ฉางคงค่อยๆ เปิดหน้าต่างและกระโดดเข้าไปในห้องนอน ท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ดูน่าเกรงขามในสนามรบ ในตอนนี้กำลังทำเรื่องลับๆ ล่อๆ อย่างการปีนเข้าห้องภรรยาสาว
ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาในห้อง เขาเห็นใบหน้านวลเนียนที่เขาคะนึงหาอยู่ทุกวัน เมื่อนางหลับนางชอบนอนตะแคงและชุดที่สวมใส่อยู่ก็ถูกคลายออกจนหลวมเพราะนางเป็นคนขี้ร้อน เนินเนื้อหน้าอกขาวนวลถูกเผยออกมาเกือบครึ่ง ชายหนุ่มจ้องมองนางด้วยความหลงใหล
ซูหลินกำลังหลับ แต่นางรู้สึกเหมือนกับว่าถูกของหนักบางอย่างทับ ทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาและพบกับดวงตาเร่าร้อนของฉางคง
หญิงสาวซึ่งกำลังน้อยใจอยู่พยายามขยับหนีเมื่อเห็นท่าทีตอบสนองของนาง เขาก็กระซิบที่ข้างหู "เจ้าไม่คิดถึงข้าหรือ ในช่วงครึ่งปีที่ข้าอยู่ชายแดน ไม่มีวันใดที่ข้าไม่คิดถึงเจ้า ข้าอยากจะโอบกอดเจ้าเอาไว้ในอ้อมแขนเช่นนี้ทุกคืน" ขณะที่เขาพูดลมหายใจร้อนๆ ของเขา สัมผัสที่ใบหูของนาง หญิงสาวรู้สึกเขินอายใบหน้าขึ้นสีแดง
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนกลางวัน ความเขินอายในหัวใจก็จางลงเล็กน้อย นางก็ถามอย่างจริงจังว่า “ท่านมีคนคอยดูแลอยู่ที่ชายแดน ท่านยังจะมีเวลามาคิดถึงข้าอีกหรือ ” หญิงสาวตอบน้ำเสียงน้ำเสียงแง่งอน
ฉางคงคิดว่านางล้อเล่นจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ “ไปรบที่ชายแดนมีแต่ทหาร จะมีใครมาคอยดูแลข้า”
หัวใจของซูหลินหล่นวูบ เขาไม่อธิบายว่าทำไมถึงได้พานางเอกกลับมาด้วย หรือเขาคิดจะหย่าร้างกับนาง แล้วแต่งงานกับหลิวจิน ตอนนี้ทั้งคู่กำลังมีความรู้สึกดีๆ ให้กันใช่หรือไม่ ตามเนื้อเรื่องในนิยายก็เป็นเช่นนี้
การทะลุมิติในครั้งนี้ นางสามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องที่ครอบครัวบ้านเดิมของนางร้ายจะถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องที่พระเอกจะรักกับนางเอกได้ใช่หรือไหม?
“ท่านโกหกข้า มีคนเห็นท่านพาผู้หญิงกลับมาจากชายแดน นางเป็นคนที่อยู่กับท่านใช่ไหมท่านชอบนาง...ต้องการจะรับนางเป็นอนุภรรยา ... " หญิงสาวพูดพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความน้อยใจ
ฉางคงตกตะลึงกับคำพูดของนาง นี่มันอะไรกัน นางคิดมากอะไรเช่นนี้ แต่พอเขาลองนึกดูแล้วถ้านางคิดเช่นนี้ก็หมายความว่า...
ซูหลินกำลังร้องไห้ แต่พบว่าชายหนุ่มกำลังหัวเราะ เขาหัวเราะเสียงดังท่าทางดูมีความสุขมาก
“ฮูหยินหึงข้า หมายความว่าเจ้ารักข้า ข้ามีความสุขมากจริงๆ ” เขาสบตากับดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอของหญิงสาว รีบพูดยืนยัน “นอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่มีหญิงสาวนางไหนอีก และข้าไม่เคยชอบหญิงคนไหนมาก่อนเลย หญิงสาวที่ติดตามกองทัพมานางชื่อหลิวจิน นางเป็นคนที่มีบุญคุณกับทหารในกองทัพ ข้าปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพเหมือนผู้มีพระคุณเท่านั้น"
เมื่อเห็นสายตาที่ยังคงกังขาของภรรยาเขาก็รีบอธิบายต่อ "ที่ข้าพานางมาด้วยเพราะฝีมือทางด้านการแพทย์ของนาง ตอนที่อยู่ชายแดน เรียกได้ว่านางเป็นหมอเทวดา ช่วยชีวิตทหารบาดเจ็บได้มากมาย หากมาที่เมืองหลวงนางต้องช่วยชีวิตคนได้อย่างมากแน่และข้าก็อยากให้นางมาช่วยดูแลเจ้าและเจียวเจียว หมอส่วนมากมีแต่ผู้ชายจะตรวจโรคอะไรก็ไม่สะดวก ถ้ามีหมอหญิงมาคอยดูแลคงจะสะดวกกว่ามาก”
ซูหลินสบตาที่จริงจังของเขา หัวใจของนางสั่นไหว เมื่อเขาอธิบายสิ่งต่าง ๆ อย่างชัดเจน นางจะยังคงไม่เชื่อได้อย่างไร
หน้าเขาเห็นท่าทีของภรรยาดูอ่อนลง เขาก็รีบถามต่อ “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้...ที่เจ้าไม่รอข้ากลับมา ปิดประตูขวางข้าเอาไว้ เพราะว่าโกรธเรื่องนี้หรือ”
เมื่อได้ยินคำถามของเขา หญิงสาวก็ไม่อยากยอมรับความจริง นางเบือนหน้าหนี ฉางคงใช้จมูกไซร้ใบหูของนาง จนหญิงสาวรู้สึกจั๊กจี้ปนกับเสียวูบวาบที่บั้นท้าย “ฮูหยิน เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่ารักข้า” ดวงตาลึกลับของเขาดูเหมือนจะดึงดูดซูหลินเป็นอย่างมาก
“ข้า... ใครบอกว่าข้ารักท่าน!” ซูหลินรู้สึกเขินอายกับคำถามของเขา
ฉางคงยิ้มเบา ๆ ความปรารถนาในดวงตาของเขาก็เข้มขึ้น “ถ้าเจ้าไม่พูดตอนนี้ ข้าก็มีวิธีให้เจ้าพูดในภายหลัง!” พูดจบเขาก็พลิกตัวขึ้นคร่อมนาง...