“ธันย์เมื่อยหรือเปล่า ให้อรช่วยพายก็ได้นะ” บอกเขาเมื่อสังเกตได้ว่าจังหวะการพายนั้นช้าลง
“อืม หวังว่าฉันคงไม่จมน้ำนะ” ชายหนุ่มส่งไม้พายให้หญิงสาวแต่ก็ไม่วายดูแคลนให้อีกฝ่ายหน้างอง้ำ
อิงอรจึงหันไปส่งค้อนให้ด้วยความลืมตัว ก่อนจะลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาโดยไม่ให้เขาเห็น เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้
“นี่เธอ พายเป็นมั้ยเนี่ย” ชายหนุ่มโวยวายออกมานิดๆ เมื่อตอนนี้หญิงสาวพายเรือวนไปวนมา จนเขาเริ่มจะเวียนหัว ด้วยความที่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นคนเรียบร้อยหัวอ่อน จึงไม่ทันได้คิดว่าตัวเองจะโดนแกล้ง
“โอ๊ย! หยุดซะที ฉันเวียนหัว เอามานี่เลย ไม่ต้องพายแล้ว” เขาว่าเสียงห้วนดุ ก่อนจะแย่งไม้พายไปจากมือของเธอมาถือเอาไว้เอง
ธันย์ธาดาชะงักมือที่กำลังจะพายเรือต่อ เมื่อรับรู้ว่าร่างบอบบางบนตักกำลังตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความตกใจเขารีบจับให้เธอหันหน้ามาหา ก่อนจะตาลุกวาวด้วยความโกรธ ที่เห็นอีกฝ่ายปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะคิกๆ เอาไว้
“นี่เธอแกล้งฉันเหรออิงอร” ไม่ถามเปล่ามือหนายังจับกุมหัวไหล่บางพร้อมกับบีบจนเต็มแรง
“อรเจ็บนะ” อิงอรบอกเขาเสียงอ่อยๆ ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองอย่างตัดพ้อ เธอแค่แกล้งเขานิดเดียวเอง ทำไมต้องโกรธมากมายขนาดนี้ด้วย
“เธอนี่มันร้ายเงียบจริงๆ เลยนะ ฉันควรจะจับเธอโยนลงไปในน้ำให้ว่ายกลับเองเลยดีมั้ยฮะ” เขาพูดพร้อมกับทำท่าจะยกตัวเธอออกจากตัก เป็นเหตุให้หญิงสาวต้องตาลีตาเหลือกกอดรัดรอบคอเขาไว้จนแน่น
“อย่านะ อรว่ายน้ำไม่เป็น อรขอโทษ ธันย์อย่าโกรธอรเลยนะ” บอกเขาเสียงเจือสะอื้นด้วยความกลัว พร้อมๆ กับแขนเรียวที่รัดรอบคอหนาแน่นขึ้นไปอีก จนชายหนุ่มแทบจะหายใจไม่ออก
“เธอจะรัดคอฉันอีกนานมั้ย ฉันจะขาดใจตายแล้วนะ” ธันย์ธาดาแกะแขนกาวออกอย่างยากลำบาก เมื่อแม่ตัวดีไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งยังส่ายหน้าไม่ยอมท่าเดียว
“ไม่เอา อรกลัว เดี๋ยวธันย์จะโยนอรลงไปในน้ำ” ตอบปฏิเสธที่จะปล่อยเขาไป โดยที่ไม่ได้สนใจเนื้อตัวที่บดเบียดแนบชิดกันเลยซักนิด และตอนนี้คอเสื้อของเธอก็ร่นลงมาจนเผยให้เห็นเนินหน้าอกอวบอิ่ม แต่อะไรก็ไม่สะดุดสายตาเขาเท่ากับสร้อยคอเงินแท้ของเธอที่ห้อยแหวนหมั้นอยู่ ทำให้เขาถึงกับลมหายใจแทบขาดห้วงด้วยความรู้สึกผิด หลังจากเสร็จสิ้นวันหมั้น เขาก็เก็บแหวนใส่คืนไปในกล่องอย่างไม่ไยดี ไม่แม้แต่จะเพ่งพิศถึงความงดงามของมันด้วยซ้ำ
“ไม่โยนหรอกน่า ฉันพูดเล่นเฉยๆ”
“จริงๆ นะ”
“ก็เออสิ”
อิงอรค่อยๆ คลายมือออกจากคอหนาเมื่อเขารับปากด้วยน้ำเสียงจริงจัง ความจริงเวลาเขาเสวนากับเธอก็ดูจริงจังไปหมดแหละ ไม่แม้แต่จะหยอกล้อเลยซักครั้ง ต่างจากตอนที่อยู่กับนวียาเพื่อนของเธอ ดูชายหนุ่มจะยิ้มร่าเริงเสมอในยามที่ได้คุยกับเจ้าหล่อน
อิงอรคิดมาถึงตรงนี้ก็พาลให้ใบหน้าเศร้าลง จนคนที่อยู่ด้วยต้องเอ่ยถามออกมาอย่างเสียมิได้ เขาเปล่าเป็นห่วงนะ แค่ถามในฐานะคู่หมั้น
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ ก็บอกแล้วไงว่าฉันพูดเล่น”
“เปล่า อร…หิวข้าวแล้ว เรากลับกันเถอะนะ พายออกมาตั้งไกลแล้ว”
เธอเสบอกเขาไปอีกเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนอาการ ก่อนจะนั่งนิ่งเงียบอย่างนั้นเมื่อชายหนุ่มพยักหน้ารับ พร้อมๆ กับพายเรือกลับไปยังท่าน้ำ…
“ฮัลโหลกล้วย ว่าไงครับผม” ธันย์ธาดากรอกเสียงนุ่มลงไปในสายด้วยความดีใจ เมื่อเห็นเลขหมายแสดงอยู่บนเครื่องมือสื่อสารของตน
อิงอรชะงักเท้าที่ก้าวเดินนำหน้า เมื่อได้ยินน้ำเสียงยินดีปรีดาของเขาที่เอ่ยกับคนปลายสาย ก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่กำลังเดินห่างออกไปทุกที
เขาเดินห่างออกไปเหมือนกับหัวใจของเขาที่ห่างจากเธอเสมอ ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองคนๆ นี้ที่ยืนน้ำตาไหล เหมือนกับหัวใจของเขา คงไม่มีวันเห็นเธออยู่ในสายตา
อยากจะเรียกร้อง อยากจะต่อว่า แต่ก็ไม่กล้า กลัวความเจ็บปวดที่จะสะท้อนกลับมาจากคำพูดและการกระทำของเขา สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้มีเพียงแค่การกลบเกลื่อนว่าไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร…
“อรๆ อร!” เสียงเรียกที่ดังลั่นอยู่ข้างหูทำเอาอิงอรถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะกะพริบตาสองสามครั้งเพื่อตั้งสติ
“โธ่กล้วย เรียกอรซะดังเลย ตกใจหมด”
“ก็กล้วยเรียกอรตั้งนานแล้วนี่จ้ะ มัวแต่นั่งเหม่อคิดถึงหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ นี่ใกล้เที่ยงแล้วเราไปชวนสามคนนั้นไปทานข้าวกันเถอะ” นวียาบอกเพื่อนพลางบุ้ยใบ้ไปทางกลุ่มเพื่อนหนุ่มสามคน ซึ่งกำลังแข่งงัดข้อกันอย่างสนุกสนาน ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนอีกตัวที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก
“เอ่อ…จ้ะ” อิงอรรับคำเสียงอ้อมแอ้ม แอบถอนหายใจอย่าง โล่งอก เมื่อหลุดออกจากภวังค์ได้เสียที ดีที่นวียาไม่ซักฟอกเธอว่าเป็นอะไร ไม่งั้นคงต้องวุ่นวายคิดหาทางหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้เสี่ยงหลุดกิริยาอาการอะไรออกมาให้เพื่อนสาวสังเกตได้
“อืม จริงสิ อรอย่าลืมนะ เย็นนี้เรามีนัดกันไปเลี้ยงวันเกิดของธันย์ อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ ล่ะ”
นวียาสำทับเพื่อนอีกรอบ หลังจากตกลงกันในกลุ่มเพื่อน คือ อิงอร เพื่อนชายอีกสองคน ได้แก่ เชษฐพลและวัฒนา ว่าจะ Surprise เลี้ยงวันเกิดให้ธันย์ธาดา นวียาแอบรู้มาว่าเขาเกิดวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ แต่ด้วยเป็นวันหยุดจึงเกรงจะไม่สะดวกในการนัดหมาย จึงตกลงกันภายในว่าเลี้ยงวันนี้ดีกว่า
“จ้ะ” อิงอรได้แต่รับปากเสียงเรียบ ทั้งๆ ที่ในใจกำลังร้องไห้อย่างหนัก ขนาดเธอเป็นคู่หมั้น ยังต้องมารู้ทีหลังนวียาเลยว่าคนที่เธอรักเกิดวันไหน
อิงอรแสร้งยิ้มให้เพื่อนสาว เมื่อเห็นนวียายิ้มร่าเดินควงแขนธันย์ธาดามายังโต๊ะที่เธอนั่งรอ ก่อนจะเก็บสัมภาระต่างๆ เดินตามทั้งสองคนไปพร้อมกับเชษฐพลและวัฒนา ที่เดินขนาบข้างพร้อมกับอาสาช่วยถือหนังสือให้เธอ โดยที่เพื่อนๆ ทั้งหมดต่างก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบาง หรือระแคะระคายอะไร ระหว่างธันย์ธาดาและอิงอรซักนิด ว่าทำไมสองคนนี้ถึงไม่ค่อยจะพูดจากัน ทั้งที่อยู่กลุ่มเดียวกันแท้ๆ
ซึ่งคนที่รู้ดีที่สุดก็คงจะเป็นเจ้าตัว โดยฝ่ายชายดูจะมีความสุข ที่ได้เดินเคียงข้างคนที่เขาแอบชอบอย่างนวียา แต่ฝ่ายหญิงอย่างอิงอร ได้แต่กล้ำกลืนก้อนสะอื้น เมื่อต้องเดินตามหลังคนที่แอบรัก และมองเขาหัวร่อต่อกระซิกอยู่กับหญิงอื่นที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอเอง…