Married แต่งแล้ว (อย่า) รัก 16
“ไม่นอนต่อเหรอ?” เมื่อรู้สึกตัวตื่นก็เห็นว่าคุณจอมทัพยังนั่งอยู่ที่เดิมแล้วยังเอนหลังพิงกับโซฟาตัวที่ฉันนั่งอยู่
“ฉันหลับไปนานไหม?” กลัวว่าอีกฝ่ายจะต่อว่าเอาได้ ทั้งที่บอกให้มาทำงานแล้วยังอ่อนแอจนเขาลำบากแบบนี้
“สามสิบนาทีล่ะมั้ง”
“ค่ะ เดี๋ยวทำงานต่อ” ฉันบอกและค่อย ๆ ขยับลุกขึ้นนั่งบนโซฟา คุณจอมทัพคอยลอบมองทุกการเคลื่อนไหวกระทั่งฉันนั่งลงที่พื้นหน้าโซฟาข้าง ๆ เขา จึงทำให้เขายอมวางมือที่นับเงินและปล่อยให้ฉันทำต่อไปจนเสร็จ เงินถูกนับใส่ซองอย่างครบถ้วน ผ่านการตรวจสอบจากคุณจอมทัพแล้วเรียบร้อยก่อนที่เงินในตะกร้าใส่จะถูกพี่ ๆ มายกออกไปเพื่อทำการจ่ายเงินให้คนงาน
“กลับไปอาบน้ำที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปบ้านคุณย่า” คุณจอมทัพบอกกับฉันเมื่อเขาพาฉันขึ้นมานั่งบนรถในช่วงเวลาเย็นของวันเดียวกัน ฉันอาบน้ำแต่งตัวก่อนโดยที่ไม่ลืมเตรียมงานไปนั่งทำที่บ้านของคุณย่าด้วย หลังจากคุณจอมทัพอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเราถึงได้เดินทางไปที่บ้านคุณย่า
“อ้าว กินข้าวมาหรือยังลูก” เมื่อก้าวผ่านประตูบ้านมาได้ก็ได้ยินเสียงร้องทักจากคนคุณย่าทันที และท่านยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้โยกตัวโปรดของท่าน
“ยังเลยค่ะ หนูจะมากินข้าวกับคุณย่า มีอะไรให้หนูกินบ้างนะ” เอ่ยอ้อนพร้อมกับขยับเข้าไปสวมกอดคุณย่าไว้ ท่านตัวอุ่นขึ้นมากกว่าปกติจนถึงกับขมวดคิ้วกังวลใจ
“มีเยอะเลย แจ่มเขาทำไว้น่ะหนูหิวหรือยัง?” คุณย่าถามฉันกลับมา
“นิดหน่อยค่ะ คุณย่าหิวหรือยัง?”
“ถ้าหนูหิวย่าก็หิว แล้วนี่หลานเขยย่ามาไหมหรือแอบมาคนเดียวอีก” คุณย่าเอ่ยถึงใครอีกคนที่ยังไม่ได้เดินตามเข้ามาเพราะจังหวะที่กำลังลงจากรถโทรศัพท์ของอีกฝ่ายเหมือนจะมีสายเรียกเข้ามา
“เขาพามาค่ะ แต่น่าจะคุยโทรศัพท์อยู่”
“อ๋อ งั้นก็ให้แจ่มตั้งโต๊ะเถอะทำงานกันมาเหนื่อย ๆ กินข้าวหน่อยจะได้มีแรง” เพราะคุณย่าเริ่มเคลื่อนไหวลำบากมากกว่าเมื่อก่อนเราจึงให้ท่านนั่งรถเข็นเป็นหลักแต่พอวันนี้ท่านบอกว่าเหนื่อยไม่อยากขยับตัวเยอะฉันเลยต้องนั่งป้อนข้าวคุณย่าโดยที่ท่านยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้โยก
“คุณย่าเป็นยังไงบ้างครับ ผมไม่ค่อยได้พาน้องมาหาเลย” คนที่หายไปคุยโทรศัพท์สักพักใหญ่ก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ยถามไถ่คุณย่า
“ก็คนแก่ล่ะลูก หิวไหมไปกินข้าวสิ พาน้องไปด้วยนะย่าอิ่มแล้วล่ะ” คุณย่าส่งยิ้มให้ทั้งฉันและคนที่เพิ่งเดินเข้ามา ฉันเห็นว่าท่านกินข้าวได้เยอะเลยไม่ได้ขอให้กินอีก พี่ส้มและป้าแจ่มนั่งเฝ้าคุณย่าต่อเพราะทั้งคู่กินข้าวแล้วในจังหวะที่ฉันป้อนข้าวคุณย่า
ตอนนี้เลยมีเพียงฉันและคุณจอมทัพเท่านั้นที่นั่งกินมื้อเย็นด้วยกันที่โต๊ะกินข้าวพร้อมกับอาหารหลายอย่าง ระหว่างเรายังคงมีเพียงความเงียบกระทั่งคนที่รีบกินข้าวเอ่ยบอกฉันเสียงเรียบ
“ผมต้องออกไปข้างนอก เดี๋ยวจะให้คนที่บ้านเอารถมาให้แล้วกัน”
“ค่ะ”
“หวังว่าจะไม่ได้แอบออกไปเจอใครหรอกนะ”
“ต้องบอกว่าฉันไม่ใช่คุณที่จะออกไปเจอใคร อย่าใช้สิ่งที่ตัวเองทำมาตัดสินคนอื่นค่ะ”
“พลอยไพลิน” คุณจอมทัพเรียกชื่อฉันเสียงเข้ม และฉันไม่ได้มองหน้าเขาแล้ว มือยังคงยื่นไปตักกับข้าวมากินเรื่อย ๆ พร้อมกับขบคิดอะไรบางอย่างกับตัวเอง
“ชวนทะเลาะตลอด อยากได้อะไรโทรมาบอกนะรู้ไหม” อีกฝ่ายเอ่ยย้ำเมื่อเห็นว่าฉันนั้นเงียบไปและไม่ได้เถียงเขากลับอย่างที่เคยทำมา
“พลอย...”
“คะ?” ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อมีมือแตะลงบนแก้มเบา ๆ เป็นคุณจอมทัพที่เดินเข้ามายืนข้าง ๆ ฉันที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้กินข้าว แทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเหม่อลอยไปตั้งแต่ตอนไหน
“เป็นอะไรหรือเปล่า ไหวไหม?”
“ค่ะ คุณจะไปเลยไหม?” ฉันพยักหน้าและถามเขากลับ ไม่คิดว่าตัวเองจะเหม่อไปแบบนั้นเหมือนกัน คุณจอมทัพมองอย่างชั่งใจคิดก่อนจะส่ายหน้าแล้วบอกว่าเขาไม่ไปแล้ว
“ทำไมคะ? ไปได้นะนี่ไม่ได้เป็นอะไร”
“อยู่ได้แน่นะ”
“ค่ะ สบายมาก” ฉันยืนยัน คุณจอมทัพยังมองฉันอยู่นิ่ง ๆ ก่อนจะยอมพยักหน้าส่งให้ในที่สุด แต่เขาก็ยืนรอกระทั่งคนงานที่บ้านเขาขับรถฉันเข้ามาจอดไว้ให้บริเวณหน้าบ้าน
“ล็อกบ้านดี ๆ มีอะไรโทรมา หรือโทรหาพ่อกับแม่ก็ได้”
คุณจอมทัพเอ่ยย้ำกับฉัน และจะขอคิดว่าเขาเป็นห่วงแล้วกันนะ