“มันก็เหมือนเวลาเธอดูหนังแหละครับ แต่ละฉากที่คิดว่าต้องมีในหนังเราก็จะเอามาวาดไว้ในสตอรี่บอร์ดแบบนี้”
“แล้ว…เราต้องถ่ายตามแบบนี้เป๊ะๆ เลยเหรอคะ ถ้ามีฉากที่อยากใส่เพิ่มทีหลังล่ะ”
“แบบนั้นก็ใส่ได้ครับ สตอรีบอร์ดมันเป็นแค่การกำหนดทิศทางคร่าวๆ ถ้าตอนที่ถ่ายแล้วรู้สึกว่าอยากจะเติมฉากหนึ่งเข้าไปให้เรื่องมันสมบูรณ์ก็ยังทำได้ แต่ยังไงก็ต้องควบคุมไม่ให้มันออกนอกทิศทางของเรื่องอยู่ดี”
ชายหนุ่มตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มือยังคงชี้ไปที่ช่องในแผ่นกระดาษ อันเป็นใบงานของวิชาที่เรากำลังเรียนกันอยู่ในขณะนี้ สาริศาได้แต่มองตามปลายนิ้วเรียวยาวที่ลากไล้ไปบนหน้ากระดาษ ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่เธอเพิ่งขอให้ช่วยสอนเขียนสตอรีบอร์ดอีกครั้ง
“อ๋อ เข้าใจแล้วล่ะ” ใบหน้าสวยพยักขึ้นลงว่าเข้าใจ กระนั้นก็ยังไม่ได้ลงมือวาดแต่อย่างใด เพราะที่จริงแล้วเธอไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาสอนอะไรหรอก เรื่องนี้อาจารย์ก็อธิบายไปหมดแล้วและเธอก็ไม่ใช่พวกหัวทึบที่จะฟังไม่เข้าใจ
แต่ที่ให้อีกฝ่ายมานั่งสอนอยู่แบบนี้ ก็เป็นเพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่เกณิกาซินพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ที่ว่าเธอเป็นสเปคของเดโค
“งั้นถ้าเป็นเดค ตามบทที่อาจารย์ให้มานี้ เดคจะให้มีฉากแบบไหนบ้างเหรอคะ” เธอถามขณะที่สบลึกเข้าไปในดวงตาของเขา ครั้งที่แล้วเธอเขินจนต้องหลบสายตาแต่วันนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้นแน่
“ถ้าเป็นเราคงอยากให้มีภาพกว้างๆ ก่อนครับ จากนั้นก็ค่อยเจาะลงไปที่ตัวละครหลัก คนจะได้ไม่สับสนว่าตัวละครหลักเป็นใครกันแน่” ชายหนุ่มยังคงไม่หลบสายตาไปก่อนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามยิ่งเธอหันไปสบตากับเขาตรงๆ เดโคก็ยิ่งจ้องกลับมาราวกับกำลังสู้เสียอย่างนั้น
สุดท้ายก็เป็นสาริศาที่ต้องละสายตาออกมาก่อนเพราะทนความหวิวในอกไม่ไหว ยิ่งเขาเน้นคำว่าเจาะพร้อมกับมองตาไปด้วยหัวใจของเธอก็ยิ่งสั่นระรัว ในหัวพาลจะจินตนาการภาพตอนโดนเขาเจาะจนรู้สึกวูบวาบไปทั่วทั้งร่าง
รู้สึกเหมือนเราไม่ได้กำลังคุยเรื่องบทหนังกันอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“อย่างในบทที่อาจารย์ให้มาเป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่แอบรักพี่ชายข้างบ้านจนตามมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ถ้าเป็นเราก็คงจะเริ่มด้วยการถ่ายมุมสูงของสถานที่ที่ทั้งสองคนอาศัยอยู่ เพราะบทบรรทัดแรกมันก็กล่าวถึงว่าทั้งสองคนอยู่บ้านใกล้กัน”
เดโคว่าพลางลงมือวาดลงบนกระดาษใบงานของตัวเองเป็นรูปมุมสูงของสิ่งปลูกสร้างคร่าวๆ แล้วเขียนกำกับอีกด้านว่าเป็นภาพสถานที่อยู่อาศัยของตัวละครหลัก
สาริศาได้แต่มองตามสิ่งที่เขากำลังสอนก่อนจะลอบมองเสี้ยวหน้าคมที่อยู่ใกล้ๆ เพราะอีกฝ่ายย้ายโต๊ะมานั่งข้างๆ เธอตอนที่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ก่อนจะแอบสูดกลิ่นเย็นสดชื่นของน้ำหอมแนวสปอร์ตที่ลอยออกมาจากตัวของอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ
ยิ่งได้เห็นว่าเขาใช้นิ้วยาวๆ ดันแว่นที่ตกลงมาให้ไปอยู่ที่เดิมเธอก็ยิ่งหายใจสะดุด อดนึกไม่ได้ว่าหากนิ้วนั้นได้ทำอย่างอื่นนอกจากดันแว่นจะดีขนาดไหน
“ถ้าเธอเริ่มไม่ถูก ลอกฉากแรกเราก่อนก็ได้ครับ” และมันยิ่งหนักมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อจู่ๆ เขาก็หันมาดึงมือเธอออกจากหน้ากระดาษ แล้วขยับเข้ามาวาดภาพแบบเดียวกันให้ในช่องแรกของสตอรีบอร์ด
โน้มกายเข้าหาจนเกือบแนบชิดจนได้กลิ่นน้ำหอมชัดเจนกว่าเดิม ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาสามารถหยิบกระดาษไปวาดบนโต๊ะของตัวเองก็ได้
สาริศาได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้เขาวาดจนเสร็จทั้งที่ใจสั่นจนแทบทนไม่ไหว ทว่าเหมือนเดโคจะไม่อนาทรร้อนใจอะไร ไม่ตื่นเต้นจนปวดอกเหมือนกันกับเธอเลยสักนิด
“ลองดูนะครับ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนอีกก็ถามเราได้ เราเต็มใจสอนทุกอย่างที่เธอสงสัย” นอกจากจะไม่เดือดร้อนอะไรแล้วเขายังเริ่มเก็บอุปกรณ์การเรียนการสอนของตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่สาริศาต้องหนีบขาของตัวเองเพราะน้องสาวเจ้ากรรมจู่ๆ ก็รู้สึกเสียววูบขึ้นมา
ไม่ได้การ เธอเองก็หนึ่งในตองอูเหมือนกัน จะปล่อยให้เขามาไล่ต้อนแบบนี้มันใช่ได้ที่ไหน
“เต็มใจสอนทุกอย่างเลยเหรอคะ” เมื่อคิดอย่างนั้นหญิงสาวจึงได้เอ่ยปากถาม นัยน์ตาสวยสบกับอีกฝ่ายอย่างเชิญชวนชัดเจนิตายิ่งกว่าเก่า เขาลองเชิงขนาดนี้แล้วเธอคงไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนอะไรแล้วล่ะมั้ง
ชายหนุ่มฟังจบแล้วก็ส่งยิ้มบางๆ มาให้ทว่าแววตากลับร้อนแรงแผดเผา และไม่อ่อนโยนเหมือนอย่างรอยยิ้มเลยสักนิด
“ครับ อยู่ที่สาริศาอยากให้เราสอนเรื่องไหน” เขาตอบแค่นั้นก่อนจะไล่สายตาลงมามองริมฝีปากของเธออยู่อีกชั่วอึดใจ แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะเดินกลับไปนั่งกับเพื่อนเหมือนเดิม
ทิ้งไว้เพียงความวาบหวามจนลำคอแห้งผากให้ยังตกค้างอยู่ในอกของคนโดนมอง หญิงสาวได้แต่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เธอไม่เคยเจอคนที่เงียบและนิ่งแต่ทำลายล้างได้มากขนาดนี้มาก่อน
เดี๋ยวก็รู้ ว่าเนิร์ดปลอมอย่างเขาจะสอนได้ทุกอย่างอย่างที่พูดหรือไม่