สลัมแห่งหนึ่งในกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ผู้คนจะค่อนข้างแออัด ทั้งเด็กเล็กเด็กน้อย คนไทย คนต่างชาติ ปะปนกันไปหมด สภาพความเป็นอยู่ก็ตามมีตามเกิดรวมไปถึงครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง นั่นก็คือครอบครัวของฉันเอง ฉันอาศัยอยู่ในสลัมแห่งนี้แหละเพราะพ่อแม่ฉันอยู่ที่นี่ แน่นอนเข้าตามตำราละครไทยเลยพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิดฉันตายเมื่อไม่นานมานี้ และตอนนี้ฉันอยู่กับแม่เลี้ยงที่เป็นภรรยาใหม่ของพ่อแล้วก็พี่สาวต่างแม่อีกหนึ่งคน
แม่เลี้ยงฉันชอบเล่นการพนันเข้าบ่อนไม่เว้นแต่ละวัน การงานไม่ทำได้แต่ขอเงินพี่สาวไปวันๆ จนพี่สาวเริ่มเอือมระอากับแม่แล้ว
พี่สาวต่างแม่ฉันชื่อนุช พี่นุชทำงานร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ บ้านรายได้ไม่ค่อยมากมายเท่าไหร่แต่ก็พอเลี้ยงดูฉันกับแม่ได้บ้าง พี่นุชเหนื่อยมากฉันเลยอยากแบ่งเบาภาระพี่นุชบ้าง ถึงแม้อีกคนจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม
ระหว่างนั่งกินข้าว
"พี่นุชผักหวานว่าผักหวานจะหางานทำดีมั้ยค่ะ" ฉันมองพี่นุชตาปริบๆ เหมือนต้องการคำปรึกษาจากพี่สาวคนเดียวของฉัน ฉันไม่อยากนั่งกินนอนกินเฉยๆ ทั้งๆ ที่ฐานะทางบ้านเข้าขั้นยากจนไม่ได้มีกินมีใช้ให้อิ่มท้องตลอด
เคร้ง!!
"ห๊ะ!!!! ผักหวานนะหรอจะทำงาน" แค่จะหางานทำเพื่อแบ่งเบาภาระบ้างถึงขั้นทำพี่นุชมือไม้อ่อนเลยหรอนี่ ฉันชักไม่มั้นใจซะแล้วสิ
"เออดี!! หันทำการทำงานซะบ้างไม่ใช่ดีแต่แบมือขอเงินกูกับยัยนุชไปวันๆ คนทำงานมันเหนื่อยโว้ย" แม่หันมาด่าฉันเสียงดังจนฉันสะดุ้งเลย นิสัยก็เป็นเสียอย่างนี้ เอะอะก็ด่าฉันประจำก็ฉันมันลูกเลี้ยงนิจะรักเหมือนลูกแท้ๆ หรือเปล่าอันนี้เริ่มไม่แน่ใจ
"แม่หยุดเลยนะ น้องมันปรึกษาแทนที่จะให้คำปรึกษาดันมาประชดประชันน้องอยู่ได้ อีกอย่างแม่ก็หันหางานทำซะบ้างไม่ใช่เข้าแต่บ่อนสักวันเจ้าหนี้จะตามมายิงถึงบ้านคอยดู" พี่นุชเถียงแม่กลับไป มันก็จริงของพี่แกนะเพราะแม่ก็ไม่ได้ทำงานอะไรเข้าบ่อนกินเหล้าไปวันๆ แถมบางทียังพาเพื่อนๆ ในวงบ่อนมาตั้งวงกินเหล้าที่บ้านอีก เกรงว่าสักวันพวกเจ้าหนี้จะพากันบุกมารุมยำถึงบ้านเอานะสิ
"เข้าข้างกันเข้าไป แกควรฟังฉันนี่ ฉันแม่แกนะอีนุช ส่วนมันก็แค่กาฝากที่พ่อมันทิ้งไว้ให้ฉันเท่านั้น" แม่ชี้หน้าด่าฉัน นี่ฉันผิดอะไรหนักหนาทำไมแม่ชอบว่าแบบนี้ทุกครั้งเลยแต่แม่คงรักฉันนั้นแหละถึงดุด่าว่าเตือนเนอะ
"แม่!!" พี่นุชเรียกแม่เสียงดังลั่น
"ไม่เป็นไรค่ะพี่นุชผักหวานเข้าใจ แค่นี้ผักหวานไม่เป็นไรหรอกค่ะผักหวานรู้ว่าแม่ก็รักผักหวานใช่มั้ยค่ะแม่" ฉันหันไปเกาะแขนแม่แล้วยิ้มตาหยี๋ แต่แม่สะบัดแขนออกแล้วลุกขึ้น
"ใครแม่แกอีผักหวาน!!"
"อ่าว ก็แม่ไงค่ะ ผักหวานพูดกับแม่นี่นา" ฉันเกาหัวแกรกๆ ทำไมแม่ต้องโง่ไม่เข้าใจด้วยนะ ฉันก็รักของฉันจะไม่ได้เลยหรือไง เฮ้อ
"มึงจำใส่กระสมองโง่ๆ ของมึงไว้นะว่ากูไม่ใช่แม่มึง กูมียัยนุชเป็นลูกแค่คนเดียว" นิ้วป้อมๆ ของแม่จิ้มเข้าที่หน้าฝากของฉันจนแทบหงายหลังตกเก้าอี้
"แม่หมายความว่ายังไงค่ะ ผักหวานไม่เข้าใจ ในเมื่อพ่อบอกว่าแม่คือแม่ของผักหวานแล้วทำไมแม่จะไม่ใช่ละค่ะ" ฉันมองแม่ตาปริบๆ ก็พ่อบอกแบบนี้ตั้งแต่ฉันจำความได้นี่นา แล้วแม่จะมาบอกว่าไม่ใช่แม่ฉันได้ยังไง
"มึงมันก็โง่แบบนี้ไงละจะทำอะไรได้อีเด็กซื่อบื้อ!!! เบื่อเว้ย !!!" แม่ด่าเสร็จก็เดินคว้ากระเป๋าออกจากบ้านไป ฉันได้แต่มองตาปริบๆ แม่โมโหอะไรของแก ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แม่นะแม่เอาใจยากจริงๆ สงสัยจะเข้าสู่วัยทองละมั้ง
"เข้าบ่อนอีกตามเคย เฮ้อ" พี่นุชส่ายหัวเบาๆ สงสัยจะเบื่อแม่แล้วมั้ง หงุดหงิดที่ไรวิ่งแจ้นเข้าบ่อนทุกที
"แล้วพี่นุชว่ายังไงดีค่ะ" ฉันถามย้ำเรื่องงานกับพี่นุชอีกครั้ง
"เรื่องทำงานนะหรอ" ตักข้าวไปมองหน้าฉันไป ฉันยิ้มด้วยความคาดหวังว่าพี่นุชจะยอม
"ใช่ค่ะ ผักหวานอยากทำงานผักหวานไม่อยากเรียนแล้วค่ะ แม่บอกว่าผักหวานเรียนไปก็โง่ ก็คงจะจริงเนอะพี่นุช" ทุกวันนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจพี่นุชพยายามหาเงินส่งฉันเรียนเพราะอยากให้ฉันได้มีความรู้ฉลาดหางานดีๆ ทำจนฉันเรียนจบ ม.6 มาได้แต่เกรดเฉลี่ยมันก็ช่างน้อยนิดเหลือเกินแค่สองนิดๆ เอง แต่แม่กลับบอกว่าฉันโง่ไม่ต้องเรียน ฉันควรจะเชื่อใครดี ฉันคิดหนักมากเลยนะเนี่ย
"ใครบอกว่าผักหวานโง่อย่าไปเชื่อผักหวานแค่มองโลกในแง่ดีเกินไปตังหากละ แม่น้องสาวจอมซื่อของพี่"ยีหัวฉันเบาๆ
"ก็ผักหวานจำคำสอนของพ่อไว้นี่ค่ะว่าถ้าเรามองโลกในแง่ดีเราก็จะมีความสุขไม่มีใครมาทำอะไรเราได้ แล้วคนที่เค้าคิดร้ายกับเราเค้าก็จะแพ้พ่ายไปเองค่ะ อิอิ"
"พี่เชื่อนะเพราะไม่ว่าแม่จะดุด่ายังไงผักหวานก็ยังไม่ถือสาแกเลย พี่ละเชื่อจริงๆ ทำได้ยังไง ฮ่าๆๆๆๆ" พี่นุชหัวเราะอย่างชอบใจแล้วส่ายหัวเบาๆ นี่พี่นุชชมฉันอีกแล้วใช่มั้ย ฉันรักพี่สาวคนนี้จัง ถ้าไม่มีพี่นุชชีวิตฉันคงลำบากมากกว่านี้อีกมากโข
"ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ"
ฉันหัวเราะอย่างมีความสุขเพราะได้คุยกับพี่นุชนี่แหละ ลองคุยกับแม่แล้วหัวเราะแบบนี้สิคงโดนไม้เรียวแน่ๆ
"แล้วเรื่องงานว่ายังไงค่ะ" วกกลับมาเรื่องเดิมอีกเพราะพี่นุชยังไม่ตอบฉันเลย ก็ฉันอยากทำงานนี่นา อยู่แต่บ้านมันน่าเบื่อจะตายไป
"แล้วคิดยังละว่าจะทำงานอะไร"
"คิดไม่ออกค่ะ แต่หวานทำได้ทุกอย่างเลยนะพี่นุชขอแค่ได้เงินเป็นพอ อิอิ" ฉันยิ้มแค่คิดว่าจะได้ทำงานฉันก็มีความสุขแล้ว
"งั้นเดี๋ยวพี่ลองถามพี่ๆ ที่ทำงานให้แล้วกันว่ามีงานอะไรให้ผักหวานทำบ้าง"
"จริงนะคะ" มองหน้าพี่นุชด้วยความตื่นเต้น
"จริงสิ แต่พี่ไม่รับปากนะว่าจะมีงานให้ทำเลยมั้ย"
"ไม่เป็นไรค่ะผักหวานรอได้แต่ถ้าได้เลยผักหวานจะดีใจมากๆ เลยค่ะพี่นุช ฮ่าๆๆๆ"
"จริงเลยน้องคนนี้นี่ เอ้า!! ยังไงพี่จะลองถามดูแต่ตอนนี้กินข้าวกันต่อเถอะเดี๋ยวพี่ต้องออกไปทำงานแล้ว"
"ค่ะ"
ฉันจะได้ทำงานแล้วสินะ โอ้ย!! แค่คิดฉันก็มีความสุขแล้วฉันจะได้มีเงินเก็บมาช่วยที่บ้านสักทีแม่จะได้ไม่ด่าว่าฉันเป็นกาฝากอีกแล้ว ฉันจะทำให้แม่กับพี่นุชเห็นว่าฉันก็สามารถทำงานหาเงินได้เหมือนกัน และแน่นอนว่าชีวิตของครอบครัวพวกเราจะต้องดีขึ้นมากกว่านี้อีกด้วย ผักหวานสู้เว้ย!!
ฉันเชื่อว่าถ้าเราทำดี คิดดีเราจะเอาชนะทุกสิ่งได้ จะว่าไปฉันก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหล่อะไรนะ แค่ตาโต แก้มป่อง ปากแดงๆ หน้าใสๆ ผมสั้นตัดหน้าม้าหน่อยๆ ก็โอเคนะ เพื่อนที่โรงเรียนชอบบอกว่าฉันหน้าเหมือนเด็กมัธยม จะบ้าเหรอ ฉันอายุ 18 ปี แล้วนะ ตอนนี้ก็เรียนจบมัธยมแล้วด้วย ฉันโตเป็นสาวแล้วเชื่อฉันสิ
"พ่อนะพ่อไม่น่ารีบตายเลยไม่งั้นพ่อจะได้เห็นหนูทำงานหาเงินมาช่วยพ่ออีกแรง" ฉันล้างจานไปพูดเปรยๆ ไป จะว่าไปฉันก็คิดถึงพ่อจังเลย ตั้งแต่พ่อไม่อยู่ฉันก็ได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็งเหมือนอย่างที่พ่อเข้มแข็งและเป็นแบบอย่างให้เสมอมาในตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
"ผักหวานคิดถึงพ่อนะคะ พ่อรอดูความสำเร็จของผักหวานด้วยนะคะ"
ฉันได้แต่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วยิ้มเหมือนกับว่ายิ้มให้กับพ่อที่คงมองดูฉันจากบนฟ้านั้น