ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของเขาและเธอ
ไบนาร่า
ภายในห้องทำงานกว้างใหญ่ บนโต๊ะไม้เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมายวางก่ายกองเหมือนภูเขาลูกเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงหน้าชีคหนุ่ม ที่กำลังนั่งเคร่งเครียดกับงานมากมายเหล่านี้
ดวงตาคมดุจพญาอินทรีกวาดตามองตัวอักษรในแผ่นกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า จากนั้นมือหนาจรด ปากกาเช็นต์ลงไปในแผ่นกระดาษ
ชีครามัส ชีคหนุ่มแห่งไบนาร่าวัยสามสิบปีนั่งเก้าอี้หนังบุนวมสีดำตัวใหญ่ เอนตัวพิงเก้าอี้อย่างเหนื่อยหน่ายเปลือกตาหนาหลับลงชั่วครู่ มือหนาวางปากกาลง ในแต่ละวัน เวลาของท่านชีคส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงาน
ตั้งแต่ท่านชีคราฮิมบิดาของเขาได้ ยกตำแหน่งชีคให้เขารับช่วงต่อดูแลปกครองไบนาร่าต่อจากผู้เป็นบิดา
หลังจากวันนั้นชีครามัสก็ไม่เคยสนใจเรื่องอื่นอีกเลย สร้างความพอใจให้กับชีคราฮิมบิดาเป็นอย่างมากความจริงแล้วชีคราฮิมต้องการเบี่ยงเบนความสนใจบางอย่างเพราะไม่ต้องการให้ลูกชายคนเดียวของเขา เอาเวลาทั้งหมดมานั่งเสียใจกับความรักที่ไม่สมหวังจนปล่อยเนื้อปล่อยตัวเสียผู้เสียคน
ชีครามัสจำต้องแบกรับภาระทั้งหมดทั้งมวลและหันหลังให้ความรักอย่างถาวร ไม่คิดที่จะชายตามองผู้หญิงคนไหนอีกเลยจนกระทั่งเวลาผ่านไปห้าปี
หากวันนี้เขากลับรู้สึกเหนื่อยมากกว่าทุกครั้ง มือหนาเอื้อมไปดึงลิ้นชักแล้วใช้มือล้วงเข้าไปหยิบสิ่งของบางอย่างแล้วนำมันขึ้นมา
รูปถ่ายใบเล็ก ชีครามัสจ้องมองในภาพที่มีใบหน้าผู้หญิงคนหนึ่งกำลังหันมองกล้องอย่างไม่ตั้งใจ ทว่าว่าภาพที่ออกมากลับดูสวยงามมีชีวิตชีวาขึ้นมาจริงๆ
ผู้หญิงในรูปถ่ายเธอที่ทำให้ชีคหนุ่มสูญเสียอาการและเข็ดกับความรัก รูปที่เขาถ่ายด้วยตัวเอง รูปที่เขาตั้งใจถ่ายออกมาด้วยหัวใจ
ดวงตาคมทอดมองรูปถ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งคิดถึง โหยหา และ เสียใจ ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลปะปนหลอมรวมอยู่ในหัวใจด้านชาที่หันหลังให้กับความรักอย่างถาวร
“ฉันคิดถึงเธอจัง ทำไมนะ ทำไมเธอถึงต้องจากฉันไปไกลแสนไกลด้วย” ชีคหนุ่มพึมพำกับรูปถ่าย เสมือนว่าผู้หญิงในภาพถ่ายนั่นสามารถพูดคุยตอบโต้กับเขาได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ มือหนารีบเก็บรูปใส่ในลิ้นชักตามเดิม
“ท่านชีคครับ ผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นหลังเสียงเคาะประตูหยุดลง
“เข้ามาได้” ชีครามัสกล่าวเสียงเรียบ นามาองครักษ์ประจำตัวเดินเข้ามาภายในห้อง มือหนาถือแฟ้มขนาดใหญ่ วางลงบนโต๊ะทำงาน ก้มศีรษะลงอย่างน้อมนอบ
“แฟ้มข้อมูลเตรียมการประชุมเรื่องสัมปทานน้ำมันในเดือนหน้าครับ”ทันทีนามาพูดเสร็จ
ชีคหนุ่มรีบเอื้อมมือคว้าแฟ้มเปิดมองตัวหนังสือในกระดาษ กวาดสายตาอ่านกำหนดการมากมายที่ปรากฏต่อดวงตาคมคู่นั้น ไม่นานมือหนารีบปิดแฟ้มลง
“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน นามา” น้ำเสียงกล่าวขึ้นอย่างอ่อนล้าและแสดงความอ่อนแอให้องครักษ์ประจำตัวเห็น
นามาเห็นท่านชีคมีท่าทางอิดโรยนึกเห็นใจขึ้นมาทันที เขาได้แต่ยืนนิ่งเงียบรอฟังท่านชีคพูดออกมาและยินดีรับฟังปัญหา
“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ทำไมนะ ทำไมฉันถึงลืมเธอไม่ได้”
“ถ้าท่านลืมเธอไม่ได้ ผมว่าท่านน่าจะหาผู้หญิงสักคนมาเป็นคู่ชีวิตนะครับ” นามาออกความเห็นก่อนจะก้มหน้าลงเพราะถูกสายตาคมดุจพญาอินทรีตวัดมองอย่างไม่พอใจ
“ฉันทำไม่ได้ ฉันพยายามทำงานมากขึ้นเพื่อลืม แต่ทำไมถึงลืมเธอไม่ได้” ชีครามัสเอ่ยพร้อมถอนใจเฮือกใหญ่ เกลียดตัวเองที่ยังคงฝังใจกับรักในอดีตนั่น
“ฉันอยากพักผ่อนนามา”
“เอาอย่างนี้สิครับ ผมว่าท่านควรไปต่างประเทศพักผ่อนสักหน่อยน่าจะดีนะครับ”นามาเสนอความคิด
“ก็ดีนะ อีกตั้งหนึ่งเดือนถึงจะมีการประชุมใหญ่” ชีครามัสนั่งครุ่นคิด จึงรีบสั่งองครักษ์คนสนิท
“นามา โทรหาหัสดินให้ที พรุ่งนี้ฉันกับนายจะเข้าพักที่โรงแรม แล้วอย่าลืมบอกด้วยว่าเป็นการส่วนตัว”
“ท่านจะไปประเทศไทยจริงๆเหรอครับ ผมเกรงว่าท่าน........” องครักษ์หนุ่มแย้งขึ้นกลัวท่านชีคของเขาจะพบเจอกับความทรงจำเก่าๆเสียมากกว่า
“นามา.....ทำตามคำสั่งของฉัน” ชีครามัสสั่งเสียงเข้ม
นามารีบก้มศีรษะรับคำสั่งรีบทำตามทันที พรุ่งนี้เช้าเขาจะเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว
ประเทศไทย
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
เสียงเรียกเข้าดังขึ้น โทรศัพท์รุ่นกลางพอเล่นแชทเล่นไลท์ได้ถูกมือบางคว้าลงมาแนบหู
“ฮัลโหล” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยออกมา เปลือกตาบางยังคงหลับอยู่ในความง่วงงัน
“เฮ้ย ริน อยู่ไหนเนี่ย ฉันมาอยู่ร้านแล้วนะ ทำอะไรอยู่ รีบๆมาสิ”น้ำเสียงแหลมปนห้วนเล็กน้อยดังโวยวายอยู่ปลายสาย
มือบางรีบยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง
“เฮ้ย แก้ว ฉันขอโทษนะ อีกสิบนาทีจะรีบออกไป” ร่างบางในชุดนอนสีส้มรูปกระต่ายน้อยเด้งตัวลงจากเตียงนอนวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สายน้ำจากฝักบัวไหลลงกระทบใบหน้าหวาน หญิงสาวเพิ่งตื่นนอน กำลังอาบน้ำอย่างเร่งรีบ
ดารินตื่นนอนเพราะเสียงโทรศัพท์ เนื่องจากวันนี้ได้ทำงานเวลาใหม่ ทำงานตั้งแต่เก้าโมงเช้า ถึง สามทุ่ม เจ้ากรรมดันลืมตั้งเวลาปลุกนึกว่ายังทำงานเวลาเดิม
เวลาเดิมนั้นต้องมาทำงานตอนสี่โมงเย็นถึงสามทุ่มครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาสำหรับพนักงานพาร์ทไทม์ แต่ตอนนี้เธอเรียนจบพอดีคุณนายวจีจึงย้ายเวลาทำงานใหม่ให้
ดารินรีบสวมใส่เสื้อผ้ามือบางคว้ากระเป๋าใบใหญ่ภายในมีชุดยูนิฟอร์มของร้านใส่เอาไว้ ร่างบางเร่งฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่ง จนมาถึงรถมอเตอร์ไซด์คู่ใจ
หญิงสาวขึ้นคร่อมนั่งบนเบาะ สวมหมวกกันน็อค สตาร์ทรถ เคลื่อนตัวจนพ้นเขตรั้วบ้านร่างบางรีบลงมาปิดประตูรั้วพอปิดประตูเสร็จเธอก็ขึ้นมานั่งรถมอเตอร์ไซด์คันเดิมแล้วบิดคันเร่งพาหนะคู่ใจเคลื่อนตัวมุ่งหน้าอย่างรวดเร็ว
“ริน เร็วๆ” กิ่งแก้วยกมือโบกสะบัดกระโดดตัวขึ้นลงเหยงๆเหมือนตัวจิงโจ้
ทันทีพาหนะคู่ใจของดารินจอดสนิทตรงเส้นสีขาวพอดีเป๊ะ มือบางรีบถอดหมวกกันน็อคขนาดครึ่งใบออกพ้นหัวผมมัดรวบหางม้าอย่างลวกๆ
“ขอโทษนะแก้ว ฉันลืมไปเลย ยิ่งเมื่อคืนนอนไม่หลับด้วย กว่าจะหลับเอาได้เกือบตีสามแน่ะ” ดารินขอโทษขอโพยเพื่อนสาวเป็นการใหญ่
“เรื่องนั่นช่างมันเถอะ ไปเร็ว ป่านนี่คุณแม่วจียืนตาเขียวปัดรอแล้ว” กิ่งแก้วในชุดยูนิฟอร์มคว้าข้อมือบางลากเพื่อนสาวเดินเข้าไปภายในร้าน
เป็นเพราะคุณนายวจีไม่เห็นดารินมาทำงานด้วยความแปลกใจจึงเอ่ยปากถามกิ่งแก้วเพราะเป็นเพื่อนสนิท กิ่งแก้วจึงอาศัยจังหวะนี้ขอตัวออกมาโทรตามและก็เป็นตามที่คิดเอาไว้จริงๆด้วย
ภายในร้านหญิงร่างท้วมยืนคุมพนักงานจัดเตรียมโต๊ะสำหรับกรุ๊ปทัวร์ที่จะมาทานอาหารเที่ยงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“คุณแม่วจี สวัสดีค่ะ”น้ำเสียงหวานปนเสียงหายใจเหนื่อยหอบเอ่ยทักทายหญิงร่างท้วม ที่มีฐานะเป็นเจ้าของร้านอาหารเรือนไทยสี่ภาคแห่งนี้
“สวัสดี” คุณนายวจียกมือรับไหว้ “ทำไมมาสายละจ๊ะ ดาริน” น้ำเสียงราบเรียบฟังรื่นหูถามหญิงสาว
ดารินนึกใจชื้นขึ้นมาบ้างอย่างน้อยก็ไม่โดนต่อว่า
“พอดีว่ารินลืมเวลาใหม่ค่ะ คุณแม่วจี” ดารินกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ต่อไปนี้รินจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ”
“อืม แม่เข้าใจ เคยทำงานเวลาเดิมมาเสียนาน พอเปลี่ยนเวลาใหม่มันก็ต้องมีบ้างเนาะ ไม่เป็นไรๆ” คุณนายวจีกล่าวไม่ถือโทษ
“แต่ทีหลังอย่าให้เกิดขึ้นอีกนะ ครั้งต่อไปแม่จะหักเงินเดือน” หล่อนขู่พร้อมกับคาดโทษเอาไว้ทำเอาทั้งสองสาวร้อนๆหนาวๆไปตามๆกัน
“ขอบคุณค่ะ จะไม่มีเป็นครั้งที่สองแน่ๆค่ะ” ดารินยิ้มแก้มปริยกมือไหว้ขอบคุณเจ้านายที่แสนดีเช่นคุณนายวจี ถึงจะชอบขู่หักเงินเดือนก็เถอะยังดีกว่าถูกคุณนายวจีเทศนาเสียอีก
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวกรุ๊ปทัวร์มาจะเหนื่อยเอา เร็ว” หญิงเจ้าของร้านเอ่ยเร่ง ดารินรีบก้มตัวเดินผ่านตรงไปยังห้องพักพนักงาน
“กิ่งแก้ว” เสียงเรียกแกมดุดังตามหลัง กิ่งแก้วกำลังจะเดินตามหลังดาริน หยุดชะงัก แล้วหันหน้ายิ้มแหย่ๆ
“จะไปไหน ไปทำงานสิจ๊ะ” สายตากึ่งดุของคุณนายวจีมองหน้าพนักงานสาว
กิ่งแก้วฉีกยิ้มหวานค่อยๆเดินทำตัวลีบผ่านร่างท้วมของคุณนายวจี จากนั้นก็เร่งฝีเท้าวิ่งตรงไปจัดโต๊ะ
ดารินแต่งตัวในชุดยูนิฟอร์มเสร็จเรียบร้อย ร่างบางรีบเดินมาช่วยจัดโต๊ะ วางจาน ช้อนส้อม เป็นระเบียบเรียบร้อย
ใบหน้าหวานมีแต่รอยยิ้ม สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ ไม่ว่าใครจะเข้ามาทักทายเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวานและส่งยิ้มให้ทุกครั้ง
ดารินจึงเป็นที่รักของพนักงานทุกคน แม้จะทำงานในร้านแห่งนี้จนเรียนจบเธอก็ไม่คิดจะย้ายไปทำงานที่ไหนอีกแล้ว เพราะว่าเธอได้เจอเจ้านายที่ใจดี อย่างคุณนายวจี
ในเมื่อเจอเจ้านายสุดแสนใจดีรักลูกน้องแบบนี้จะไปหางานอื่นทำให้เสียเวลากันทำไมกัน คุณนายวจียืนมองสองพนักงานสาวช่วยกันจัดโต๊ะอย่างขยันขันแข็งหล่อนยังจำภาพเด็กสาวทั้งสองคนมาสมัครงานที่ร้านได้แม่นยำทั้งสองคนนั้นมาสมัครงานในชุดนักศึกษาดูเรียบร้อย และหล่อนยังเป็นคนสัมภาษณ์งานด้วยตัวเอง เหตุนี้ทำให้เห็นความตั้งใจของเด็กสาวทั้งสองคนที่ยอมเหนื่อยมาทำงานหาเลี้ยงตัวเองทั้งๆหน้าตาก็ดูสะสวยกันทั้งสองคน
ถ้าหากเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาดีคงทำงานขายศักดิ์ศรีตัวเองมากกว่าจะยอมเหนื่อยเป็นพนักงานเสิร์ฟธรรมดาๆแบบนี้หรอก นึกแล้วว่าตัวเองคิดไม่ผิดจริงๆที่รับเด็กทั้งสองคนนี้เข้ามาทำงาน
คุณนายวจีเป็นเจ้าของร้านอาหารเรือนไทยสี่ภาค ร้านอาหารไทยตกแต่งด้วยรูปแบบเรือนไทยทั้งสี่ภาค
ภายในร้านตกแต่งด้วยเรือนไม้ขนาดใหญ่หันหน้าเข้าหากันทั้งสี่ด้าน มีเพียงตรงกลาง ให้เป็นลานกว้างสำหรับเวทีการแสดง
การแสดงจะนำเสนอในรูปแบบการละเล่นที่เป็นจุดเด่นของละภาคมาจัดโชว์มอบความบันเทิงแก่กรุ๊ปทัวร์ที่มารับบริการเพื่อได้เห็นถึงวัฒนธรรมของไทยในแต่ละภาค
ร้านอาหารเรือนไทยสี่ภาคเป็นร้านอาหารเปิดบริการสำหรับกรุ๊ปทัวร์เป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าหากนักท่องเที่ยวมาเป็นกลุ่มเล็กทางร้านก็มีพื้นที่จัดไว้ให้ โดยจะใช้เรือนไทยทั้งสี่หลังเป็นเขตแบ่งสำหรับพนักงานคอยบริการดูแล
ร้านอาหารเรือนไทยสี่ภาคเปิดบริการสองรอบ ช่วงเช้าบริการอาหารบุฟเฟ่ต์สำหรับกรุ๊ปทัวร์กลุ่มใหญ่ ส่วนช่วงเย็นเป็นบริการอาหารสำหรับกรุ๊ปทัวร์กลุ่มใหญ่และกลุ่มเล็ก นอกจากนี้ยังมีการแสดงเพื่อสร้างความบันเทิงแก่ผู้คนที่มาใช้บริการอีกด้วย
ดาริน กิ่งแก้ว รับหน้าที่ดูแลรับผิดชอบในส่วนของกรุ๊ปทัวร์กลุ่มเล็ก เพราะดารินมีนิสัยชอบยิ้มแย้มอยู่เสมอมีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวานสมกับเป็นกุลสตรีไทย คุณนายวจีจึงมอบหน้าที่ให้หญิงสาวดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเป็นกันเองเพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะรอยยิ้มหวานของเธอ
ส่วนกิ่งแก้วด้วยความที่มีนิสัยซุ่มซ่าม คุณนายวจีจึงสั่งให้ไปช่วยดารินอีกแรง เพราะต้องการฝึกนิสัยของกิ่งแก้วให้มีความเป็นกุลสตรีมากยิ่งขึ้น
เหตุนี้คุณนายวจีจึงชอบขู่เอาไว้ ถ้ากิ่งแก้วเผลอมีเรื่องกับลูกค้าหรือซุ่มซ่ามจนเกิดเรื่องเมื่อไหร่คุณนายจะหักเงิน และจะหักไม่ให้เหลือเลย
กิ่งแก้วยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายและระมัดระวังทุกครั้งในเวลางาน ถึงแม้คุณนายวจีจะชอบขู่หักเงินอยู่ร่ำไป แต่พอเอาเข้าจริงๆคุณนายก็ไม่เคยหักเงินอย่างที่ขู่เอาไว้ แถมยังออกหน้าช่วยเหลือทุกครั้งในยามเกิดเรื่อง แบบนี้ไงพนักงานทุกคนจึงให้ความเคารพนับถือเปรียบเหมือนเป็นแม่อีกคน สาเหตุนี้ดารินกับกิ่งแก้วจึงเรียกคุณนายวจี ว่า คุณแม่ อยู่เสมอ
ในวันนี้กรุ๊ปทัวร์เข้ามารับประทานอาหารกลุ่มใหญ่พอสมควร พนักงานรีบยืนต้อนรับสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมให้ความดูแล บริการอาหารอย่างเต็มที่ ไม่ต่างไปจากคุณนายวจีที่คอยยืนสังเกตตรวจตราหากโต๊ะไหนอาหารหมด หรือลูกค้าต้องการอย่างอื่นเพิ่มก็จะเรียกพนักงานให้มาเติมที่ลูกค้าต้องการทันที กว่าลูกค้าจะทานอาหารกันอิ่มก็ปาเวลาไปเกือบบ่ายสอง
ดารินจัดการเก็บกวาดโต๊ะทำความสะอาดอย่างหมดจด กิ่งแก้วจัดการตามมาเช็ดโต๊ะจำกัดคราบอาหาร หลังจากกรุ๊ปทัวร์ในตอนเที่ยงเสร็จสิ้น ก็มาถึงเวลาพักของพนักงาน รอทำงานอีกทีในเวลาสี่โมงเย็น
ทว่าว่าเวลาในการทำงานผ่านพ้นอย่างรวดเร็วในที่สุดเวลาเลิกงานก็มาถึง กิ่งแก้วยิ้มร่าจัดการเก็บจานแก้วน้ำบนโต๊ะทำความสะอาดอย่างรวดเร็ว ส่วนดารินคอยจัดการเช็คแก้วน้ำ เช็คจาน เก็บใส่ในตู้ให้เรียบร้อยเมื่อทุกอย่างถูกจัดการเข้าที่เข้าทางแล้ว พนักงานเริ่มทยอยแยกย้ายกลับบ้าน
ดารินเดินมาพร้อมกับกิ่งแก้วตรงมาที่จอดรถ ทั้งสองแยกย้ายนั่งรถของตัวเอง
“ขับรถกลับดีๆนะริน” กิ่งแก้วเอ่ยขึ้นนั่งบนเบาะก่อนจะขับรถออกไป
“เช่นกันนะ” ดารินยิ้มหวานโบกมือไล่หลัง วันนี้รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรงอย่างบอกไม่ถูก กลับบ้านต้องรีบนอนพักผ่อนตั้งเวลาปลุกใหม่แล้วละนะ ว่าแล้วหญิงสาวนั่งคร่อมเบาะแล้วขับรถมุ่งสู่บ้านหลังน้อย