที่ห้องนอนประจำเพื่อชำระร่างกายเตรียมตัวออกไปข้างนอก
คนมันเบื่อหน้ากัน แม้หางตาก็ไม่อยากจะมอง
แทนตาเดินตามไป สายตาที่เมินเฉยเมื่อครู่ทิ่มแทงใจเธอขนาดไหนเขาคงไม่สนใจ แต่เธอยังสนใจเขาอยู่จึงไม่อาจทำอย่างที่เขาทำกับเธอได้
“ตอนเช้าอยากกินอะไรคะ แทนจะได้เตรียมให้”
“ไม่ต้อง จะออกไปข้างนอก” น้ำเสียงห้วน
“เหมือนวันนี้เรานัดว่าจะออกไปกินข้าวข้างนอกกันนะคะ ในโทรศัพท์แทนมันแจ้งเตือนขึ้นมาที่เราคุยกันไว้เมื่อเดือนก่อน แล้วคุณจะไป...” ‘ไหน’ หญิงสาวหยุดคำพูดไว้ทัน รู้ว่าถามออกไปก็จะทำให้เขาไม่พอใจยิ่งขึ้น แต่เธอก็ไม่อาจทนท่าทีที่เมินเฉยแบบนี้ต่อไปไหวจึงเดินไปดักหน้าเขาไว้
ดวงตาคมจ้องมองเธอด้วยแววตาที่ไม่พอใจนักแตกต่างจากเธอที่เหมือนคนใกล้จะร้องไห้เต็มทน
“ถึงขนาดนี้แล้วยังคิดว่าจะไปต่อกันได้อีกเหรอ”
“แทนทำอะไรผิด ทำอะไรให้คุณไม่พอใจก็บอกแทนมาสิคะ ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย”
เขาเบือนหน้าสีด้วยสีหน้าเอือม ๆ มันไม่มีเหตุผลอะไรจะอธิบาย มันแค่เบื่อ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก รำคาญตาเวลาที่เห็นหน้าเธอ เหนื่อยหน่ายที่จะคุยกับเธอ
“เราลองแยกกันอยู่สักพักมั้ยแทน”
ได้ฟังคำนี้แทนตาก็หลุดสะอื้น
“คุณไม่ต้องการแทนแล้ว ไม่รักแทนแล้ว”
“ผมไม่เคยบอกว่ารักคุณเลยนะ น่าจะรู้”
“แต่แทนรักคุณ...ฮึก”
คำว่ารักของเธอทำให้ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมา เขาไม่ได้อยากได้ความรักของเธอ และเขาก็ไม่ได้รู้สึกรักเธอ
“ตอนแรกที่เราอยู่ด้วยกันเพราะอะไร ตอนนี้คุณก็น่าจะเข้าใจ มันหมดเวลาแล้ว เราควรจบกันแค่นี้ดีกว่ายืดเยื้อให้เรื่องมันแย่ แยกกันแบบมองหน้ากันได้ดีกว่ามั้ย”
เขาบอกชัดเจน สีหน้าแววตาก็แสดงออกมาแบบนั้น ไม่มีลังเล ไม่มีเยื่อใย
“แต่แทนยังไม่อยากจบ...ฮือ” เธอโน้มตัวเข้าไปกอดรอบเอวสอบที่เคยกอดรัด
“คุณก็น่าจะรู้ว่าผมไม่เคยคิดว่าจะอยู่กับคุณไปตลอด เรื่องแต่งงานก็ไม่เคยอยู่ในความคิด”
“แทนไม่ได้อยากแต่งงาน แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้”
“แล้วยังไงต่อ จะบอกว่าอยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่ไม่บอกว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร? จะให้มันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนแก่หงำกันไปข้างนึงหรือไง? ถึงจะบอกว่าไม่ได้อยากแต่งงาน แล้วมันจะต่างกันตรงไหนกับการที่ผมต้องติดอยู่กับคุณไปตลอด ทางเดินในชีวิตของผมไม่ได้มีคุณเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทาง”
เขาจ้องหน้าเธอ ย้ำชัดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในห้องโดยไม่สนว่าจะทิ้งให้เธอแตกสลายกับคำพูดของเขา ปุณวริทธิ์รีบจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำแล้วรีบออกไปข้างนอกให้เร็วที่สุด ร่างสูงยืนพ่นลมหายใจฮึดฮัดอยู่หน้ากระจกเงา ก่อนจะยื่นมือไปหยิบแปรงสีฟันที่มียาสีฟันถูกบีบไว้รอแล้วขึ้นมาแปรงฟัน ทุกอย่างทำไปด้วยความเคยชินอย่างไม่เคยเห็นคุณค่าอะไร
^
^
^
***ลูกสาวก็จะชอกช้ำหน่อย ๆ ฝากเป็นกำลังใจให้ด้งยนะค้า